ช่วงนี้ว่างงาน มาก แอบมาเล่าเหตุการณ์
ที่มันยังคงอยู่ในความทรงจำ หลังจาก
ได้อ่านเรื่องราว ของน้อง ผญ คนหนึ่ง
เรื่องราวที่เราก็เคยเป็น
*ปล.เคยมีคนแนะนำให้นำมาเล่าสู่กันฟัง
แต่ก็ยังไม่ว่าง และไม่มีล็อคอินเป็นของตัวเอง
วันนี้ยืม อาเล่นอีกวัน-------เข้าเรื่องเลยดีกว่า
**อาจมีบางคนเคยผ่านตามาแล้ว วันนี้
Copy จากการแสดง คห มาเลยหละกันนะคะ
-----------------------------------------------
ครั้งหนึ่งในชีวิตเหมือนกัน ที่เราก็เคยทำแบบนี้
บางคนอาจจะมองว่า การ คิด ทำ แบบนั้น มันโง่
งี่เง่า แต่รู้รึไหม ว่าคนที่ตั้งใจจะฆ่าตัวตายจริงๆๆ
ในวินาทีนั้นๆๆเขาคิดอะไรกันอยู่ เราคนหนึ่งที่
ก็ทำ ด้วยเหตุผล ที่ว่า อยู่ไป เราเหนื่อยมาก
เหนื่อยกับการ พิสูทธิ์อะไรหลายๆๆอย่างให้พ่อเห็น
ลบ คำสบประมาทของพ่อไม่ได้สักที (ทั้งๆที่มันไม่มีอะไร)
ก็แค่คำสอนของพ่อ แต่แค่พ่อใช้คำผิดไป
เราเองก็ตีความหมายแบบไร้เหตุผล เพราะวัยรุ่น
ก่อนที่เราจะมีความคิดฆ่าตัวตายน่ะ เราพยายามพิสูทธิ์ตัวเอง
อาทิ--- ในตอนนั้น เราจะมีลุกพี่ลุกน้อง ผญ วัยใกล้กัน
ห่างกันปีสองปี อยุ่ 4 คน รวมเรา ทุกคนเรียนจบแค่ ม3.
เราก็ไม่รุ้ว่าทำไมไม่เรียนต่อกัน มีเพียงเราที่อยากจะเรียน
พ่อแม่ก้ไม่ได้ว่าอะไร สนับสนุนเราดี เราเรียนเทคนิคเรียน
สายช่าง ปีแรกเลยเราเหนื่อยมาก เทรอมแรกเรียนรอบเช้าไม่ค่อยมีปัยหา
แต่พอเทรอมสอง ถุกเปลี่ยนไปเรียนรอบบ่าย เข้า10โมง เลิก ทุ่มหนึ่ง
รึ2 ทุ่มบ้าง เราก็ต้องโหนรถเมล์ไป กลับไม่เป็นเวลา แต่เราก็ไม่เคย
ทะเหลทะไหลไปไหนเลย .........พ่อก้เริ่มไม่พอใจ โดยที่ก็ไม่ถามเรา
แม่พูดให้พ่อฟังแกก้ไม่ค่อยจะเชื่อ ส่วนเรา เราก็ถือว่าเราบอกกล่าว
พ่อแล้ว เขาจะคิดไปแบบไหน เราก็ทำใจเสมอ .......จนเรื่องที่เราเองก็
ไม่ค่อยจะพูดอะไรมากมาย ความคิดของพ่อก็ไปไกลใหญ่
.....จนปวช2 ก็ยังเรียนบ่ายอยู่ และบวกกับพ่อ
อยุ่บ้านก้ได้รุ้ได้เห็น ว่าลุกพี่ลุกน้องเรา เขาเริ่มมีแฟน เริ่มมี ผช มาหา
พ่อเราก็คิดไปต่างๆๆนาๆๆกับเรา และมากไปกว่านั้น พี่น้องของพ่อ
ป้าๆๆ ลุงๆๆ นั้นแหละค่ะ พ่อแม่ของลุกพี่ลุกน้องนั้นแหละ
ก็เหมือนค่อยเติมเชื่อไฟ พุดนู้นนี้นั้น ประหนึ่งว่า เห็นว่าเรา ทำไม่ดี
อย่างนู้นอย่างนี้ กลับบ้านช้า มืดค่ำ คงจะไป นู้นนี้นั้น ต่างๆๆ
อย่างที่วัยรุ่นเขาทำกัน ........เราทำใจกับเรื่องแบบนี้มาตลอด
มีแอบร้องไห้บางครั้ง เพราะบางครั้งทนไม่ไหวจริงๆๆ
ไม่อยากให้แม่เห็น ไม่อยากเถียงกับใครให้แม่ไม่สบายใจ
อดทนมาเรื่อยๆๆ......เข้าปวช3 เริ่มต้องทำโครงงานก่อนจบ
คอมพิวเตอร์เราก็ไม่มี ต้องไปทำตามร้านเกมส์บ้าง ถ้าทำที่
วิทยาลัยไม่ทันจิงๆๆ ก็เริ่มมีประเด่นอื่นๆๆอีกมากมาย เข้ามา
เรียนก็เหนื่อย งานก็เยอะ ฝึกงานก้โหด ไปกลับก้ไกล ลำบาก
โหนรถเมล์ก็เหนื่อย จนพุดอะไรไม่ออก กลับบ้านมาเจอบรรยากาศ
ที่จะไม่ค่อยดีทุกวัน
เราก็เริ่มท้อกับชีวิตตอนนั้น ..........จนวันที่สติเราก็ขาดพรึ่ง
เย็นวันหนึ่ง ประมาณเกือบๆๆจะทุ่มหนึ่ง เราขึ้นรถเมล์กลับมาบ้าน
ลงรถที่ปากซอย ต้องให้ใครออกมารับ แต่วันนั้น ไม่มีใครออกมารับเราเลย
