นวนิยาย : สาปหฤหรรษ์ ตอนที่ 14-16

นวนิยาย : สาปหฤหรรษ์ บทนำ http://ppantip.com/topic/32975045
นวนิยาย : สาปหฤหรรษ์ บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/32977360
นวนิยาย : สาปหฤหรรษ์ ตอนที่ 2-3 http://ppantip.com/topic/32991479
นวนิยาย : สาปหฤหรรษ์ ตอนที่ 4-5 http://ppantip.com/topic/33031690
นวนิยาย : สาปหฤหรรษ์ ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/33043753
นวนิยาย : สาปหฤหรรษ์ ตอนที่ 7-10 http://ppantip.com/topic/33099993
นวนิยาย : สาปหฤหรรษ์ ตอนที่ 11-13 http://ppantip.com/topic/33167398

-------------------------------------------------------------


ตอนที่ 14


          บุญรักษานั่งอยู่ในความมืด มองเตียงไม้ตาแป๋ว เตียงของราชครูอยู่ไม่ห่างจากจุดที่นั่งนี้ เขาคงหลับไปแล้ว เธอเป็นคนจัดการปัดที่นอน กางมุ้งให้ พัดวีจนเขาผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ จึงค่อยลงมา

           คืนเดือนมืดแทบมองอะไรไม่เห็น อาจพอคาดเดาความเคลื่อนไหวได้จากเงารางๆ แต่ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

           เธอมองเค้าโครงรูปร่างของราชครู เขานอนทอดกายอยู่บนเตียงปูฟูกนั้น เสียงผ่อนลมหายใจของเขาก็ยังฟังได้ว่าไพเราะนัก ป่านนี้คงหลับสนิท ไม่ตื่นขึ้นมาโวยวาย แขนของเธอเมื่อยไปเลยทีเดียวเมื่อต้องพัดให้อยู่นาน

           หญิงสาวถอนหายใจออกมา คู้ขาทั้งสองขึ้นและกอด เกยคางตนเองไว้บนหัวเข่า มองราชครูเงียบๆ เขาน่านอนหลับได้สบายมากๆ อยู่นะ เธอออกจะปรนนิบัติได้ดีถึงขนาดนี้ พัดวีชนิดยุงไม่ไต่ ไรไม่ตอม เตียงของเขาก็มีฟูกปู มีมุ้งกันยุง มีนางทาสอย่างเธอคอยดูแล จะไม่สบายได้อย่างไรกัน ส่วนเธอเองก็ต้องนอนข้างล่างใกล้กับเตียงของเขา เสื่อผืนหมอนใบ ไม่มีมุ้ง ชักจะนึกถึงอะไรลางๆ

           เสียงวี้ๆ ของยุงเรียกร้องให้มองตาม บินผ่านหน้าราวกับอยากประลองฝีมือ แต่ก็ไม่ง่ายที่จะทำ ถึงเธออยากจะตบยุงนักก็ต้องยั้งมือ เธอไม่อยากเสี่ยง ถ้าหากตบแล้วราชครูตื่นเพราะเสียงดัง งานนี้มีหวังต้องไปนั่งพัดวีให้เขาอีกเป็นนานกว่าจะหลับอีกรอบ

           บุญรักษานั่งมองทุกอย่างในความมืดอยู่นานทีเดียว ผ้านุ่งของเธอยังเป็นผ้าผืนนั้นที่เขาให้มา รูปหล่อแต่ขี้เหนียวจริงๆ

           เธอคิดถึงท่านราช ภาพของเขาปรากฏชัดในสำนึก สายตามองฝ่าความมืดด้วยใจหดหู่อย่างประหลาด มองทุกอย่างแบบเงียบๆ สมองคิดอะไรไปเรื่อยๆ เป็นห่วงว่าท่านราชจะสบายดีหรือไม่ หรือจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ ส่วนเธอก็เป็นอย่างที่เห็น สภาพที่หลับนอนอาจไม่ดีนัก แต่ถ้าหากเทียบกับตอนอยู่ในกระท่อม ที่เรือนของราชครูย่อมดีกว่า ทว่าใจกลับไม่เป็นสุขเท่าตอนนั้นเลย แน่นอนว่าเธอยังกลัว

           หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ มองไปรอบห้องอีกครั้งแล้วจึงค่อยๆ เอนตัวลงนอน

           ราชครูสุดหล่อคงหลับลึกมากๆ ไปแล้ว นั่นจึงทำให้ยิ้มเศร้ากับตนเอง มองทุกอย่างในความมืดนี้เช่นเดียวกับอนาคต

           ลมพัดเย็นวูบให้หนาวเป็นระลอกจนต้องนอนตะแคงขดตัว ดึงผ้าผืนบางที่ราชครูให้ไว้ก่อนนี้ขึ้นห่มกาย เวลาผ่านไปนานเท่าไรกลับไม่ให้ความอบอุ่นเท่ากับผ้าคลุมผืนนั้นของท่านราช

           เธออยากได้ผ้าคลุมคืน ขอแค่ได้ห่มผ้าคลุมผืนนั้นแทนผ้าบางๆ ผืนนี้ แล้วตอนเช้าจะเก็บกลับเธอก็ไม่ว่า แต่ราชครูใจร้ายนัก เอาไปซ่อนไว้เรียบร้อยไม่ให้เธอรู้

          ‘ท่านราชคะ ท่านมาช่วยฉันเร็วๆ เถอะ’ หญิงสาวได้แต่ภาวนาในใจ ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด คิดถึงผู้เคยช่วยเหลือ

           ความเหนื่อยอ่อนจากเรื่องราวหลากหลายทำให้เผลอหลับอย่างไม่รู้ตัว

                             “แรกรักสุขซ่านล้ำ    สาปลวง

                        ช้ำรักโศกร้าวทรวง        สาปแท้

                        รู้รักไป่สุขสรวง              สาปส่ง

                        ไร้รักห่อนทุกข์แท้           สาปนาง”



           เสียงหญิงชราแหลมเย็นดังเคล้าคลอสายลมหนาวเยือกนั้น โคลงกลบทอักษรรวนสมุทรดังมาอย่างเศร้าสร้อย ฟังแล้วโศกตรมไม่น้อยดั่งว่าจะตัดพ้อ

           บุญรักษาลืมตาขึ้นทันทีเมื่อแน่ใจว่าเสียงนี้ดังชัดขึ้นทุกขณะ วนเวียนท่องซ้ำราวกับย้ำเตือน อาการง่วงงุนเคลิ้มหลับก่อนนั้นหายเป็นปลิดทิ้ง สติตื่นตัวเร็วไว การรับรู้กลับมาครบถ้วนพร้อมกับขนกายที่ลุกชัน รีบเหล่มองรอบด้านทั้งยังนอนตะแคงเช่นนั้น ไม่กล้ากระดิกตัว เพราะหากคิดทบทวนให้ดี ในห้องนี้ไม่เปิดหน้าต่างไว้นี่นา แล้วลมเย็นๆ นั่นจะพัดเข้ามาได้อย่างไร

           ครั้นนึกได้เท่านี้ก็หลับตาปี๋ แต่ไม่ทันเสียแล้ว

           เธอหลับตาไม่ได้!

