สวัสดีค่ะ ปกติเราเข้ามาอ่านแต่ของคนอื่น วันนี้เลยจะขอเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง
ตอนนั้นเราอายุประมาณ 8-9 ขวบ (จำไม่ค่อยได้เท่าไหร่นะ 555) แม่เราก็เอาเราไปฝากไว้กับยาย เพราะพ่อกับแม่ทำงานทั้งคู่
บ้านเราเป็นบ้านที่มีเด็กๆ เยอะค่ะ เป็นลูกพี่-ลูกน้อง วัยใกล้เคียงกัน ตามประสาเด็ก ไม่มีอะไรเล่นก็ชวนกันเล่นเรื่อยเปื่อย
จนสุดท้าย.. พี่เราก็ชวนเล่น "ผีถ้วยแก้ว" ซึ่งอุปกรณ์ที่ทุกคนต้องมีคือ เครื่องป้องกันผี พี่บางคนพกพระองค์เล็ก บางคนมีพระที่คอ ของเราเป็นสายสิณจ์
และอุปกรณ์ถัดมาคือ กระดานผีถ้วยแก้ว ตอนนั้นพวกเราเด็กๆกัน ก็ใช้กระดาษมาวาด ในการดาษประกอบด้วยตัวอักษร สระ วรรณยุกต์
และ...บ้านของผี พี่เราวาดบ้านของผี ตัวผีที่ถือมีดจี้คอตัวประกันผู้หญิงเอาไว้ สุดท้ายเป็นแก้วน้ำพลาสติกสี ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่หยิบมาแล้วยายจะไม่ว่า
เพราะถ้าเป็นแก้วใสๆ ที่แตกได้ พวกเราคงโดนยายดุแน่ๆ
เมื่อพวกเราได้อุปกรณ์ในการเล่นครบแล้ว ก็พากันเดินหาที่เล่นสงบๆ ที่ผู้ใหญ่จะไม่ว่าพวกเรา ที่เล่นอะไรกันแผลงๆ
พวกเราเดินกันไปถึงบ่อน้ำร้าง รอบๆบริเวณบ่อน้ำนั้นเต็มไปด้วย ต้นหญ้าที่สูงประมาณหัวเข่าผู้ใหญ่ รายล้อมบริเวณบ่อน้ำไว้
พวกเราหาที่ร่มๆ นั่งลงตรงแถวนั้น แล้วก็เริ่มเล่นผีถ้วยแก้ว
พี่เราบอกว่า ให้ท่อง นะ โม พุทธ ธา ยะ กล่าวกันคนล่ะคำ วนจนครบ 3 จบ แล้วพี่ก็พูดเชิญผีให้เข้ามาอยู่ในถ้วย
พี่เตือนเราไว้ว่า ไม่ว่ายังไงก็อย่าปล่อยมือออกจากแก้ว... หลังจากได้เชิญวิญญานเข้าแก้ว พวกพี่ๆเราก็ถามคำถามกับผีตนนั้น
ว่า ชื่ออะไร ชายหรือหญิง ประมาณนี้ แก้วก็ค่อยๆเลื่อนไปตามตัวอักษรต่างๆ การเล่นนี้ดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่ง
พี่เราถามว่า "จะปล่อยตัวประกันไหม" แล้วแก้วก็เลื่อนอย่างไว จนนิ้วเกือนหลุดออกจากแก้ว ว่า "ไม่"
ทุกคนเริ่มคิดว่า มีใครแกล้งใครกันหลือเปล่า คนไหนเลื่อนแก้วให้สารภาพมา แต่ทุกคนก็ปฏิเสธ สรุปไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนเลื่อนแก้ว
ตอนนั้นเราคิดว่า มีใครคนใดคนหนึ่งโกหก หรือ แท้จริงแล้ว ทุกคนพุดความจริง
แล้วคำถามต่อมาคือ "ทำยังไงถึงจะปล่อยตัวประกัน" (ตอนนั้นเราจำไม่ได้นะว่าเขาอยากได้อะไร)
พี่เราอีก 2 คน เลยบอกเขาว่า "ขอเอามือออกนะ เดี๋ยวไปเอามาให้" พี่ก็ปล่อยมือออกจากแก้ว
ของที่เอามา รอบแรก เอามาวางไว้ข้างๆ รูปบ้านที่วาดไว้ในกระดาษ แต่เหมือน "เขา" ก็ยังไม่พอใจ
พี่เราเลยถามอีก ว่าอยากได้อะไร พี่เราก็เอาไปหาเพิ่ม พี่เราบอกว่า "มีแค่นี้แหละ ปล่อยตัวประกันได้แล้ว จะเลิกเล่นแล้ว"
