พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด
ชุดที่ ๒ นางมัจฉาผู้อาภัพ
ตอนที่ ๑ ถึงใครอื่นหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
ฑ.มณฑา
เมื่อครั้งที่ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร มาที่เกาะแก้วพิศดาร พร้อมกับสินสมุท ลูกชายนั้น เมื่อมาถึงเกาะแก้วพิศดารแล้ว
นางเงือกจึงได้ทราบว่าพ่อแม่ตายเสียแล้ว ก็ร้องไห้เศร้าโศกอยากจะตายตามไปด้วย
ฝ่ายเงือกน้ำฟังยักษ์ตระหนักแน่
ว่าพ่อแม่ม้วยมุดสุดสงสาร
ลงกลิ้งเกลือก
กายเพียงวายปราณ
ชลีลานลาองค์พระทรงธรรม์
น้องจะขอไปเป็นเหยื่อผีเสื้อน้ำ
จะได้กล้ำกลืนข้าให้อาสัญ
ด้วยพ่อแม่ก็เข้าไปอยู่ในครรภ์
ได้พบกันตามประสาชีวาวาย ฯ
พระอภัยก็รีบปลอบโยน ห้ามปรามเอาไว้ว่า
พงศ์กษัตริย์ตรัสห้ามด้วยความรัก
หวังจะหักอาดูรให้สูญหาย
โอ้น้องแก้วแววตาจะลาตาย
แสนเสียดายดังใครล้วงเอาดวงใจ
ถึงบิดามารดาสมรม้วย
พี่จะช่วยปกป้องให้ผ่องใส
อยู่พึ่งบุญบารมีพระชีไพร
เราจะได้เห็นกันทุกวันคืน ฯ
นางเงือกจึงหักห้ามความเสียใจ และยอมอยู่ที่เกาะแก้วพิศดาร โดยพระอภัยขอฝากพระฤาษีให้อาศัยอยู่ที่อ่าวหลังเกาะ
พระฤาษีก็อนุญาตและเสกด้ายเป็นสายสิญจน์ให้สวมใส่ เพื่อป้องกันภัยจากสัตว์ร้ายและนางผีเสื้อยักษ์
นางเงือกน้อยก็ได้อยู่เป็นสุขสืบมา
ทางฝ่ายพระอภัยและสินสมุท ได้อาศัยอยู่กับพระฤาษีบนเกาะ โดยปลูกกุฏิขึ้นใหม่
ใกล้ ๆ กับพวกเรือแตกหลายชาติหลายภาษา ที่อาศัยอยู่ก่อนแล้วร่วมร้อยคน ต่างก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
พระฤาษีก็รักใคร่เอ็นดูสินสมุท รับไว้เป็นลูกศิษย์สอนวิชาการสาระพัด ทั้งเวทมนต์คาถาต่าง ๆ ทุกวันไป
จนทั้งสองพ่อลูกค่อยชินกับชีวิตบนเกาะ
พระอภัยก็อดที่จะคิดถึง นางเงือกสาวกำพร้าผู้มีคุณไม่ได้ เพราะเมื่อพบกันครั้งแรกที่หน้าถ้ำนางผีเสื้อ
พระอภัยก็สนใจนางเงือกเป็นพิเศษอยู่แล้ว
พงศ์กษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย
ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผม
ประไพพักตร์ลักษณ์ล้ำล้วนขำคม
ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวงฯ
ดังนั้นคืนวันหนึ่งเป็นวันเพ็ญ พระอภัยก็ออกจากกุฏิของตน ไปหาเงือกน้อยที่อ่าวหลังเกาะ ร้องเรียกให้นางออกมาหา
นางมัจฉานารีของพี่เอ๋ย
เจ้าทรามเชยอยู่ที่นี่หรือที่ไหน
พี่มาเยือนเพื่อนยากฝากอาลัย
สายสุดใจจงขึ้นมาหาพี่ชาย ฯ
นางเงือกได้ยินมธุรสวาจาของพระอภัย ก็ดีใจคลายความโศกเศร้าเหงาหงอย รีบว่ายผุดโผล่ขึ้นมา