ไม่รู้ทำไหม เราก็เลยตัดสินใจเดินกลับบ้าน ระยะทางประมาณ 4 ก.ม
ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงๆๆ เราก็ใช้เวลาเดินกับถึงบ้านนานเหมือนกัน
พอเรากลับถึงบ้าน เราก็กำลังจะถอดรองเท้าผ้าใบ ..........เราได้ยินเสียงคนคุยกัน
บนบ้าน นั้นคือเสียง แม่กำลัง อธิบายกึ่งขอร้องกับพ่อ ...... และเสียงยุยงจากป้าๆๆ
จับใจความได้ว่า........มีคนมาบอกพ่อเราว่าเห็นเรา ไปเดินเที่ยวอยุ่ที่งาน
พระปฐมเจดีย์ พ่อเลยโมโหเรามาก ไม่ไปรับเราที่ปากซอย รอที่จะ ทำโทษเรา
ส่วนแม่ก็ร้องไห้ ขอร้องพ่อต่างๆๆให้ถามไถ่เราก่อนบ้าง.....เรายืนฟัง ทั้งน้ำตา
ที่มันไหลมาจากไหนไม่รุ้ ......เราเดินขึ้นไปบนบ้าน พ่อเห็นเรา พ่อไม่พูดอะไร
ตีเราต้องเข็มขัด 3 ที(ทั้งๆๆที่ชีวิตนี้เราไม่เคยถูกพ่อตีเลยสักครั้ง เท่าที่จำความได้)
เราก็ไม่พูดอะไรสักคำ บ่อยให้พ่อตี พ่อตีเราเส็จ เราพูดไปคำหนึ่งกับพ่อว่า
"ไม่เคยเสียใจอะไร มากเท่ากับคนที่เลี้ยงเรามา ไม่เชื่อใจ และดูถูกเรา"
พร้อมกับเสียงร้องไห้ของแม่ เราบอกกับแม่ไปว่า แม่ไม่ต้องร้องไห้ เราไว้
เราเดินกลับเข้าห้องไป ........ เราไปเจอกับสภาพห้องที่ถูกรื้อกระจาย โทรศัพย์
แตก งานวาดรูป งานเขียนแบบ โมเดวของเราที่ ทำเตรียมไว้ส่ง อาจารย์พัง
หมด ........เชื่อไหมว่าความรู้สึกเราตอนนั้น บอกกับตัวเองว่า ใครก็ได้ฆ่าเราที
ให้เราหายไปจากตรงนี้ที่ ในหัวไม่มีใครเลย ไม่คิดถึงแม่ ถึงพ่อ เราหยิบน้ำยา
ล้างห้องน้ำยี่ห้อเป็ด สีขาว ที่เพิ่งจะซื้อมา เรากระดกมันเข้าไป หมดขวดเลย
///////////////////////อาการหลังจากนั้น////////////////////////////////////
เราก็นั่งลง ค่อยๆๆเก็บของในห้อง แต่ก็เริ่มจะอ้วก เราก็ดื่มน้ำตามไปอีก 1ขวดเล็ก
เรานั่งลง อ้วก พยายามไม่ให้มีเสียง ปากเริ่มชา แสบร้องในทรวงอก ล้มตัวลงนอน
กินเวลา เกือบครึ่ง ชม. เหมือนตัวเราจะหลับ อ้วกจนสำลักออกจมุก.......แล้วมันก็คง
เป็นภาพที่เราทำให้แม่เรา เสียงใจที่สุดก็ว่าได้ แม่วิ่งเข้ามา พร้อมเสียงกรีดร้อง
เรียกให้คนช่วย แต่เราัยงมีสติ โกหกแม่ไปว่าไม่มีอะไร แม่เอาแต่ร้อง
ร้องให้ใครมาอุ้มเราไป รพ.ที พร้อมกับร้องดังขึ้นไปอีก และก้พูดว่า กินไปหมดขวดเลย
///////////////เราถุกเอาไป รพ. โดยพี่ชาย ลุกพี่ลูกน้องกัน เราหลับไปตอนไหนไม่รู้
รู้แต่ว่า ตื่นมา เราได้ยินเสียงวุ่นวาย ไปหมด แต่เขาไม่ได้วุ่นวายกับเราน่ะ (เพราะอะไรรู้ไหม)
- รู้ไว้เลยน่ะค่ะว่า คนที่กินยาฆ่าตัวตาย หมอพยาบาล เขาจะไม่ค่อยสนใจ เท่าไหร่
-การรักษา ไม่ได้เป็นไปในทันที ที่ถึงมือหมอ เพราะทำอะไรไม่ได้
-แถมด้วย คำนิเตียน ซ้ำเติมด้วยซ้ำไป
//////////////ส่วนอาการที่ตัวเรารับรุ้คือ//////////////////////////
-ลมหายใจเข้าออกของเรา มีแต่กลิ่นทำยาล้างห้องน้ำ
-เรากลืนน้ำลายไม่ลงคอ เจ้บในท้องเหมือนถูกอะไรจิกกัด
เป็นระยะๆๆ
-ปากไม่มีความรุ้สึกใดๆๆกัดปากตัวเองไม่เจ็บ เอาลิ้นถูๆๆข้างกระพุ้งแก้ม
มันเหมือนเนื้อเยื่อ มันหลุดนิดลิ้นเรามา เจ็บแสบมากๆๆ
------------------------------------------------------------------
ต่อ (เพื่อเป็นอุทาหรณ์)