แต่ถ้วยแก้ว ที่พวกเราจับอยู่ มันร้อนขึ้นเรื่อยๆ เราไม่รู้ว่าทำไมมันถึงร้อน ทั้งๆที่ในแก้วก็ไม่ได้มีอะไร
ขณะที่ถ้วยเลื่อน ตัวอักษร แต่ละตัวค่อยๆ รวมเป็นคำ "โกหก" นั้นคือ คำที่ประกอบได้จากถ้วยที่เลื่อนไปมา
พี่เราอีกคนเลยถามพี่คนที่ไปเอาของมาว่า "มีอีกไหม ถ้ามีก็รีบๆเอามาซิ แก้วมันร้อนไม่ไหวแล้วนะ"
แต่พี่เราที่เข้าไปเอาของก็นิ่งไป แล้วเขาก็วิ่งกลับเข้าบ้าน
ตอนนั้นที่เราและพี่ๆที่เหลือจับถ้วยแก้วอยู่นั้น อยากจะชักมือออกจากแล้วมาก เพราะแก้วมันร้อนจี๋
เหมือนกับว่า มีใครใส่น้ำที่ร้อนจัดเอาไว้อย่างนั้นแหละ แต่ก็ไม่ใช่ เพราะแก้วมันคว่ำอยู่
แก้วมันร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเราทนไม่ไหว ดึงมือออกแทบจะพร้อมกัน แล้วแก้วก็หงาย
ทันทีที่แก้วหงาย พี่เราที่วิ่งกลับเข้าบ้านเขาก็หอบของมา แต่มันไม่ทันแล้ว
เพราะตัวประกันตายแล้ว...
แก้วที่หงายมีเลือดสีแดงๆเต็มไปหมด ไม่รู้ว่ามันไหลมาจากไหน และมาได้ยังไง
ทุกคนร้องกรี๊ด และวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น จนยายและป้าเดินมาดู ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
พี่เราอีกคนเลยบอกความจริงไป พวกเราโดนยายดุเล็กน้อย แล้วก็แยกย้ายพากันกลับบ้าน...
เป็นประสบการณ์ที่เราจำได้ดี และการเล่นแผลงๆแบบนี้จะไมีมีอีกแล้ว
(ไว้เดี๋ยวจะมาเล่า ประสบการณ์ อื่นๆอีกนะคะ ตั้งแต่นั้นมา เราก็เหมือนเจอเรื่องพวกนี้อีก)
ผีถ้วยแก้ว
ตอนนั้นเราอายุประมาณ 8-9 ขวบ (จำไม่ค่อยได้เท่าไหร่นะ 555) แม่เราก็เอาเราไปฝากไว้กับยาย เพราะพ่อกับแม่ทำงานทั้งคู่
บ้านเราเป็นบ้านที่มีเด็กๆ เยอะค่ะ เป็นลูกพี่-ลูกน้อง วัยใกล้เคียงกัน ตามประสาเด็ก ไม่มีอะไรเล่นก็ชวนกันเล่นเรื่อยเปื่อย
จนสุดท้าย.. พี่เราก็ชวนเล่น "ผีถ้วยแก้ว" ซึ่งอุปกรณ์ที่ทุกคนต้องมีคือ เครื่องป้องกันผี พี่บางคนพกพระองค์เล็ก บางคนมีพระที่คอ ของเราเป็นสายสิณจ์
และอุปกรณ์ถัดมาคือ กระดานผีถ้วยแก้ว ตอนนั้นพวกเราเด็กๆกัน ก็ใช้กระดาษมาวาด ในการดาษประกอบด้วยตัวอักษร สระ วรรณยุกต์
และ...บ้านของผี พี่เราวาดบ้านของผี ตัวผีที่ถือมีดจี้คอตัวประกันผู้หญิงเอาไว้ สุดท้ายเป็นแก้วน้ำพลาสติกสี ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่หยิบมาแล้วยายจะไม่ว่า
เพราะถ้าเป็นแก้วใสๆ ที่แตกได้ พวกเราคงโดนยายดุแน่ๆ
เมื่อพวกเราได้อุปกรณ์ในการเล่นครบแล้ว ก็พากันเดินหาที่เล่นสงบๆ ที่ผู้ใหญ่จะไม่ว่าพวกเรา ที่เล่นอะไรกันแผลงๆ
พวกเราเดินกันไปถึงบ่อน้ำร้าง รอบๆบริเวณบ่อน้ำนั้นเต็มไปด้วย ต้นหญ้าที่สูงประมาณหัวเข่าผู้ใหญ่ รายล้อมบริเวณบ่อน้ำไว้
พวกเราหาที่ร่มๆ นั่งลงตรงแถวนั้น แล้วก็เริ่มเล่นผีถ้วยแก้ว
