สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
ตัวหนังเต็มๆคือน่าสนใจมาก องค์ประกอบทุกอย่างเหมาะเป็นหนังเทศกาลมาก
ทั้งภาพ สี การแสดง เรื่องจริง เกย์ สัญลักษณ์ ข้อคิด และอื่นๆๆ คือน่าดูนะ อยากดูเลยแหละ
แต่พอเอามาตัดๆๆแล้วใส่ไว้ใน เพื่อนเฮี้ยน คือมันผิดที่ผิดทางมากๆทุกสิ่งอย่าง แค่กลุ่มคนดูหลักๆมันก็ไม่ใช่แล้ว
ตัดแบบนี้ ทำให้หนังที่ดูยากอยู่แล้วยิ่งดูไม่รู้เรื่อง รายละเอียดหาย
คนดูที่ไม่ใช่แนวนี้ยิ่งไปกันใหญ่ โดนด่าก็ไม่แปลกใจ แต่เสียดายของ
เสียดายเพื่อนเฮี้ยนตอนสุดท้าย ที่น่าจะทำแบบตั้งใจ จบให้สวยๆเหมือนที่เริ่มไว้แบบวนิดาคือจะโดนมากๆ
เสียดายหนังเต็มโดนด่าฟรีไปด้วย ทั้งที่ตัวหนังน่าดูมาก อย่างที่บอกมันผิดที่ผิดทางจริงๆ
ทั้งภาพ สี การแสดง เรื่องจริง เกย์ สัญลักษณ์ ข้อคิด และอื่นๆๆ คือน่าดูนะ อยากดูเลยแหละ
แต่พอเอามาตัดๆๆแล้วใส่ไว้ใน เพื่อนเฮี้ยน คือมันผิดที่ผิดทางมากๆทุกสิ่งอย่าง แค่กลุ่มคนดูหลักๆมันก็ไม่ใช่แล้ว
ตัดแบบนี้ ทำให้หนังที่ดูยากอยู่แล้วยิ่งดูไม่รู้เรื่อง รายละเอียดหาย
คนดูที่ไม่ใช่แนวนี้ยิ่งไปกันใหญ่ โดนด่าก็ไม่แปลกใจ แต่เสียดายของ
เสียดายเพื่อนเฮี้ยนตอนสุดท้าย ที่น่าจะทำแบบตั้งใจ จบให้สวยๆเหมือนที่เริ่มไว้แบบวนิดาคือจะโดนมากๆ
เสียดายหนังเต็มโดนด่าฟรีไปด้วย ทั้งที่ตัวหนังน่าดูมาก อย่างที่บอกมันผิดที่ผิดทางจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 25
อ่านกระทู้นี้แล้วมีความเห็นอยู่ 2 จุด
จุดแรกคือตัวซีรีส์ ตัดต่อหั่นออกมาไม่ดีจริง ๆ ครับ คอนเซปต์ gimmick ปมตัวละครอะไรออกมาดีมาก แต่การตัดต่อแบบบางอย่างก็ข้ามไปดื้อ ๆ บางอย่างก็ใส่มาแบบโดด ๆ มันไม่ช่วยส่งเสริมให้ไปถึงคอนเซปต์ที่หนังตั้งไว้อย่างเต็มที่จริง ๆ
แต่จากการที่อ่านความเห็นในกระทู้นี้ ผมแอบสะดุดกับ comment ว่าจะมีสักกี่คนที่ดูหนังลึก คนเราอยากดูหนังง่าย ๆ กันทั้งนั้น ไม่ต้องเข้าฌาน หรือคิดตามจนปวดกระโหลก เลยงอกมาอีกจุด
ผมว่าการที่หนัง ละคร หรือซีรีส์ (แม้กระทั่งด้านอื่นเช่น เพลง) ที่ทำให้คนดูต้องคิดตามมากขึ้น ไม่ใช่เอะอะก็เผยทุกอย่างดื้อ ๆ ดีสุดโต่งร้ายสุดโต่งแบบละครหลังข่าว ทิ้งช่องให้คนคิดตามมากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดีนะ มันช่วยยกระดับคนดูและวงการมากขึ้น คนดูคิดตามมากขึ้น คนทำหนังก็กล้านำเสนออะไรที่หลากหลายขึ้น ซึ่งคืนสีน้ำเงินก็ตอบโจทย์นี้ เพียงแค่ความเลวร้ายในการตัดต่อ ไม่ได้ช่วยทำให้คนดูคิดต่อได้เท่าที่ควร
จุดแรกคือตัวซีรีส์ ตัดต่อหั่นออกมาไม่ดีจริง ๆ ครับ คอนเซปต์ gimmick ปมตัวละครอะไรออกมาดีมาก แต่การตัดต่อแบบบางอย่างก็ข้ามไปดื้อ ๆ บางอย่างก็ใส่มาแบบโดด ๆ มันไม่ช่วยส่งเสริมให้ไปถึงคอนเซปต์ที่หนังตั้งไว้อย่างเต็มที่จริง ๆ