เรานอนให้น้ำเกลิอ ไป 1 คืน รุ่งเช้า หมอไม่ได้มาตรวจแต่สั่ง
ให้เอาเราไปส่องกล้อง ดูบาดแผลภายใน
ตัวเรารึค่ะ กลืนไม่ได้ หิวน้ำมาก แต่ก็สั่งห้ามกิน ถุกมัดมือ2ข้าง
ไว้กับเตียง (แม่บอกเราว่าเราขอ แม่ดูดผ้าที่ชุบน้ำ ที่แม่เช็ดตัวเรา)
แต่แม่ให้ไม่ได้ แม่บอกว่า เขาใจจะขาด
การส่องกล้อง เขาให้เรากลืนยาชาแบบน้ำ แต่เราก็ไม่รุ้สึกอะไร
ไม่รู้ได้กลืนไปไหม สัก 5 นาที พยาบาลก็ล๊อคแขนขา เอาสายยางใหญ่ๆๆ
ค่อยๆๆเอาเข้าปากเราไป และมีสายก้องอีก1สาย สายดูดน้ำลาย เป็น3สาย
เข้าไปในท้องเรา พร้อมกับการวิเคาะห์ ดังๆๆให้เราได้ยินด้วยว่า
เป็นแผลมัดเลย ตั้งแต่ในปาก ลิ้น เหงือก หลอดอาหาร กระเพราะ
หมอสายหัวตลอดการส่อง ถอนหายใจ ใช้เวลา 20 นาที่จะได้
หมอเอาสายต่างๆๆออกมาจากปากเรา พร้อมบอกให้เรา บ้วนเลือดในปากออกมา
แต่เราก็ทำไม่ได้ เพราะปากไม่รุ้สึกอะไรเลย เราถูกเอากลับไปห้องพักฟื้น
หมอเรียกแม่ไปคุยทันที่..........เกือบชม. แม่ออกมาพร้อม ใบหน้าที่เหมือน ร้องไห้
แล้วร้องไห้อีก......ตาเป็นสีเหลือดแดงก้ำ รวมกับการที่แม่ไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืน
แม่ไม่ได้พูดอะไรให้เราฟัง ได้แต่แอบร้องไห้ตลอดเวลา
เราเองก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้กินอะไร ให้แต่น้ำเกลือ มากมายหลายขวดพร้อมๆๆกัน
จน3 คืนผ่านไป เราไม่ณรู้สึกอะไรอีกเลย ปากเราเริ่มเน่า แปลงฟันไม่ได้ น้ำไม่ได้กิน
เนื้อในปากเริ่มเปลื่อยหลุดออกมาพร้อมน้ำลายที่ต้องบ้วนออกมา เพราะไม่สามารถกลืนได้อีกแล้ว
หมอมาตรวจเราพร้อมกับบอกเราว่า..........(ต่อไปนี้เป็นวิธี แก้ไข เยี่ยวยา กรณีคนกินยาฆ่าตัวตายค่ะ)
-------------------------------------------------------------------------------------------
หมอบอกเราว่า ต่อไปนี้ หมอไม่สามารถ ช่วยอะไรเราได้อีก
ทำได้เพียงรอเวลา ดูว่า กระเพราะของเราได้ดูดซึมน้ำยาไปมากแค่ไหน
เพราะปริมาณที่เรากิน มันเยอะมาก มันทำร้ายทุกส่วนที่มันไหลผ่าน
และร่างกายเรามีภูมิมากไหม จะมีอาการแทรกซ้อนไหม
ให้แม่ทำใจไหวเลยว่า มันมีแต่จะแย่ลงๆๆ ในกรณีกินน้ำยาล้างห้องน้ำ
มันมีฤทธิ์ ร้ายแรงเกือบเท่าๆๆกับน้ำยาฆ่าหญ้า แต่เป็นรูปแบบของการกัดกร่อน
ส่วนน้ำยาฆ่าหญ้าดูดซึมเข้ากระแสเลือด(เราเข้าใจแบบนั้น)
เราไม่รู้สึกเสียใจ กับความเจ็บปวดที่เกิด แต่เสียใจมากที่แม่ต้องมารับรู้สิ่งเหล่านี้
-------------แต่หมอก็บอกว่าเราโชคดีตรงที่-----------------
-ระหว่างทางและก่อนจะขึ้นรถมา รพ. พี่ชายเราได้ เอาเม็ดแมลง แช่น้ำ นิดหน่อย
กลอก ปากให้เรากิน เราเองก็รู้สึกว่าได้กลืนเข้าไป 2-3 ที และลุงเราก็เอาว่านลางจืด
ขย้ำน้ำกลอกปากเราเข้าไปอีก +กับเราอ้วกน้ำยาบางส่วนออกมา แต่ก็เป็นความโชคร้าย
ของกระเพาะอาหาร ที่เราไม่ได้กินอะไร ไม่มีอะไรอยุ่ในท้องสักเท่าไหร่ เลยมีแผล
ที่หลอดอาหาร และกระเพาะเยอะที่สุด (เดียวจะมาเล่าอาการ และ วิธีรักษาหลอดอาหารที่
เจ็บปวดมากให้ฟัง)
-------------------------ขอบคุร ที่สละเวลามาอ่านน่ะคะ---------------------