อยู่เคียงข้างแท่นแผ่นผาที่ยื่นเงื้อมออกไปในน้ำ พระอภัยมณีก็ลดองค์ลงประคอง ปลอบประโลมด้วยถ้อยคำที่หวานหู
ตามประสาชายเจ้าชู้ทั้งหลาย
พระลดองค์ลงแอบแนบถนอม
จงอดออมอาดูรให้สูญหาย
เจ้าพาพี่หนีรอดไม่วอดวาย
คุณของสายสวาทล้นคณนา
จะปกป้องครองอยู่มิรู้ร้าง
ไม่เว้นว่างวายประโลมโฉมมัจฉา
ประสายากฝากรักกันสองรา
แก้วกานดาดวงจิตอย่าบิดเบือน ฯ
พระอภัยมณีก็คงจะพูดออกมาด้วยน้ำใสใจจริง เพราะไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรจึงจะรอดออกไปจากเกาะนี้ได้
แต่นางเงือกก็เจียมตัวว่าเป็นมัจฉาต่างเผ่าพันธุ์ เพียงได้เห็นหน้าพระอภัยมาเยี่ยมก็ดีใจ เหมือนได้เห็นบิดามารดา
ก็จะขอเป็นข้ารับใช้ไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต แต่เรื่องที่จะให้เป็นคู่ครองนั้น เห็นว่าจะเกินวาสนา
ซึ่งทรงฤทธิ์คิดปองจะครองคู่
แสนอดสูสาระพัดจะบัดสี
วิสัยสัตว์มัจฉาอยู่วารี
จะยินดีด้วยมนุษย์นั้นสุดกลัว
เพราะต่างชาติวาสนาน้องน้อยนัก
อย่าริรักอนุกูลเลยทูนหัว
จะพลอยพาฝ่าละอองให้หมองมัว
ขอฝากตัวตามประสาเป็นข้าไท ฯ
พระอภัยก็ชมว่านางเงือกฉลาดพูด แต่ความจริงนั้นพ่อของนางเงือกก็ได้เคยเล่าให้พระอภัยฟังแล้วว่า
ปู่ย่าต้นตระกูลของเงือกนี้ ก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน และแม้ในขณะนั้นพวกเรือแตกที่รอดตายมา
แล้วจับคู่กับนางเงือกก็มีถมไป พระอภัยมณีจึงสรุปว่า
ถึงต่างชาติวาสนาได้มาพบ
ก็ควรคบเคียงชมประสมสอง
เจ้าโฉมงามทรามสงวนนวลละออง
อย่าขัดข้องคิดหมางระคางใจ
ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์
ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย
นาคมนุษย์ครุฑาสุราลัย
สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน ฯ
นางเงือกสาวก็สุดที่จะห้ามใจไว้ได้ เพราะตนเองก็รักพระอภัยอยู่แล้ว และในเวลาที่หงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวกายใจอยู่เช่นนี้
ก็ย่อมหนีความเรียกร้องของธรรชาติไปไม่พ้น ทั้งสองจึงร่วมภิรมย์สมสู่กันด้วยความสุข
สมพาสเงือกเยือกเย็นเหมือนเล่นน้ำ
ค่อยเฉื่อยฉ่ำชื่นชมด้วยสมหมาย
สัมผัสพิงอิงแอบเป็นแยบคาย
ไม่เคลื่อนคลายคลึงเคล้าเยาวมาลย์
จนดาวเดือนเลื่อนลับพยับฟ้า
จึงโลมลากลับหลังยังสถาน
แต่เช้าไปค่ำมาอยู่ช้านาน
จะประมาณเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา ฯ
พระอภัยกับบุตรชายได้อาศัยอยู่บนเกาะแก้วพิศดาร นับเป็นเวลาแรมปี สินสมุทนั้น เรียนวิชาความรู้จากพระอาจารย์จนจบสิ้น
ระหว่างนั้นก็ได้ศึกษาภาษาต่าง ๆ จากพวกเรือแตกที่อาศัยอยู่ด้วยกัน จนพูดภาษาฝรั่ง แขก จีน ได้คล่องทั้งสองพ่อลูก