แต่จากการที่อ่านความเห็นในกระทู้นี้ ผมแอบสะดุดกับ comment ว่าจะมีสักกี่คนที่ดูหนังลึก คนเราอยากดูหนังง่าย ๆ กันทั้งนั้น ไม่ต้องเข้าฌาน หรือคิดตามจนปวดกระโหลก เลยงอกมาอีกจุด
ผมว่าการที่หนัง ละคร หรือซีรีส์ (แม้กระทั่งด้านอื่นเช่น เพลง) ที่ทำให้คนดูต้องคิดตามมากขึ้น ไม่ใช่เอะอะก็เผยทุกอย่างดื้อ ๆ ดีสุดโต่งร้ายสุดโต่งแบบละครหลังข่าว ทิ้งช่องให้คนคิดตามมากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดีนะ มันช่วยยกระดับคนดูและวงการมากขึ้น คนดูคิดตามมากขึ้น คนทำหนังก็กล้านำเสนออะไรที่หลากหลายขึ้น ซึ่งคืนสีน้ำเงินก็ตอบโจทย์นี้ เพียงแค่ความเลวร้ายในการตัดต่อ ไม่ได้ช่วยทำให้คนดูคิดต่อได้เท่าที่ควร
ความคิดเห็นที่ 9
บทสรุปของตอนนี้คือ เป็นงานตัดต่อที่เลวร้ายมาก
ผมเป็นคนชอบดูหนังอาร์ตนะ แต่เรื่องนี้ไม่อาร์ตอ่ะ ใครบอกอาร์ต พูดโดยไม่คำนึงว่า
มันมีหนังฉบับเต็มอยู่ ซีรี่ส์น่าจะโดนตัดไปมาก เพราะเกี่ยวพันกับการฆ่าคนในครอบครัว
ประเด็นในซีรี่ส์มีมากไป มากเกินเวลาที่ฉาย เรียกว่าควรฉายนานกว่านี้ จุดไคลแมกซ์
ของเรื่องไม่น่าตื่นตา ถ้าใครที่ติดตามข่าวมาบ้าง ดูตัวอย่างจะรู้เลยว่าได้แรงบันดาลใจ
มาจากคดีฆาตกรรมจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งผมก็พอรู้มาบ้าง กะจะมาดูว่าซีรี่ส์จะผูกเรื่องยังไง
จะสร้างแรงจูงใจยังไง เจอแบบนี้พัง
ผมไม่สนนะว่ามีเวอร์ชั่นหนังใหญ่รออยู่ นี่พูดถึงแค่ตอนที่ฉายไปเมื่อคืนเท่านั้น
สรุป ตัดต่อพัง
ผมเป็นคนชอบดูหนังอาร์ตนะ แต่เรื่องนี้ไม่อาร์ตอ่ะ ใครบอกอาร์ต พูดโดยไม่คำนึงว่า
มันมีหนังฉบับเต็มอยู่ ซีรี่ส์น่าจะโดนตัดไปมาก เพราะเกี่ยวพันกับการฆ่าคนในครอบครัว
ประเด็นในซีรี่ส์มีมากไป มากเกินเวลาที่ฉาย เรียกว่าควรฉายนานกว่านี้ จุดไคลแมกซ์
ของเรื่องไม่น่าตื่นตา ถ้าใครที่ติดตามข่าวมาบ้าง ดูตัวอย่างจะรู้เลยว่าได้แรงบันดาลใจ
มาจากคดีฆาตกรรมจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งผมก็พอรู้มาบ้าง กะจะมาดูว่าซีรี่ส์จะผูกเรื่องยังไง
จะสร้างแรงจูงใจยังไง เจอแบบนี้พัง
ผมไม่สนนะว่ามีเวอร์ชั่นหนังใหญ่รออยู่ นี่พูดถึงแค่ตอนที่ฉายไปเมื่อคืนเท่านั้น
สรุป ตัดต่อพัง
แสดงความคิดเห็น
"คืนสีน้ำเงิน" คนธรรมดา ๆ นี่แหละ หลอนเสียยิ่งกว่าผี!!! (สปอยล์แหลกลาญ)
ทั้งที่ดูไม่รู้เรื่องเลย และที่โวยวายว่า ผีกรูอยู่ไหน หรือเหวอที่จบตอนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...
จริง ๆ ตอนนี้มันขาด ๆ เกิน ๆ ค่อนข้างมาก เหมือนเรื่องมันขาดหายเป็นช่วง ๆ ยิ่งพอรู้ว่า
เคยเป็นหนังยาวมาก่อนก็เริ่มเข้าใจถึงที่มาของความกะท่อนกะแท่นของการเล่าเรื่อง
(แล้วไหงถูกตัดจนมาเป็นหนังสั้นได้หว่า???)