หลังจากที่เราอยู่ รพ. ได้ 5 วัน ถ้าจำไม่ผิด อาการเราแย่ลง เพราะไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลย
ได้รับแต่น้ำเกลือ และน้ำนิดหน่อย เราผอมลงมาก ปากเขียวคล้ำ จนจะดำ ปากลอก
มาเป็นแผ่นๆๆ เลือดออกซิปๆๆ แม่ทำทุกทางที่ใครว่าดีให้บาดแผลต่างๆๆของเราหาย
หาอะไรต่อมิอะไรมาทาให้เรา แม่บอกกับเราว่า ไม่ว่าตอนจากนี้ไปอาการเราจะแย่ลง
ไปแบบหมอบอกไว้ แต่แม่เขาจะทำให้เราดีสุด ........จิตแม่เราแย่ลงไปอีก เมื่อคนข้างๆๆ
เตียงเรา เขาก็กินน้ำยาล้างห้องน้ำเหมือนกัน เขาอยู่มา สิบกว่าวัน แล้วเขาได้สิ้นใจไป
-------เราถูกเอาไปส่องกล้องอีกครั้ง หลังอยู่มาได้ 1 สัปดาห์ถ้าจำไม่ผิด
หมอบอกว่าจะได้รุ้กันและ ว่าเราจะรับการรักษาต่อได้รึไม่ แต่การส่องกล้องครั้งนี้
เราสามารถช่วยหมอ กลืนกล้องลงไปได้ มีเลือดออกน้อย ------หมอบอกเราในห้องตรวจว่า
แสดงว่า กล้ามเนื้อหลอดอาหารเรายังไม่ถูกทำร้ายมากนัก ไม่อักเสบถึงขั้นกล้ามเนื้อ ขยับไม่ได้
หมอบอกว่าเป็นสัญญานที่ดีว่า แผลไม่ลึกลงไปเท่าที่หมอเคยเจอมา(เราคิดเองว่า เพราะน้ำยามันเป็นสูตร)
ที่ไม่รุนแรงเท่า ขวดสีม่วงมั้ง -----------เรากับมาที่ห้องพักฟื้น และก็ยังไม่สามารถ สั่งให้อาหารต่างๆๆกับ
เราได้เหมือนเดิม -----------เราถูกเอาไปพบ จิตแพทย์ทุกวันเลยหลังจากนั้น ------และ15วัน ความเจ็บปวด
ที่ไม่เคยเจอก็เกิดขึ้น จากการอยู่ดูอาการ มาตลอด หมอเริ่มที่จะทำการเคียร์หลอดอาหารให้ หลังจากตรวจเจอว่าแผลเริ่มหาย
แต่เนื้อเหยื่อต่างๆๆในหลอดลม กับกระเพาะ ก้กำลังจะเกิด พังพืด เนื้อเยื่อประสานติดกัน ทำให้หลอดลมเริ่มตีบ
เราเองก็รู้ตัวว่ามันเจ็บปวดมาก เพราะแค่โจ๊กที่แถบจะเป็นน้ำ เรายังกลืนลงไปอย่างเจ็บปวด และลำบาก
---------การรักษา อาการ เป็นพังผืดในหลอดอาการ ก็คือ การเอาสายยางจะว่านิ่ม มันก็นิ่มจะว่าแข็งก้แข็งน่ะ
ค่อยๆๆ กลืนลงไปในคอจนถึงกระเพาะอาหาร ทำทุกวัน เพิ่มขนาดสายยางขึ้นทีละนิดๆๆ การรักษานี้
ทำให้เราเจ็บปวดมาก น้ำตาไหลทุกครั้ง เลือดออกทุกครั้งไป จนเราร้องขอให้หมอหยุดรักษาเราเถอะ
เราไม่ไหวจิงๆๆ------แต่การทำแบบนี้ก็ส่งผลให้เราพอจะกลืนกินอะไรได้มากขึ้น ร่างกายเราดีขึ้นตามลำดับ
เราต้องถูกทำแบบนี้ นานไปถึงกลับมาบ้านก็ยังต้องไปทำที่ รพ. ต่ออีกเป็นเดือนๆๆ ส่วนกระเพาก็เป็นแผลกึ่งเรื้อรัง
คือกิน อะไรที่ มีกรด รึเผ็ดก็จะเป็นแผล จนปัจจุบัน ต้องกินยาเครือบกระเพาะตลอด ถึงจะผ่านเวลามาจะ10ปีแล้ว
-----------------------ทั้งหมดเหล่านี้ มันเกิดจาก ที่เขาเรียกว่า อารมณ์ชั่ววูบ จากการไม่เข้มแข็ง คิดอะไรๆๆ
น้อยเกินไป.............แต่ความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งปวงที่เกิดกับเรา ก็ไม่เทียบเท่าความเจ็บปวด ของแม่และพ่อของเรา
ที่ทุกวันนี้ เขาจะยังค่อยคิดมาก ว่าเราจะทำร้ายตัวเองอีก อยุ่อย่างจิตตก เห็นเราเครียดงาน รึเรื่องต่างๆๆนิดหน่อยก็
พลอยจะคิดมากไปด้วย............เราได้สร้างเวณสร้างกรรมให้พ่อแม่เรา และหวังว่ามันจะมีประโยชนืกับใครสักคน ที่
กำลังเคยคิดแบบเรา
--------------------อาจจะ งง นิดหน่อย ต้อง ขออภ