อยู่มาวันหนึ่งพระอภัยเกิดคิดถึงญาติวงศ์พงศา ที่อยู่ข้างหลังว่า อีกกี่ปีกี่เดือนจึงจะได้กลับไปพบหน้ากันอีก
จึงอยากจะบวชรักษาศีล ศึกษาธรรมะให้เป็นกุศล เพื่อสงบระงับจิตใจสักระยะหนึ่ง
ทั้งสองพ่อลูกจึงเข้าไปหาพระฤาษี ขอให้จัดการบรรพชาให้ สินสมุทก็ขอบวชด้วยคน พระดาบสก็ยินดีบวชให้
ทั้งสองจึงครองเพศเป็นโยคีรักษาศีลห้าตลอดไป ส่วนนางเงือกน้อย ซึ่งตกเป็นเมียพระอภัยแล้วนั้นก็คงจะต้องเลิกยุ่งเกี่ยวทางโลกีย์สืบไป
ได้แต่อยู่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันเท่านั้น
แต่อีกไม่นานเท่าใดนัก เรือสำเภาของ ท้าวสิลราช เจ้ากรุงผลึกและ นางสุวรรณมาลี พระธิดา ก็พลัดหลงมาถึงเกาะแก้วพิศดาร
พระฤาษีเห็นเป็นโอกาสอันดี ก็เลยฝากพระอภัยมณีและสินสมุท กับบรรดาชาวเรือแตกทั้งหลายที่อยู่บนเกาะ
ให้ได้อาศัยโดยสารเรือกลับไปบ้านเมืองของตนเสียที พระอภัยก็ยินดีแต่ยังไม่วายที่จะอาลัย ถึงนางเงือกน้อยผู้จงรักภักดี
สงสารองค์พระอภัยเมื่อใกล้ค่ำ
ยิ่งร้อนร่ำจวนใจให้ละห้อย
คิดคะนึงถึงนางเงือกน้ำน้อย
จากกลอยสวาทไปเสียไกลกัน
นิจจาเอ๋ยเคยเห็นอยู่เย็นเช้า
จะแลเปล่าเปลี่ยวใจเมื่อผายผัน
สงสารแก้วแววตาวิลาวัลย์
จะโศกสัลย์เสียใจอาลัยลาน
จำจะสั่งบังอรสมรมิ่ง
ครั้นจะนิ่งหนีอนงค์ก็สงสาร
รำพึงพลางทางลาพระอาจารย์
จากสถานเลียบเดินเนินคิรินทร์
ถึงข้างเขาเสาโคมที่โยมเงือก
พระถอดเกือกก้าวขึ้นนั่งบัลลังก์หิน
เคาะระฆังดังหง่างนางได้ยิน
แหวกวารินรีบรุดผุดขึ้นมา ฯ
นางเงือกน้อยก็น้อมกายถวายความเคารพ แล้วถามว่ามีเหตุอันใด พระอภัยก็ไม่อาจจะกล่าววาจาออกไปได้
จนนางต้องถามถึงสามครั้ง พระอภัยจึงบอกให้รู้ว่า เมื่อวานนี้มีเรือสำเภาจากเมืองผลึกแวะเข้ามา
จึงจะขอโดยสารไปกับเรือ เพื่อกลับไปหาพระบิดามารดาที่เมืองรัตนา เมื่อพบญาติวงศ์พงศ์พันธุ์แล้วก็จะกลับมาหาที่นี่
ขอให้รักษาตัวอยู่จงดี ประมาณสักปีครึ่งก็จะได้พบกันอีก
นางเงือกได้ฟังก็เหมือนใจจะขาด บังเกิดความโศกเศร้าเหลือที่จะพรรณา เพราะจะต้องเหลือแต่ตัวอยู่ผู้เดียว
ไม่มีญาติมิตรที่ไหนอีกแล้ว มิหนำซ้ำยังมีทุกข์เพิ่มขึ้นอีกประการหนึ่ง คือ
ด้วยพรั่นตัวกลัวภัยผีเสื้อสมุทร
ยังเวียนผุดพยาบาทคิดมาดหมาย
ทั้งทรงครรภ์นั้นก็ได้สามเดือนปลาย
สงสารกายอยู่แต่ตนทนทรมาน ฯ
แล้วนางก็ร้องไห้คร่ำครวญอาลัยอาวรณ์พระอภัยเป็นหนักหนา แต่ก็ไม่ได้ห้ามหวงอะไร
เพราะเข้าใจถึงความจำเป็น ที่พระอภัยจะต้องกลับไปปกครองบ้านเมือง