ผมเองก็ไม่เข้าใจทั้งหมดหรอกครับ แต่อยากมาแชร์ในส่วนที่ตนเองพอจะจับได้ จริง ๆ เนื้อเรื่อง
ก็ไม่ได้ซับซ้อนจนดูไม่รู้เรื่องนะ ถ้าสรุปก็ประมาณว่า ตั้ม เกย์เด็กที่มีปัญหากับครอบครัว ต่อมา
ตั้มได้มาเจอกับ ภูมิ (ไม่รู้มาจากนรกภูมิหรือเปล่า) ทั้งคู่มีอะไรกัน ซึ่งยิ่งทำให้ตั้มระหองระแหง
กับที่บ้านหนักขึ้นจนในที่สุดก็ต้องออกมาจากบ้าน ในต้องท้าย ขณะที่เรากำลังงุนงงสงสัยเรื่องผี
เรื่องฝัน หนังก็เฉลยให้เรารู้ว่าตั้มเป็นคนจ้างวานฆ่าคนในบ้านของตัวเอง
เรื่องราวจริง ๆ ก็ไม่น่ามีอะไรมากกว่านี้ แต่สิ่งที่ผมสนใจน่าจะเป็นเทคนิคการเล่าเรื่องในหนัง
มากว่า เพราะประเด็นหลักของหนังมันว่าด้วยการ "come to the dark side" ของตั้มนั่นแหละ
สังเกตว่าช่วงต้นเรื่อง องค์ประกอบภาพต่าง ๆ จะสะท้อนภาวะของตั้มที่อยู่ระหว่างทางสองแพร่ง
ตั้งแต่ซีนเปิดเรื่องที่ตั้มถูกซ้อมลงไปกองตรง "เส้น" สนามบาส การเดินบนรั้วปูนแบบชิล ๆ (ไม่กลัว
ตกลงมาขาแข้งหักหรือวะ?!!)
ตั้มนั้นเริ่มเข้าสู่ด้านมืดชัดเจน ตั้งแต่ตอนที่ "ข้ามเส้น" ปีนกำแพงเข้าไปในสระว่ายน้ำเก่าแล้ว
ยิ่งการปรากฎตัวของ "ภูมิ" เราจะยิ่งเห็นว่าชีวิตตั้มกำลังเข้าสู่ด้านมืดทีละน้อย (เข้าใจว่าส่วนใหญ่
จะมองไม่ออกเพราะพลังจิ้นมันบังตา: P)
ส่วนตัวแล้วผมว่าฉากในสระว่ายน้ำนั้นสำคัญมาก ๆ เพราะขณะที่คนดูส่วนหนึ่งจะจิ๊กหมอน แต่
รายละเอียดที่มันสะท้อนถึง ด้านมืดของคนทั้งคู่มันสื่อชัดมาก ไม่ว่าการสูบบุหรี่ ที่ตอนแรกภูมิสูบ
คนเดียว แต่ท้าย ๆ เรื่องเราก็เห็นตั้มสูบบุหรี่ด้วย หรือตอนภูมิชวนตั้มเล่นน้ำ ที่ทีแรกตั้มก็ปฏิเสธ
เกี่ยงว่ามัน "สกปรก" แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ไปลั้ลลาในน้ำซะงั้น --"
คราบดำ ๆ ในสระน้ำ ถ้าจินตนาการสักหน่อย ผมว่ามันไม่ต่างๆ อะไรกับผีที่ลอยคอในกะทะทองแดงเลย
ยิ่งตั้มพยายามขัดคราบดำในสระจนทำให้เขาจมลึกลงไปจนแทบเอาชีวิตไม่รอด มันยิ่งมีนัยยะ
สื่อไปถึง "นรกในใจ" ของตั้มชัดเจนเข้าไปอีก
แม้หนังพยายามบิ๊วให้เราสงสารตั้มแค่ไหน ทั้งปมความเป็นเกย์ การเป็นลูกที่พ่อแม่ไม่รัก การถูก
เปรียบเทียบกับพี่ชาย แต่อย่าให้ความน่าสงสารของตั้มนั้นหลอกเราได้นะครับ เพราะสิ่งที่ตั้ม(และภูมิ)ทำ
มันเลวกรรมหนัก (ตรงนี้มั้งที่ผู้ปกครองต้องให้คำแนะนำบุตรหลาน...?)
ตอนจบเรื่อง ทั้งคู่นั้นทำสำเร็จตามแผนและ (ยัง) ไม่มีใครจับได้ แต่หนังก็เลือกจบโดยการให้ทั้งคู่
ดำน้ำไปด้วยกัน แล้วก็จบเอาดื้อ ๆ ซึ่งยอมรับเลยว่าผมก็เหวอ-เหมือนกัน แต่พอนึกย้อนกับส่วน
อื่น ๆ ของหนังแล้ว ฉากนี้มันก็สะท้อนถึงการจมดิ่งลงไปในขุมนรกได้เหมือนกัน (ระดับโลกันตนรกเสียด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ )
คือหนังมันไม่ได้แย่นะครับ พอจะเข้าใจแหละว่าทีมงานกำลังทำอะไร แต่ว่าผลที่ออกมาคือ มันไม่สนุกอะ
มันติสแตกหน่อย ๆ ด้วย และ 12 ตอนก่อนหน้านี้มันเป็นอีกแนวเลย ง่ายนี้ GTH คงโดนบ่นก่นด่าบ้าง
ลองอะไรใหม่ ๆ ก็ต้องรับให้ได้ทั้งดอกไม้และกระถางนะครับ