ครั้งหนึ่ง กับการฆ่าตัวตาย------แต่ไม่ตาย
ที่มันยังคงอยู่ในความทรงจำ หลังจาก
ได้อ่านเรื่องราว ของน้อง ผญ คนหนึ่ง
เรื่องราวที่เราก็เคยเป็น
*ปล.เคยมีคนแนะนำให้นำมาเล่าสู่กันฟัง
แต่ก็ยังไม่ว่าง และไม่มีล็อคอินเป็นของตัวเอง
วันนี้ยืม อาเล่นอีกวัน-------เข้าเรื่องเลยดีกว่า
**อาจมีบางคนเคยผ่านตามาแล้ว วันนี้
Copy จากการแสดง คห มาเลยหละกันนะคะ
-----------------------------------------------
ครั้งหนึ่งในชีวิตเหมือนกัน ที่เราก็เคยทำแบบนี้
บางคนอาจจะมองว่า การ คิด ทำ แบบนั้น มันโง่
งี่เง่า แต่รู้รึไหม ว่าคนที่ตั้งใจจะฆ่าตัวตายจริงๆๆ
ในวินาทีนั้นๆๆเขาคิดอะไรกันอยู่ เราคนหนึ่งที่
ก็ทำ ด้วยเหตุผล ที่ว่า อยู่ไป เราเหนื่อยมาก
เหนื่อยกับการ พิสูทธิ์อะไรหลายๆๆอย่างให้พ่อเห็น
ลบ คำสบประมาทของพ่อไม่ได้สักที (ทั้งๆที่มันไม่มีอะไร)
ก็แค่คำสอนของพ่อ แต่แค่พ่อใช้คำผิดไป
เราเองก็ตีความหมายแบบไร้เหตุผล เพราะวัยรุ่น
ก่อนที่เราจะมีความคิดฆ่าตัวตายน่ะ เราพยายามพิสูทธิ์ตัวเอง
อาทิ--- ในตอนนั้น เราจะมีลุกพี่ลุกน้อง ผญ วัยใกล้กัน
ห่างกันปีสองปี อยุ่ 4 คน รวมเรา ทุกคนเรียนจบแค่ ม3.
เราก็ไม่รุ้ว่าทำไมไม่เรียนต่อกัน มีเพียงเราที่อยากจะเรียน
พ่อแม่ก้ไม่ได้ว่าอะไร สนับสนุนเราดี เราเรียนเทคนิคเรียน
สายช่าง ปีแรกเลยเราเหนื่อยมาก เทรอมแรกเรียนรอบเช้าไม่ค่อยมีปัยหา
แต่พอเทรอมสอง ถุกเปลี่ยนไปเรียนรอบบ่าย เข้า10โมง เลิก ทุ่มหนึ่ง
รึ2 ทุ่มบ้าง เราก็ต้องโหนรถเมล์ไป กลับไม่เป็นเวลา แต่เราก็ไม่เคย
ทะเหลทะไหลไปไหนเลย .........พ่อก้เริ่มไม่พอใจ โดยที่ก็ไม่ถามเรา
แม่พูดให้พ่อฟังแกก้ไม่ค่อยจะเชื่อ ส่วนเรา เราก็ถือว่าเราบอกกล่าว
พ่อแล้ว เขาจะคิดไปแบบไหน เราก็ทำใจเสมอ .......จนเรื่องที่เราเองก็
ไม่ค่อยจะพูดอะไรมากมาย ความคิดของพ่อก็ไปไกลใหญ่
.....จนปวช2 ก็ยังเรียนบ่ายอยู่ และบวกกับพ่อ
อยุ่บ้านก้ได้รุ้ได้เห็น ว่าลุกพี่ลุกน้องเรา เขาเริ่มมีแฟน เริ่มมี ผช มาหา
พ่อเราก็คิดไปต่างๆๆนาๆๆกับเรา และมากไปกว่านั้น พี่น้องของพ่อ
ป้าๆๆ ลุงๆๆ นั้นแหละค่ะ พ่อแม่ของลุกพี่ลุกน้องนั้นแหละ
ก็เหมือนค่อยเติมเชื่อไฟ พุดนู้นนี้นั้น ประหนึ่งว่า เห็นว่าเรา ทำไม่ดี
อย่างนู้นอย่างนี้ กลับบ้านช้า มืดค่ำ คงจะไป นู้นนี้นั้น ต่างๆๆ
อย่างที่วัยรุ่นเขาทำกัน ........เราทำใจกับเรื่องแบบนี้มาตลอด
มีแอบร้องไห้บางครั้ง เพราะบางครั้งทนไม่ไหวจริงๆๆ
ไม่อยากให้แม่เห็น ไม่อยากเถียงกับใครให้แม่ไม่สบายใจ
อดทนมาเรื่อยๆๆ......เข้าปวช3 เริ่มต้องทำโครงงานก่อนจบ
คอมพิวเตอร์เราก็ไม่มี ต้องไปทำตามร้านเกมส์บ้าง ถ้าทำที่
วิทยาลัยไม่ทันจิงๆๆ ก็เริ่มมีประเด่นอื่นๆๆอีกมากมาย เข้ามา
เรียนก็เหนื่อย งานก็เยอะ ฝึกงานก้โหด ไปกลับก้ไกล ลำบาก
โหนรถเมล์ก็เหนื่อย จนพุดอะไรไม่ออก กลับบ้านมาเจอบรรยากาศ
ที่จะไม่ค่อยดีทุกวัน
เราก็เริ่มท้อกับชีวิตตอนนั้น ..........จนวันที่สติเราก็ขาดพรึ่ง
เย็นวันหนึ่ง ประมาณเกือบๆๆจะทุ่มหนึ่ง เราขึ้นรถเมล์กลับมาบ้าน
ลงรถที่ปากซอย ต้องให้ใครออกมารับ แต่วันนั้น ไม่มีใครออกมารับเราเลย