ไม่สามารถจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตนบนเกาะเล็ก ๆ นี้ได้ แต่จะหักห้ามความรักความอาลัยนั้นก็สุดที่จะหัก
เพราะคราวนี้คงจะจากไปนานแสนนานกว่าจะได้พบหน้ากันอีก หรืออาจจะไม่ได้พบกันเลยจนตลอดชีวิตก็ได้
นางจึงรำพันออกมาว่า
ถึงใครอื่นหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
พระผู้เพื่อนยากไร้ไกลสถาน
เคยปกเกล้าเช้าค่ำได้สำราญ
แต่นี้นานจะได้มาเห็นหน้ากัน
ในทรวงของน้องนี้มีแต่โศก
แสนวิโยคญาติกาก็อาสัญ
เป็นสองทุกข์ทั้งที่มามีครรภ์
จะเป็นฉันใดไปก็ไม่รู้ ฯ
พระอภัยก็จนปัญญาที่จะแก้ไข นอกจากปลอบประโลมไปตามประสาชาย
ถึงจากไปใช่ว่าจะผาสุข
เหมือนอุ้มทุกข์ไปสักเท่าภูเขาหลวง
ไม่แกล้งกล่าวน้าวโน้มประโลมลวง
สุดาดวงนัยนาจงปราณี
ที่ทรงครรภ์นั้นอย่าได้ปรารภ
จงนอบนบนับถือพระฤาษี
จะฝากฝังสั่งไว้ด้วยไมตรี
ให้เป็นที่พึ่งพาสีกาโยม ฯ
แล้วพระอภัยก็มอบ ธำรงค์ทรงครุฑบุษรา กับ จุฬามณีรัตน์ชัชวาลย์ ฝากนางเงือกไว้ให้ลูกในครรภ์
แล้วก็สั่งความต่าง ๆ นา ๆ อยู่จนแสงทองส่องฟ้า จึงกลับมาแต่งองค์ทรงเครื่องที่กุฏิ และเข้าไปนมัสการพระอาจารย์
ขอฝากนางเงือกไว้ด้วย พระฤาษีก็รับรองว่าจะดูแลให้ไม่ต้องวิตก แล้วก็ให้พรให้มนต์คาถาเอาไปท่องไว้ป้องกันภัย
จากนางผีเสื้อสมุทร ในการเดินทางไปข้างหน้า.
##########
พระอภัยมณี ฉบับเร่งรัด ๗ ก.พ.๕๘
ชุดที่ ๒ นางมัจฉาผู้อาภัพ
ตอนที่ ๑ ถึงใครอื่นหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
ฑ.มณฑา
เมื่อครั้งที่ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร มาที่เกาะแก้วพิศดาร พร้อมกับสินสมุท ลูกชายนั้น เมื่อมาถึงเกาะแก้วพิศดารแล้ว
นางเงือกจึงได้ทราบว่าพ่อแม่ตายเสียแล้ว ก็ร้องไห้เศร้าโศกอยากจะตายตามไปด้วย
ฝ่ายเงือกน้ำฟังยักษ์ตระหนักแน่
ว่าพ่อแม่ม้วยมุดสุดสงสาร
ลงกลิ้งเกลือกกายเพียงวายปราณ
ชลีลานลาองค์พระทรงธรรม์
น้องจะขอไปเป็นเหยื่อผีเสื้อน้ำ
จะได้กล้ำกลืนข้าให้อาสัญ
ด้วยพ่อแม่ก็เข้าไปอยู่ในครรภ์
ได้พบกันตามประสาชีวาวาย ฯ
พระอภัยก็รีบปลอบโยน ห้ามปรามเอาไว้ว่า
พงศ์กษัตริย์ตรัสห้ามด้วยความรัก
หวังจะหักอาดูรให้สูญหาย
โอ้น้องแก้วแววตาจะลาตาย
แสนเสียดายดังใครล้วงเอาดวงใจ
ถึงบิดามารดาสมรม้วย
พี่จะช่วยปกป้องให้ผ่องใส
อยู่พึ่งบุญบารมีพระชีไพร
เราจะได้เห็นกันทุกวันคืน ฯ
นางเงือกจึงหักห้ามความเสียใจ และยอมอยู่ที่เกาะแก้วพิศดาร โดยพระอภัยขอฝากพระฤาษีให้อาศัยอยู่ที่อ่าวหลังเกาะ
พระฤาษีก็อนุญาตและเสกด้ายเป็นสายสิญจน์ให้สวมใส่ เพื่อป้องกันภัยจากสัตว์ร้ายและนางผีเสื้อยักษ์