           มีบางอย่างเคลื่อนตัวเข้ามาจากทางปลายเท้า เคลื่อนไหวช้าๆ ชวนหลอนเป็นที่สุด

           บุญรักษาแน่ใจว่าเห็นชายผ้าคลุมสีดำ แค่นี้เหมือนใจจะหยุดเต้นทั้งที่ความจริงคือเต้นรัว เต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอกเมื่อผ้าคลุมหยุดอยู่ตรงหน้า เท่ากับว่าเธอกำลังจ้องตาเขม็ง กรีดร้องแต่ก็ไม่รู้ว่าเสียงหายไปไหน เรือนร่างที่มีผ้าคลุมเอาไว้ขยับใกล้เข้ามา แทบจะโดนหน้าของเธออยู่รอมร่อ

           หญิงสาวรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งลง ขยับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหา ผ้าคลุมที่ใส่นั้นเป็นแบบเดียวกับของท่านราช และเป็นแบบเดียวกับผ้าคลุมของเธอผืนนั้นที่ถูกราชครูเก็บไป

           เธอไม่เห็นใบหน้าที่มีฮูทปิดลงมา กลัวจับใจ น้ำตาไหลเงียบๆ ความมืดทำให้ยากต่อการมองแต่กลับรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มเย็น หัวใจเหมือนจะวายทุกวินาทีกับความเคลื่อนไหวและรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเธอเช่นกัน จนเมื่อร่างนั้นนอนทอดเคียง ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกันเรียบร้อย ความหนาวเยือกก็แล่นปราดจับหัวใจ

           แผ่นหลังร้อนวาบทันที ไม่มีใบหน้าให้เห็น มีแค่ผ้าคลุมที่เหมือนจะยิ้มให้ในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงคือมีแค่ความว่างเปล่าตามประสาสิ่งที่สายตายากจะมองออก

           “มาสิเจ้า” เสียงหญิงชราดังขึ้น

           ผ้าคลุมที่ไม่เห็นร่างกายผู้สวมไหลเข้าร่างปะทะใบหน้าและร่างกายของเธอแล้ว!

           เสียงเปรี้ยงกึกก้องกัมปนาทหวั่นไหวยิ่งกว่าฟ้าผ่า พื้นเรือนสั่นสะเทือนประหนึ่งแผ่นดินปริแยก ไอสังหารและกลิ่นแห่งความเกลียดชังลอยล่องเต็มไปหมด

           เสียงกรีดร้องแหลมเย็นเจ็บปวดเคียดแค้นดังตามมาอย่างชัดเจน แสงสว่างวาบโรมรันรู้ว่าเกิดการต่อสู้

           “แม่หญิงรัก!”

           นั่นเสียงของท่านราช

           บุญรักษาพยายามกระยิ้มกระสนลุกขึ้น แต่ก็ไม่ง่ายสักนิด เนื้อตัวของเธอกระดิกไม่ได้ ของเย็นๆ บางอย่างรัดบีบลำคอ

           “เจ้าคนบังอาจ!” เสียงหญิงชราคนเดิมดังขึ้น แต่คราวนี้หวีดแหลมให้รู้ว่าโกรธแค้นเป็นที่สุด

           บุญรักษาถูกบีบคอจนไอ จุกและหายใจไม่ออก หน้าอกเหมือนถูกเหยียบ มีแต่คำว่า ‘บังอาจ!’ ดังขึ้นซ้ำๆ ต่อเนื่องไม่หยุด

           “ท...ท่านราช” หญิงสาวพยายามเรียกหา หวังได้ความช่วยเหลือจากเขา แต่ก็ไม่ง่ายเลย การถูกบีบคอจนตาปูดโปนแทบทะลักเป็นแบบนี้นี่เอง

           “รัก รัก!”

           บุญรักษาพยายามเพ่งมอง แต่ตอนนี้สมองของเธอเหมือนจะระเบิด เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ กระบอกตาร้อนวูบวาบไม่หยุด หายใจไม่ออก เนื้อตัวปวดร้าว กระดูกดั่งถูกป่น เหมือนจะหมดแรงให้ได้ในตอนนี้

           มีคนรั้งเธอให้ลุกนั่ง รู้ว่ามีคนเรียกชื่อขณะช่วยเหลือ บุญรักษาพยายามหายใจ พยายามเพ่งมอง แต่ไม่ง่ายเลย

