เดินธุดงค์ก็เป็นการโปรโมตให้คนไปสวรรค์ ทำไมทำไม่ได้ แต่ทีโปรโมตให้คนไปนรกทำได้ทุกวัน ไม่เห็นมีใครว่าอะไร? ฮา!!!

เห็นคลิปรายการหนึ่ง ผ่านแว๊บๆเข้ามาในเฟซ เอาพระหนึ่ง กับโยมสองมานั่งคุยกัน พระพูดว่า "ทีโปรโมตให้คนไปนรกไม่เห็นมีใครว่า แต่พอจะโปรโมตให้คนไปสวรรค์ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี กลับมีคนออกมาด่ากัน มันผิดตรงไหนหรือ? การจะเผยแผ่พระศาสนามันก็ต้องเข้าไปในเมือง ในป่ามีแต่ลิงแต่ช้าง จะไปเผยแผ่ได้ยังไง เห็นไหมไปถูกช้างเหยียบอย่างที่เป็นข่าวนั่นเป็นไง? ในครั้งพุทธกาล ก็มีพระธุดงค์เดินทางเข้าไปในเมือง ก็มีชาวเมืองออกมาต้อนรับถวายสักการะ โปรยดอกไม้แสดงความเคารพ ก็เคยมีทำกันมานานแล้ว เราก็เอามาทำใหม่ ก็ถูกตำหนิอีก ทั้งที่ก็ทำตามอย่างครั้งพุทธกาล แต่ผลสำรวจทำโพลออกมาแล้ว คนที่ตำหนิมีนิดเดียว คนที่เห็นด้วยมีเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็น"

ฮาาาาาาาาา !!! เราฟังแล้วรู้สึกทึ่งมากๆไม่รู้ว่าเขาคิดได้ยังไง? เราเข้าใจว่า เขาคงหมายถึงธุรกิจน้ำเมา หรือธุรกิจที่คาบเกี่ยวกับอบายมุข ที่เห็นมีโฆษณาเชิงสัญลักษณ์กันอยู่ เป็นการโปรโมทให้คนไปนรก" ที่จริงเขาก็มีกฎหมายควบคุมอยู่นะ ว่าจะโฆษณาได้แค่ไหน? อย่างไร? ไม่ได้โฆษณากันอย่างโจ่งแจ้ง แม้บุหรี่เขาก็ยังมีคำเตือนบอกว่า "อันตราย" ที่จริงมันก็น่าจะห้ามขายไปเสียเลย แต่เพราะโลกนี้ มันมีคนประเภทที่ "แม้รู้ว่าไม่ดี แต่ก็ยังอยากจะทำอยู่" มันก็เลยห้ามไม่ได้ ถ้าห้ามมันก็ลักลอบทำกันอยู่ดี ตอนนี้มันก็มีลักลอบทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว

และเขาคงคิดว่า การที่เอาพระมาเดินธุดงค์ในเมือง เป็นการโปรโมทให้คนไปสวรรค์ ในรายการก็ไม่มีใครแย้ง เราก็เลยจะแย้งให้ฟัง ในครั้งพุทธกาล ก็มีพระธุดงค์เข้าไปในเมืองแล้วประชาชนเลื่อมใสศรัทธา กระทำสักการะบูชาอย่างยิ่งใหญ่นั้น เป็นเพราะว่า ท่านเหล่านั้นล้วนเป็นพระมหาเถระที่ทรงคุณธรรมชั้นสูง มีกิตติศัพท์ร่ำลือในความปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คนเขาจึงเคารพสักการะกราบไหว้บูชาอย่างสนิทใจ พระท่านมิได้ไปเกณฑ์คนมาปูเสื่อ มาโรยดอกไม้ มานั่งกราบนั่งไหว้ ทุกคนต่างพร้อมใจมากันเองต่างหาก มันคนละอย่างกัน พระธุดงค์ก็ต่างองค์ต่างมา มีได้มีใครนิมนต์ หรือกะเกณฑ์กันมาเป็นพันๆเหมือนที่ลัทธิอุบาทว์ทำแต่ประการใดไม่

แต่ธุดงค์ที่ลัทธิอุบาทว์จัดสรรทำขึ้นนี้ มีนัยที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว ต่างกันยังไง เอ้า! ตามมา จะแจงให้ฟังพอหอมปากหอมคอ

หนึ่ง. พระแต่ละองค์ที่มาเดินขบวนอวดชาวบ้านนี่ ล้วนได้รับการจ้างวาน เอ๊ย!ไม่ใช่ ได้รับการนิมนต์มา  คิดว่าจะมีคุณงามความดีคู่ควรแก่การกระทำสักการะบูชากราบไหว้อันยิ่งใหญ่ เห็นปานนี้หรือไม่? เชื่อว่าใครๆที่มีความรู้ในหลักวิชาพระพุทธศาสนาอยู่บ้าง คงพอตอบได้,

สอง. พระเหล่านี้มิใช่พระที่ถือธุดงค์จริงๆ เป็นเพียงแกล้งทำท่าเป็นพระธุดงค์เฉยๆ ถ้าเป็นพระธุดงค์แท้ๆ สังเกตได้จากบริขาร ท่านจะมีบริขารประจำตัวเป็นการเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นกลด ถุงบาตร จีวร กระติกน้ำ จะไม่มีทางเหมือนกันเด็ดขาด อันนี้มันเหมือนกันราวกับถอดพิมพ์ออกมาจากโรงงาน อย่างนี้เขาเรียกว่า ธุดงค์จัดฉาก ธุดงค์สร้างภาพ มันไม่ใช่ของเป็นเองตามธรรมชาติ อย่างที่เรียกว่า ธรรมะจัดสรร,