นางเงือกน้อยก็ได้อยู่เป็นสุขสืบมา
ทางฝ่ายพระอภัยและสินสมุท ได้อาศัยอยู่กับพระฤาษีบนเกาะ โดยปลูกกุฏิขึ้นใหม่
ใกล้ ๆ กับพวกเรือแตกหลายชาติหลายภาษา ที่อาศัยอยู่ก่อนแล้วร่วมร้อยคน ต่างก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
พระฤาษีก็รักใคร่เอ็นดูสินสมุท รับไว้เป็นลูกศิษย์สอนวิชาการสาระพัด ทั้งเวทมนต์คาถาต่าง ๆ ทุกวันไป
จนทั้งสองพ่อลูกค่อยชินกับชีวิตบนเกาะ
พระอภัยก็อดที่จะคิดถึง นางเงือกสาวกำพร้าผู้มีคุณไม่ได้ เพราะเมื่อพบกันครั้งแรกที่หน้าถ้ำนางผีเสื้อ
พระอภัยก็สนใจนางเงือกเป็นพิเศษอยู่แล้ว
พงศ์กษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย
ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผม
ประไพพักตร์ลักษณ์ล้ำล้วนขำคม
ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวงฯ
ดังนั้นคืนวันหนึ่งเป็นวันเพ็ญ พระอภัยก็ออกจากกุฏิของตน ไปหาเงือกน้อยที่อ่าวหลังเกาะ ร้องเรียกให้นางออกมาหา
นางมัจฉานารีของพี่เอ๋ย
เจ้าทรามเชยอยู่ที่นี่หรือที่ไหน
พี่มาเยือนเพื่อนยากฝากอาลัย
สายสุดใจจงขึ้นมาหาพี่ชาย ฯ
นางเงือกได้ยินมธุรสวาจาของพระอภัย ก็ดีใจคลายความโศกเศร้าเหงาหงอย รีบว่ายผุดโผล่ขึ้นมา
อยู่เคียงข้างแท่นแผ่นผาที่ยื่นเงื้อมออกไปในน้ำ พระอภัยมณีก็ลดองค์ลงประคอง ปลอบประโลมด้วยถ้อยคำที่หวานหู
ตามประสาชายเจ้าชู้ทั้งหลาย
พระลดองค์ลงแอบแนบถนอม
จงอดออมอาดูรให้สูญหาย
เจ้าพาพี่หนีรอดไม่วอดวาย
คุณของสายสวาทล้นคณนา
จะปกป้องครองอยู่มิรู้ร้าง
ไม่เว้นว่างวายประโลมโฉมมัจฉา
ประสายากฝากรักกันสองรา
แก้วกานดาดวงจิตอย่าบิดเบือน ฯ
พระอภัยมณีก็คงจะพูดออกมาด้วยน้ำใสใจจริง เพราะไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรจึงจะรอดออกไปจากเกาะนี้ได้
แต่นางเงือกก็เจียมตัวว่าเป็นมัจฉาต่างเผ่าพันธุ์ เพียงได้เห็นหน้าพระอภัยมาเยี่ยมก็ดีใจ เหมือนได้เห็นบิดามารดา
ก็จะขอเป็นข้ารับใช้ไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต แต่เรื่องที่จะให้เป็นคู่ครองนั้น เห็นว่าจะเกินวาสนา
ซึ่งทรงฤทธิ์คิดปองจะครองคู่
แสนอดสูสาระพัดจะบัดสี
วิสัยสัตว์มัจฉาอยู่วารี
จะยินดีด้วยมนุษย์นั้นสุดกลัว
เพราะต่างชาติวาสนาน้องน้อยนัก
อย่าริรักอนุกูลเลยทูนหัว
จะพลอยพาฝ่าละอองให้หมองมัว
ขอฝากตัวตามประสาเป็นข้าไท ฯ
พระอภัยก็ชมว่านางเงือกฉลาดพูด แต่ความจริงนั้นพ่อของนางเงือกก็ได้เคยเล่าให้พระอภัยฟังแล้วว่า
ปู่ย่าต้นตระกูลของเงือกนี้ ก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน และแม้ในขณะนั้นพวกเรือแตกที่รอดตายมา