ไม่รู้ทำไหม เราก็เลยตัดสินใจเดินกลับบ้าน ระยะทางประมาณ 4 ก.ม
ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงๆๆ เราก็ใช้เวลาเดินกับถึงบ้านนานเหมือนกัน
พอเรากลับถึงบ้าน เราก็กำลังจะถอดรองเท้าผ้าใบ ..........เราได้ยินเสียงคนคุยกัน
บนบ้าน นั้นคือเสียง แม่กำลัง อธิบายกึ่งขอร้องกับพ่อ ...... และเสียงยุยงจากป้าๆๆ
จับใจความได้ว่า........มีคนมาบอกพ่อเราว่าเห็นเรา ไปเดินเที่ยวอยุ่ที่งาน
พระปฐมเจดีย์ พ่อเลยโมโหเรามาก ไม่ไปรับเราที่ปากซอย รอที่จะ ทำโทษเรา
ส่วนแม่ก็ร้องไห้ ขอร้องพ่อต่างๆๆให้ถามไถ่เราก่อนบ้าง.....เรายืนฟัง ทั้งน้ำตา
ที่มันไหลมาจากไหนไม่รุ้ ......เราเดินขึ้นไปบนบ้าน พ่อเห็นเรา พ่อไม่พูดอะไร
ตีเราต้องเข็มขัด 3 ที(ทั้งๆๆที่ชีวิตนี้เราไม่เคยถูกพ่อตีเลยสักครั้ง เท่าที่จำความได้)
เราก็ไม่พูดอะไรสักคำ บ่อยให้พ่อตี พ่อตีเราเส็จ เราพูดไปคำหนึ่งกับพ่อว่า
"ไม่เคยเสียใจอะไร มากเท่ากับคนที่เลี้ยงเรามา ไม่เชื่อใจ และดูถูกเรา"
พร้อมกับเสียงร้องไห้ของแม่ เราบอกกับแม่ไปว่า แม่ไม่ต้องร้องไห้ เราไว้
เราเดินกลับเข้าห้องไป ........ เราไปเจอกับสภาพห้องที่ถูกรื้อกระจาย โทรศัพย์
แตก งานวาดรูป งานเขียนแบบ โมเดวของเราที่ ทำเตรียมไว้ส่ง อาจารย์พัง
หมด ........เชื่อไหมว่าความรู้สึกเราตอนนั้น บอกกับตัวเองว่า ใครก็ได้ฆ่าเราที
ให้เราหายไปจากตรงนี้ที่ ในหัวไม่มีใครเลย ไม่คิดถึงแม่ ถึงพ่อ เราหยิบน้ำยา
ล้างห้องน้ำยี่ห้อเป็ด สีขาว ที่เพิ่งจะซื้อมา เรากระดกมันเข้าไป หมดขวดเลย
///////////////////////อาการหลังจากนั้น////////////////////////////////////
เราก็นั่งลง ค่อยๆๆเก็บของในห้อง แต่ก็เริ่มจะอ้วก เราก็ดื่มน้ำตามไปอีก 1ขวดเล็ก
เรานั่งลง อ้วก พยายามไม่ให้มีเสียง ปากเริ่มชา แสบร้องในทรวงอก ล้มตัวลงนอน
กินเวลา เกือบครึ่ง ชม. เหมือนตัวเราจะหลับ อ้วกจนสำลักออกจมุก.......แล้วมันก็คง
เป็นภาพที่เราทำให้แม่เรา เสียงใจที่สุดก็ว่าได้ แม่วิ่งเข้ามา พร้อมเสียงกรีดร้อง
เรียกให้คนช่วย แต่เราัยงมีสติ โกหกแม่ไปว่าไม่มีอะไร แม่เอาแต่ร้อง
ร้องให้ใครมาอุ้มเราไป รพ.ที พร้อมกับร้องดังขึ้นไปอีก และก้พูดว่า กินไปหมดขวดเลย
///////////////เราถุกเอาไป รพ. โดยพี่ชาย ลุกพี่ลูกน้องกัน เราหลับไปตอนไหนไม่รู้
รู้แต่ว่า ตื่นมา เราได้ยินเสียงวุ่นวาย ไปหมด แต่เขาไม่ได้วุ่นวายกับเราน่ะ (เพราะอะไรรู้ไหม)
- รู้ไว้เลยน่ะค่ะว่า คนที่กินยาฆ่าตัวตาย หมอพยาบาล เขาจะไม่ค่อยสนใจ เท่าไหร่
-การรักษา ไม่ได้เป็นไปในทันที ที่ถึงมือหมอ เพราะทำอะไรไม่ได้
-แถมด้วย คำนิเตียน ซ้ำเติมด้วยซ้ำไป
//////////////ส่วนอาการที่ตัวเรารับรุ้คือ//////////////////////////
-ลมหายใจเข้าออกของเรา มีแต่กลิ่นทำยาล้างห้องน้ำ
-เรากลืนน้ำลายไม่ลงคอ เจ้บในท้องเหมือนถูกอะไรจิกกัด
เป็นระยะๆๆ
-ปากไม่มีความรุ้สึกใดๆๆกัดปากตัวเองไม่เจ็บ เอาลิ้นถูๆๆข้างกระพุ้งแก้ม
มันเหมือนเนื้อเยื่อ มันหลุดนิดลิ้นเรามา เจ็บแสบมากๆๆ
------------------------------------------------------------------
ต่อ (เพื่อเป็นอุทาหรณ์)