           เธอไม่เห็นอะไร

           หญิงสาวขยับตัวไม่ได้ เสียงก็เหมือนจะเปล่งไม่ได้ ความเจ็บปวดเหมือนเข็มเป็นล้านๆ เล่มรุมทิ่มบิดเกลียวทวีคูณมีตามมา เจ็บปวดจนอยากจะตาย เจ็บมากกว่าครั้งใดๆ ที่เคยเกิดขึ้น เจ็บจนตัวสั่นสะท้าน ขดตัวยิ่งกว่าขดเพราะความเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก

           “รัก ตื่น!” เสียงเฉียบขาดสั่งมา

           บุญรักษาหายใจเข้าเฮือกใหญ่ สูดลมหายใจเข้าลึกทั้งปากทั้งจมูกแทบพร้อมกันในจังหวะหนึ่ง แสงสว่างนวลตามาจากลูกกลมๆ บ่งบอกว่ายังเป็นตอนกลางคืน

           ชายหนุ่มรูปงามผมยาวไม่ใส่เสื้อ นุ่งผ้าลอยชาย ผมยาวดำขลับนั้นปรกลงมาถึงหน้าเธอ แน่ชัดว่าผู้ชายคนนี้คือราชครู เขากำลังมอง เขย่าตัวและตีแก้มเธอเบาๆ ให้ได้สติ ทว่าความเจ็บปวดเช่นเดียวกับโรคประจำตัวกำเริบยังทวีขึ้นไม่หยุดหย่อนจนหายใจไม่ออก

           “ราช-คือ-ผู้-ใด” ราชครูถามเสียงเข้ม ขรึม แววตาคาดคั้น

           หญิงสาวเจ็บปวดเกินกว่าจะตอบออกไปได้ จึงกลายเป็นว่างอตัวยิ่งกว่าเดิม ปล่อยราชครูดั่งว่าจะกอดเอาไว้ มือของเธอจับแขนของเขาเกร็งแน่น

           เธอไม่สนว่าราชครูจะทำอะไรอีกแล้ว เพราะตอนนี้หากทำสิ่งใดให้หายจากอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเธอคงจะทำ มากกว่าสนใจว่าราชครูจะคิดอะไร

           “ข้าพเจ้าถาม ไยจึ่งมิตอบเล่า ราช-คือ-ผู้-ใด!” เขาตะคอกใส่หน้าเธอขณะพลิกตัวให้กลับมา จับคางให้มองหน้าเขา ความไม่พอใจเต็มเปี่ยมอยู่ในสีหน้าท่าทางที่เห็น

           บุญรักษาตอบทั้งยังกัดฟัน “ราช-ครู-อย่าง-ไรเล่า...เจ้าข้า” พูดทั้งกัดฟันเอาไว้ ในบางจังหวะฟันก็กระทบกันกึกๆ เพราะความเหน็บหนาว มือควานหาผ้ามาห่มแม้รู้ว่าช่วยไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ขอให้มีอะไรกันเธอให้ห่างจากราชครูบ้างเถอะ

           หญิงสาวหลับตา ตอนนี้ไม่ขออะไรมากไปกว่าหายจากความเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้นเป็นพอ

           “เจ้าเจ็บไข้ดอกรึ” พูดจบก็ช้อนร่างของเธอขึ้นทันที วางไว้บนเตียงอย่างระมัดระวัง

           “ห...หนัก” มิวายเป็นห่วงอีกฝ่ายว่าจะหลักยอกเสียอีกแน่ะ

           “ดูแลได้ดอก ใช่หนักกระไร” ราชครูตอบไปก็จัดท่านอนให้เธอไป

           “ข้าพเจ้า-ผอม-ลง” บุญรักษาพูดเสียงขาดๆ หายๆ ในใจคิดว่าเพราะเธอแทบขาดอาหารจากการอยู่ในป่า จึงทำให้อีกฝ่ายอุ้มได้ง่ายราวกับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของร่างอวบๆ