แล้วจับคู่กับนางเงือกก็มีถมไป พระอภัยมณีจึงสรุปว่า
ถึงต่างชาติวาสนาได้มาพบ
ก็ควรคบเคียงชมประสมสอง
เจ้าโฉมงามทรามสงวนนวลละออง
อย่าขัดข้องคิดหมางระคางใจ
ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์
ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย
นาคมนุษย์ครุฑาสุราลัย
สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน ฯ
นางเงือกสาวก็สุดที่จะห้ามใจไว้ได้ เพราะตนเองก็รักพระอภัยอยู่แล้ว และในเวลาที่หงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวกายใจอยู่เช่นนี้
ก็ย่อมหนีความเรียกร้องของธรรชาติไปไม่พ้น ทั้งสองจึงร่วมภิรมย์สมสู่กันด้วยความสุข
สมพาสเงือกเยือกเย็นเหมือนเล่นน้ำ
ค่อยเฉื่อยฉ่ำชื่นชมด้วยสมหมาย
สัมผัสพิงอิงแอบเป็นแยบคาย
ไม่เคลื่อนคลายคลึงเคล้าเยาวมาลย์
จนดาวเดือนเลื่อนลับพยับฟ้า
จึงโลมลากลับหลังยังสถาน
แต่เช้าไปค่ำมาอยู่ช้านาน
จะประมาณเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา ฯ
พระอภัยกับบุตรชายได้อาศัยอยู่บนเกาะแก้วพิศดาร นับเป็นเวลาแรมปี สินสมุทนั้น เรียนวิชาความรู้จากพระอาจารย์จนจบสิ้น
ระหว่างนั้นก็ได้ศึกษาภาษาต่าง ๆ จากพวกเรือแตกที่อาศัยอยู่ด้วยกัน จนพูดภาษาฝรั่ง แขก จีน ได้คล่องทั้งสองพ่อลูก
อยู่มาวันหนึ่งพระอภัยเกิดคิดถึงญาติวงศ์พงศา ที่อยู่ข้างหลังว่า อีกกี่ปีกี่เดือนจึงจะได้กลับไปพบหน้ากันอีก
จึงอยากจะบวชรักษาศีล ศึกษาธรรมะให้เป็นกุศล เพื่อสงบระงับจิตใจสักระยะหนึ่ง
ทั้งสองพ่อลูกจึงเข้าไปหาพระฤาษี ขอให้จัดการบรรพชาให้ สินสมุทก็ขอบวชด้วยคน พระดาบสก็ยินดีบวชให้
ทั้งสองจึงครองเพศเป็นโยคีรักษาศีลห้าตลอดไป ส่วนนางเงือกน้อย ซึ่งตกเป็นเมียพระอภัยแล้วนั้นก็คงจะต้องเลิกยุ่งเกี่ยวทางโลกีย์สืบไป
ได้แต่อยู่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันเท่านั้น
แต่อีกไม่นานเท่าใดนัก เรือสำเภาของ ท้าวสิลราช เจ้ากรุงผลึกและ นางสุวรรณมาลี พระธิดา ก็พลัดหลงมาถึงเกาะแก้วพิศดาร
พระฤาษีเห็นเป็นโอกาสอันดี ก็เลยฝากพระอภัยมณีและสินสมุท กับบรรดาชาวเรือแตกทั้งหลายที่อยู่บนเกาะ
ให้ได้อาศัยโดยสารเรือกลับไปบ้านเมืองของตนเสียที พระอภัยก็ยินดีแต่ยังไม่วายที่จะอาลัย ถึงนางเงือกน้อยผู้จงรักภักดี
สงสารองค์พระอภัยเมื่อใกล้ค่ำ
ยิ่งร้อนร่ำจวนใจให้ละห้อย
คิดคะนึงถึงนางเงือกน้ำน้อย
จากกลอยสวาทไปเสียไกลกัน
นิจจาเอ๋ยเคยเห็นอยู่เย็นเช้า
จะแลเปล่าเปลี่ยวใจเมื่อผายผัน
สงสารแก้วแววตาวิลาวัลย์
จะโศกสัลย์เสียใจอาลัยลาน