เรานอนให้น้ำเกลิอ ไป 1 คืน รุ่งเช้า หมอไม่ได้มาตรวจแต่สั่ง
ให้เอาเราไปส่องกล้อง ดูบาดแผลภายใน
ตัวเรารึค่ะ กลืนไม่ได้ หิวน้ำมาก แต่ก็สั่งห้ามกิน ถุกมัดมือ2ข้าง
ไว้กับเตียง (แม่บอกเราว่าเราขอ แม่ดูดผ้าที่ชุบน้ำ ที่แม่เช็ดตัวเรา)
แต่แม่ให้ไม่ได้ แม่บอกว่า เขาใจจะขาด
การส่องกล้อง เขาให้เรากลืนยาชาแบบน้ำ แต่เราก็ไม่รุ้สึกอะไร
ไม่รู้ได้กลืนไปไหม สัก 5 นาที พยาบาลก็ล๊อคแขนขา เอาสายยางใหญ่ๆๆ
ค่อยๆๆเอาเข้าปากเราไป และมีสายก้องอีก1สาย สายดูดน้ำลาย เป็น3สาย
เข้าไปในท้องเรา พร้อมกับการวิเคาะห์ ดังๆๆให้เราได้ยินด้วยว่า
เป็นแผลมัดเลย ตั้งแต่ในปาก ลิ้น เหงือก หลอดอาหาร กระเพราะ
หมอสายหัวตลอดการส่อง ถอนหายใจ ใช้เวลา 20 นาที่จะได้
หมอเอาสายต่างๆๆออกมาจากปากเรา พร้อมบอกให้เรา บ้วนเลือดในปากออกมา
แต่เราก็ทำไม่ได้ เพราะปากไม่รุ้สึกอะไรเลย เราถูกเอากลับไปห้องพักฟื้น
หมอเรียกแม่ไปคุยทันที่..........เกือบชม. แม่ออกมาพร้อม ใบหน้าที่เหมือน ร้องไห้
แล้วร้องไห้อีก......ตาเป็นสีเหลือดแดงก้ำ รวมกับการที่แม่ไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืน
แม่ไม่ได้พูดอะไรให้เราฟัง ได้แต่แอบร้องไห้ตลอดเวลา
เราเองก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้กินอะไร ให้แต่น้ำเกลือ มากมายหลายขวดพร้อมๆๆกัน
จน3 คืนผ่านไป เราไม่ณรู้สึกอะไรอีกเลย ปากเราเริ่มเน่า แปลงฟันไม่ได้ น้ำไม่ได้กิน
เนื้อในปากเริ่มเปลื่อยหลุดออกมาพร้อมน้ำลายที่ต้องบ้วนออกมา เพราะไม่สามารถกลืนได้อีกแล้ว
หมอมาตรวจเราพร้อมกับบอกเราว่า..........(ต่อไปนี้เป็นวิธี แก้ไข เยี่ยวยา กรณีคนกินยาฆ่าตัวตายค่ะ)
-------------------------------------------------------------------------------------------
หมอบอกเราว่า ต่อไปนี้ หมอไม่สามารถ ช่วยอะไรเราได้อีก
ทำได้เพียงรอเวลา ดูว่า กระเพราะของเราได้ดูดซึมน้ำยาไปมากแค่ไหน
เพราะปริมาณที่เรากิน มันเยอะมาก มันทำร้ายทุกส่วนที่มันไหลผ่าน
และร่างกายเรามีภูมิมากไหม จะมีอาการแทรกซ้อนไหม
ให้แม่ทำใจไหวเลยว่า มันมีแต่จะแย่ลงๆๆ ในกรณีกินน้ำยาล้างห้องน้ำ
มันมีฤทธิ์ ร้ายแรงเกือบเท่าๆๆกับน้ำยาฆ่าหญ้า แต่เป็นรูปแบบของการกัดกร่อน
ส่วนน้ำยาฆ่าหญ้าดูดซึมเข้ากระแสเลือด(เราเข้าใจแบบนั้น)
เราไม่รู้สึกเสียใจ กับความเจ็บปวดที่เกิด แต่เสียใจมากที่แม่ต้องมารับรู้สิ่งเหล่านี้
-------------แต่หมอก็บอกว่าเราโชคดีตรงที่-----------------
-ระหว่างทางและก่อนจะขึ้นรถมา รพ. พี่ชายเราได้ เอาเม็ดแมลง แช่น้ำ นิดหน่อย
กลอก ปากให้เรากิน เราเองก็รู้สึกว่าได้กลืนเข้าไป 2-3 ที และลุงเราก็เอาว่านลางจืด
ขย้ำน้ำกลอกปากเราเข้าไปอีก +กับเราอ้วกน้ำยาบางส่วนออกมา แต่ก็เป็นความโชคร้าย
ของกระเพาะอาหาร ที่เราไม่ได้กินอะไร ไม่มีอะไรอยุ่ในท้องสักเท่าไหร่ เลยมีแผล
ที่หลอดอาหาร และกระเพาะเยอะที่สุด (เดียวจะมาเล่าอาการ และ วิธีรักษาหลอดอาหารที่
เจ็บปวดมากให้ฟัง)
-------------------------ขอบคุร ที่สละเวลามาอ่านน่ะคะ---------------------