           “วันแรกพบกันเป็นเยี่ยงไร เพลานี้รูปกายก็หาแตกต่างกันดอกเจ้า ไปเอาความคิดว่าซูบผอมมาด้วยเหตุใดรึ ข้าพเจ้าแข็งแรงมากดอก จึงช่วยเหลือมิเหนื่อยยากดอกนั่น” เขาพูดไปก็จัดที่นอน เก็บชายมุ้ง หันมาห่มผ้าให้เธอไป

           แต่โอย... เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมเลยคราวนี้ ที่นึกว่าผอมลงเพราะอยู่ในป่า จริงแล้วแทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงหรือนี่ ทว่าตอนนี้เธออยากให้ท่านราชอยู่ด้วย เพราะถ้าหากท่านราชอยู่... ขอแค่โบกมือครั้งเดียวอาการเจ็บไข้ก็หายไปเหมือนที่เคยเป็นมา

           ทว่าสิ่งที่ราชครูเอ่ยนี่สิ...

           “อย่าให้รู้เทียวว่าคำกล่าวเมื่อครู่หลอกลวง แววตาเจ้านั่นแล คือผู้เฉลย คิดถึงผู้ใดอยู่รึ” พูดเหมือนงอนแต่ก็จัดผมของเธอให้เข้าที่ มองความเรียบร้อยรอบเตียง ก่อนจะพาตัวเองเข้ามานั่งข้างๆ เกลี่ยผมที่ปรกหน้าของเธอให้พ้นไป

           ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่มีหยุด จนฟันที่กัดไว้ยิ่งกัดหนักกว่าเดิมและหายใจไม่ออก เธอไม่เคยเจ็บมากขนาดนี้มาก่อนเลย

           ราชครูเอนกายลงนอนตะแคง หันหน้าเข้าหา บุญรักษามองเขา แววตาไร้ความเสน่หาแต่ดูเร่าร้อนเย้ายวนให้คนเข้าใกล้สำแดงชัด ใบหน้าหล่อเหลานั้นเคลื่อนเข้ามา

           เขาจูบเธอ!

          ‘ม่ายยย จูบแรกของฉัน’ บุญรักษาโอดครวญ ไม่รู้ว่าตอนนี้ที่หายใจไม่ออกเพราะเจ็บหรือเพราะตกใจ

           ราชครูสุดโหดไม่ละเว้นคนป่วยอย่างเธอเลยรึ ถึงหล่อแต่เล่นแบบนี้เธอไม่เอาด้วยนะ

          เปรี้ยง!

          ตึง!

           ฟ้าผ่า ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ดังก้องยิ่งกว่าครั้งใด ปัทมราชครูไม่สนใจสักนิดว่ารอบนอกกำลังเกิดอะไรขึ้น เขาทำเพียงขยับแขนโอบเอวเธอเอาไว้ ลากรั้งตัวเธอให้ขยับเข้าใกล้ ดึงตัวมาแนบชิดแนบอก จูบอย่างที่เอาแต่ใจเป็นที่สุด

           จูบ... และกอดเธอแน่นมากกว่าเดิม กอดดั่งว่าจะหลอมรวมกายนี้เอาไว้ด้วยกัน ก่อนจะกดเธอลงกับฟูกแล้วเขาขยับพลิกทาบทับ ซึ่งนั่นแทบจะทำให้เธอเป็นลม เขาจู่โจมไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัวสักนิด

           บุญรักษาพยายามผลักออก แต่อีกฝ่ายแข็งแรงจนไม่เขยื้อน ครั้นเธอบ่ายหน้าหนี เขาก็ตรึงคางเธอเอาไว้

           “ห...หายใจ ม...ไม่ออก” พยายามบอกแต่เขากลับเบียดเข้ามา จมร่างจนเหมือนว่าจะฝังเธอไว้ตรงนี้ แล้วกลบปิดด้วยร่างกายของเขา เสียงลมหายใจเข้าออกหนักๆ ทำให้เธอยิ่งกลัว แต่ก็ไม่กล้าขัดใจเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่