จำจะสั่งบังอรสมรมิ่ง
ครั้นจะนิ่งหนีอนงค์ก็สงสาร
รำพึงพลางทางลาพระอาจารย์
จากสถานเลียบเดินเนินคิรินทร์
ถึงข้างเขาเสาโคมที่โยมเงือก
พระถอดเกือกก้าวขึ้นนั่งบัลลังก์หิน
เคาะระฆังดังหง่างนางได้ยิน
แหวกวารินรีบรุดผุดขึ้นมา ฯ
นางเงือกน้อยก็น้อมกายถวายความเคารพ แล้วถามว่ามีเหตุอันใด พระอภัยก็ไม่อาจจะกล่าววาจาออกไปได้
จนนางต้องถามถึงสามครั้ง พระอภัยจึงบอกให้รู้ว่า เมื่อวานนี้มีเรือสำเภาจากเมืองผลึกแวะเข้ามา
จึงจะขอโดยสารไปกับเรือ เพื่อกลับไปหาพระบิดามารดาที่เมืองรัตนา เมื่อพบญาติวงศ์พงศ์พันธุ์แล้วก็จะกลับมาหาที่นี่
ขอให้รักษาตัวอยู่จงดี ประมาณสักปีครึ่งก็จะได้พบกันอีก
นางเงือกได้ฟังก็เหมือนใจจะขาด บังเกิดความโศกเศร้าเหลือที่จะพรรณา เพราะจะต้องเหลือแต่ตัวอยู่ผู้เดียว
ไม่มีญาติมิตรที่ไหนอีกแล้ว มิหนำซ้ำยังมีทุกข์เพิ่มขึ้นอีกประการหนึ่ง คือ
ด้วยพรั่นตัวกลัวภัยผีเสื้อสมุทร
ยังเวียนผุดพยาบาทคิดมาดหมาย
ทั้งทรงครรภ์นั้นก็ได้สามเดือนปลาย
สงสารกายอยู่แต่ตนทนทรมาน ฯ
แล้วนางก็ร้องไห้คร่ำครวญอาลัยอาวรณ์พระอภัยเป็นหนักหนา แต่ก็ไม่ได้ห้ามหวงอะไร
เพราะเข้าใจถึงความจำเป็น ที่พระอภัยจะต้องกลับไปปกครองบ้านเมือง
ไม่สามารถจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตนบนเกาะเล็ก ๆ นี้ได้ แต่จะหักห้ามความรักความอาลัยนั้นก็สุดที่จะหัก
เพราะคราวนี้คงจะจากไปนานแสนนานกว่าจะได้พบหน้ากันอีก หรืออาจจะไม่ได้พบกันเลยจนตลอดชีวิตก็ได้
นางจึงรำพันออกมาว่า
ถึงใครอื่นหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
พระผู้เพื่อนยากไร้ไกลสถาน
เคยปกเกล้าเช้าค่ำได้สำราญ
แต่นี้นานจะได้มาเห็นหน้ากัน
ในทรวงของน้องนี้มีแต่โศก
แสนวิโยคญาติกาก็อาสัญ
เป็นสองทุกข์ทั้งที่มามีครรภ์
จะเป็นฉันใดไปก็ไม่รู้ ฯ
พระอภัยก็จนปัญญาที่จะแก้ไข นอกจากปลอบประโลมไปตามประสาชาย
ถึงจากไปใช่ว่าจะผาสุข
เหมือนอุ้มทุกข์ไปสักเท่าภูเขาหลวง
ไม่แกล้งกล่าวน้าวโน้มประโลมลวง
สุดาดวงนัยนาจงปราณี
ที่ทรงครรภ์นั้นอย่าได้ปรารภ
จงนอบนบนับถือพระฤาษี
จะฝากฝังสั่งไว้ด้วยไมตรี
ให้เป็นที่พึ่งพาสีกาโยม ฯ
แล้วพระอภัยก็มอบ ธำรงค์ทรงครุฑบุษรา กับ จุฬามณีรัตน์ชัชวาลย์ ฝากนางเงือกไว้ให้ลูกในครรภ์
แล้วก็สั่งความต่าง ๆ นา ๆ อยู่จนแสงทองส่องฟ้า จึงกลับมาแต่งองค์ทรงเครื่องที่กุฏิ และเข้าไปนมัสการพระอาจารย์
ขอฝากนางเงือกไว้ด้วย พระฤาษีก็รับรองว่าจะดูแลให้ไม่ต้องวิตก แล้วก็ให้พรให้มนต์คาถาเอาไปท่องไว้ป้องกันภัย
จากนางผีเสื้อสมุทร ในการเดินทางไปข้างหน้า.
##########