หลังจากที่เราอยู่ รพ. ได้ 5 วัน ถ้าจำไม่ผิด อาการเราแย่ลง เพราะไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลย
ได้รับแต่น้ำเกลือ และน้ำนิดหน่อย เราผอมลงมาก ปากเขียวคล้ำ จนจะดำ ปากลอก
มาเป็นแผ่นๆๆ เลือดออกซิปๆๆ แม่ทำทุกทางที่ใครว่าดีให้บาดแผลต่างๆๆของเราหาย
หาอะไรต่อมิอะไรมาทาให้เรา แม่บอกกับเราว่า ไม่ว่าตอนจากนี้ไปอาการเราจะแย่ลง
ไปแบบหมอบอกไว้ แต่แม่เขาจะทำให้เราดีสุด ........จิตแม่เราแย่ลงไปอีก เมื่อคนข้างๆๆ
เตียงเรา เขาก็กินน้ำยาล้างห้องน้ำเหมือนกัน เขาอยู่มา สิบกว่าวัน แล้วเขาได้สิ้นใจไป
-------เราถูกเอาไปส่องกล้องอีกครั้ง หลังอยู่มาได้ 1 สัปดาห์ถ้าจำไม่ผิด
หมอบอกว่าจะได้รุ้กันและ ว่าเราจะรับการรักษาต่อได้รึไม่ แต่การส่องกล้องครั้งนี้
เราสามารถช่วยหมอ กลืนกล้องลงไปได้ มีเลือดออกน้อย ------หมอบอกเราในห้องตรวจว่า
แสดงว่า กล้ามเนื้อหลอดอาหารเรายังไม่ถูกทำร้ายมากนัก ไม่อักเสบถึงขั้นกล้ามเนื้อ ขยับไม่ได้
หมอบอกว่าเป็นสัญญานที่ดีว่า แผลไม่ลึกลงไปเท่าที่หมอเคยเจอมา(เราคิดเองว่า เพราะน้ำยามันเป็นสูตร)
ที่ไม่รุนแรงเท่า ขวดสีม่วงมั้ง -----------เรากับมาที่ห้องพักฟื้น และก็ยังไม่สามารถ สั่งให้อาหารต่างๆๆกับ
เราได้เหมือนเดิม -----------เราถูกเอาไปพบ จิตแพทย์ทุกวันเลยหลังจากนั้น ------และ15วัน ความเจ็บปวด
ที่ไม่เคยเจอก็เกิดขึ้น จากการอยู่ดูอาการ มาตลอด หมอเริ่มที่จะทำการเคียร์หลอดอาหารให้ หลังจากตรวจเจอว่าแผลเริ่มหาย
แต่เนื้อเหยื่อต่างๆๆในหลอดลม กับกระเพาะ ก้กำลังจะเกิด พังพืด เนื้อเยื่อประสานติดกัน ทำให้หลอดลมเริ่มตีบ
เราเองก็รู้ตัวว่ามันเจ็บปวดมาก เพราะแค่โจ๊กที่แถบจะเป็นน้ำ เรายังกลืนลงไปอย่างเจ็บปวด และลำบาก
---------การรักษา อาการ เป็นพังผืดในหลอดอาการ ก็คือ การเอาสายยางจะว่านิ่ม มันก็นิ่มจะว่าแข็งก้แข็งน่ะ
ค่อยๆๆ กลืนลงไปในคอจนถึงกระเพาะอาหาร ทำทุกวัน เพิ่มขนาดสายยางขึ้นทีละนิดๆๆ การรักษานี้
ทำให้เราเจ็บปวดมาก น้ำตาไหลทุกครั้ง เลือดออกทุกครั้งไป จนเราร้องขอให้หมอหยุดรักษาเราเถอะ
เราไม่ไหวจิงๆๆ------แต่การทำแบบนี้ก็ส่งผลให้เราพอจะกลืนกินอะไรได้มากขึ้น ร่างกายเราดีขึ้นตามลำดับ
เราต้องถูกทำแบบนี้ นานไปถึงกลับมาบ้านก็ยังต้องไปทำที่ รพ. ต่ออีกเป็นเดือนๆๆ ส่วนกระเพาก็เป็นแผลกึ่งเรื้อรัง
คือกิน อะไรที่ มีกรด รึเผ็ดก็จะเป็นแผล จนปัจจุบัน ต้องกินยาเครือบกระเพาะตลอด ถึงจะผ่านเวลามาจะ10ปีแล้ว
-----------------------ทั้งหมดเหล่านี้ มันเกิดจาก ที่เขาเรียกว่า อารมณ์ชั่ววูบ จากการไม่เข้มแข็ง คิดอะไรๆๆ
น้อยเกินไป.............แต่ความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งปวงที่เกิดกับเรา ก็ไม่เทียบเท่าความเจ็บปวด ของแม่และพ่อของเรา
ที่ทุกวันนี้ เขาจะยังค่อยคิดมาก ว่าเราจะทำร้ายตัวเองอีก อยุ่อย่างจิตตก เห็นเราเครียดงาน รึเรื่องต่างๆๆนิดหน่อยก็
พลอยจะคิดมากไปด้วย............เราได้สร้างเวณสร้างกรรมให้พ่อแม่เรา และหวังว่ามันจะมีประโยชนืกับใครสักคน ที่
กำลังเคยคิดแบบเรา
--------------------อาจจะ งง นิดหน่อย ต้อง ขออภ