สาม. การเดินธุดงค์ในแบบของพระพุทธเจ้า เป็นการเดินเพื่อขัดเกลากิเลส ไม่ใช่เดินเพื่อส่งเสริมกิเลส ต้องเกณฑ์คนมาโรยดอกไม้ มานั่งกราบนั่งไหว้ พร้อมๆกับเรี่ยไรหาเงินเข้ากระเป๋าไปในตัว ถ้าเป็นพระธุดงค์แท้ศิษย์พระตถาคต ไม่มีองค์ไหนยอมประกาศขายตัวราคาถูกๆด้วยการมารับจ้าง เอ๊ย! ไม่ใช่ รับนิมนต์มาเดินธุดงค์แบบนี้

สี่. ทำไมคนถึงด่า ก็เพราะไปเอาชื่อว่า "ธุดงค์" มาหลอกชาวบ้าน บิดเบือนพระธรรมวินัย ว่า นี่แหละ พระธุดงค์มาโปรดแล้ว ทำบุญกับพระธุดงค์จะได้บุญมาก คนที่มากด้วยศรัทธา แต่ด้อยทางปัญญาก็หลงเชื่อ ควักเงินออกมาทำบุญกันอย่างอิ่มอกอิ่มใจ เรียกว่า เอาธุดงค์ของพระพุทธเจ้ามาเป็นเครื่องมือหาเงิน ซึ่งมันผิดพุทธประสงค์ ที่ได้บัญญัติธุดงควัตร ๑๓ ข้อ ให้เป็นเครื่องมือปราบกิเลส การเดินขบวนแบบนี้ไม่จัดว่า เป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพราะการจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ ต้องเป็นผู้ทรงคุณธรรมมีศีลาจารวัตรอันงดงามชวนให้เลื่อมใสศรัทธา ไม่ใช่พระธุดงค์แบบนี้ อันนี้มีแต่คนด่าทั่วบ้านทั่วเมือง

ห้า. พระธุดงค์หลอกชาวบ้านแบบนี้ ไม่ช่วยทำใครให้ได้ไปสวรรค์ เพราะเป็นการทำทานที่ได้ผลน้อย เพราะทำกับพระธุดงค์ปลอมๆ ไม่ใช่พระธุดงค์แท้จริง เนื้อนาบุญมันเน่าเฟะ บอกแล้วว่า พระดีไม่มีใครยอมรับนิมนต์มาขายตัวราคาถูกๆแบบนี้ พระเหล่านี้ล้วนเป็นพระหิวเงินทั้งนั้น เขาจึงเอาเงินล่อมาได้

หก. การทำบุญกับพระธุดงค์ปลอมเหล่านี้ ยังไม่มีสิทธิ์ได้ไปสวรรค์ ถ้าโปรโมทว่า ได้ไปสวรรค์ก็ถือว่าหลอกชาวบ้านให้ตีตั๋วไปสวรรค์ด้วยราคาที่โคตรแพง มิหนำซ้ำ ยังได้ตั๋วปลอมอีกต่างหาก เพราะการจะไปสวรรค์ได้ ต้องเป็นผู้มีศีลห้าบริสุทธิ์บริบูรณ์เป็นอย่างน้อย ถึงจะได้ไป ลำพังแค่ทำทานอย่างเดียว ยังไปสวรรค์ไม่ได้ ต้องมีศีลประกอบด้วย ให้พากันรู้ไว้ อย่าโง่ให้เขาหลอกได้อีก อานิสงส์ของทานเป็นเหมือนกองเสบียง ไว้กินใช้ในการเดินทางเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร ช่วยให้ไม่อดอยากยากจนค่นแค้นเท่านั้น

เจ็ด. ชื่อว่า "วัด" ย่อมต้องรู้ตัวเองว่า ไม่ใช่องค์กรแสวงหากำไร จะไปเลียนแบบพฤติกรรมขององค์กรธุรกิจที่เขาแสวงหากำไรไม่ได้ แม้กระนั้น องค์กรธุรกิจที่ดี เขายังมีสำนึกแห่งความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ได้มุ่งหวังเอาแต่กำไรอย่างเดียว ยังมีเสียสละเพื่อประโยชน์ของสังคมดีอยู่ แต่ลัทธิอุบาทว์ที่ว่ามานี้ เป็นองค์กรเพื่อการกุศล แต่ตั้งหน้าตั้งตาหลอกเอาเงินจากกระเป๋าของชาวพุทธ ที่มากด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่ด้อยทางปัญญา บิดเบือนพระธรรมวินัย สอนให้คนเข้าใจคำสอนของศาสนาไปแบบผิดๆ เพียงเพื่อมุ่งหวังสร้างศรัทธาให้กับตัวเอง สร้างภาพทุกอย่างให้ดูดี แต่ดูดีแค่เปลือก เนื้อในเน่าเฟะ ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวน พอได้ศรัทธาแล้วก็เปลี่ยนศรัทธาเป็นเงินด้วยการขูดรีดเอาเงินออกจากกระเป๋าอย่างเดียว แต่มิได้ให้ปัญญาที่ถูกต้องแท้จริงในการกำจัดกิเลสเข้าถึงความดับทุกข์ใดๆเลย แม้ขั้นทานก็ยังสอนแบบโกหกให้หลงผิดไปเยอะแยะ

แปด. ยังมีอีกเยอะนะ แต่ขี้เกียจแล้ว แค่นี้ก็พอละนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่