พี่เราบอกว่า ให้ท่อง นะ โม พุทธ ธา ยะ กล่าวกันคนล่ะคำ วนจนครบ 3 จบ แล้วพี่ก็พูดเชิญผีให้เข้ามาอยู่ในถ้วย
พี่เตือนเราไว้ว่า ไม่ว่ายังไงก็อย่าปล่อยมือออกจากแก้ว... หลังจากได้เชิญวิญญานเข้าแก้ว พวกพี่ๆเราก็ถามคำถามกับผีตนนั้น
ว่า ชื่ออะไร ชายหรือหญิง ประมาณนี้ แก้วก็ค่อยๆเลื่อนไปตามตัวอักษรต่างๆ การเล่นนี้ดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่ง
พี่เราถามว่า "จะปล่อยตัวประกันไหม" แล้วแก้วก็เลื่อนอย่างไว จนนิ้วเกือนหลุดออกจากแก้ว ว่า "ไม่"
ทุกคนเริ่มคิดว่า มีใครแกล้งใครกันหลือเปล่า คนไหนเลื่อนแก้วให้สารภาพมา แต่ทุกคนก็ปฏิเสธ สรุปไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนเลื่อนแก้ว
ตอนนั้นเราคิดว่า มีใครคนใดคนหนึ่งโกหก หรือ แท้จริงแล้ว ทุกคนพุดความจริง
แล้วคำถามต่อมาคือ "ทำยังไงถึงจะปล่อยตัวประกัน" (ตอนนั้นเราจำไม่ได้นะว่าเขาอยากได้อะไร)
พี่เราอีก 2 คน เลยบอกเขาว่า "ขอเอามือออกนะ เดี๋ยวไปเอามาให้" พี่ก็ปล่อยมือออกจากแก้ว
ของที่เอามา รอบแรก เอามาวางไว้ข้างๆ รูปบ้านที่วาดไว้ในกระดาษ แต่เหมือน "เขา" ก็ยังไม่พอใจ
พี่เราเลยถามอีก ว่าอยากได้อะไร พี่เราก็เอาไปหาเพิ่ม พี่เราบอกว่า "มีแค่นี้แหละ ปล่อยตัวประกันได้แล้ว จะเลิกเล่นแล้ว"
แต่ถ้วยแก้ว ที่พวกเราจับอยู่ มันร้อนขึ้นเรื่อยๆ เราไม่รู้ว่าทำไมมันถึงร้อน ทั้งๆที่ในแก้วก็ไม่ได้มีอะไร
ขณะที่ถ้วยเลื่อน ตัวอักษร แต่ละตัวค่อยๆ รวมเป็นคำ "โกหก" นั้นคือ คำที่ประกอบได้จากถ้วยที่เลื่อนไปมา
พี่เราอีกคนเลยถามพี่คนที่ไปเอาของมาว่า "มีอีกไหม ถ้ามีก็รีบๆเอามาซิ แก้วมันร้อนไม่ไหวแล้วนะ"
แต่พี่เราที่เข้าไปเอาของก็นิ่งไป แล้วเขาก็วิ่งกลับเข้าบ้าน
ตอนนั้นที่เราและพี่ๆที่เหลือจับถ้วยแก้วอยู่นั้น อยากจะชักมือออกจากแล้วมาก เพราะแก้วมันร้อนจี๋
เหมือนกับว่า มีใครใส่น้ำที่ร้อนจัดเอาไว้อย่างนั้นแหละ แต่ก็ไม่ใช่ เพราะแก้วมันคว่ำอยู่
แก้วมันร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเราทนไม่ไหว ดึงมือออกแทบจะพร้อมกัน แล้วแก้วก็หงาย
ทันทีที่แก้วหงาย พี่เราที่วิ่งกลับเข้าบ้านเขาก็หอบของมา แต่มันไม่ทันแล้ว
เพราะตัวประกันตายแล้ว...
แก้วที่หงายมีเลือดสีแดงๆเต็มไปหมด ไม่รู้ว่ามันไหลมาจากไหน และมาได้ยังไง
ทุกคนร้องกรี๊ด และวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น จนยายและป้าเดินมาดู ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
พี่เราอีกคนเลยบอกความจริงไป พวกเราโดนยายดุเล็กน้อย แล้วก็แยกย้ายพากันกลับบ้าน...
เป็นประสบการณ์ที่เราจำได้ดี และการเล่นแผลงๆแบบนี้จะไมีมีอีกแล้ว
(ไว้เดี๋ยวจะมาเล่า ประสบการณ์ อื่นๆอีกนะคะ ตั้งแต่นั้นมา เราก็เหมือนเจอเรื่องพวกนี้อีก)