ยินดีต้อนรับทุกท่าน มีเรื่อง ตลก ขำขัน อกหัก รักคุด ผ่าฟันคุต ปวดตับ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ
...เรียน...
คุณ กุลมิตรา ฝ่ายศาสนา
คุณ เจมส์บอน007 หรือ พี่โดม ฝ่ายต้อนรับส่วนหน้า
คุณ โอ้ ฝ่ายปฏิบัติการขับกล่อมและบรรเลง
สวัสดีสมาชิกห้องราชดำเนินทุกท่านค่ะ..
สาส์นสมานมิตร ฟรอยด์ – ไอน์สไตน์ Why War?
ซิกมันด์ ฟรอยด์ คือ นักค้นคว้าอัจฉริยะด้านศาสตร์ทางจิต (science of mind)
และอัลเบิร์ต ไอสไตน์ คือ นักบุกเบิกอัจฉริยะด้านศาสตร์ทางฟิสิกซ์ (science of physics)
ทั้งคู่เป็นบุคคลร่วมสมัย เป็นเพื่อนต่างวัยที่ถูกคอ และมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน
ฟรอยด์เกิด ปีค.ศ. 1856 ที่เมืองฟรายเบอร์ก แคว้นโมวาเรีย ประเทศออสเตรีย (แต่มักยืนยันเสมอว่าเกิดในเยอรมันนี)
ส่วนไอสไตน์เกิด ปี ค.ศ. 1879 ที่เมืองอูล์ม เยอรมันนี อ่อนกว่าฟรอยด์ 23 ปี
ฟรอยด์เรียนจบแพทย์จากมหาวิทยาลัยเวียนนา ไอสไตน์เรียนจบฟิสิกซ์จากซูริค สวิตเซอร์แลนด์
ฟรอยด์แต่งงานครั้งเดียวกับมาร์ธา เบอร์เนย์ส มีบุตรด้วยกัน 6 คน ส่วนไอสไตน์แต่งงาน 3 ครั้ง มีบุตร 3 คน
ฟรอยด์และไอสไตน์มีชีวิตที่คล้ายกันหลายด้าน นอกจากจะเป็นคนดังแห่งยุค ในฐานะอัจฉริยะด้านวิทยาศาสตร์
ยังมีเชื้อสายยิวเหมือนกัน อันนำไปสู่ “คนหัวอกเดียวกัน” เพราะถูกฮิตเลอร์ผู้นำเยอรมันสมัยนั้นหาทางขจัดและรุกรานไล่ล่าอย่างจริงจัง และนี่เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ความเป็นมิตรระหว่างกันผูกพันแน่นแฟ้นมากขึ้น
ความจริงฟรอยด์และไอสไตน์เคยรู้จักกันมาก่อนในฐานะสมาชิกของสมาคม Gesellschaft fur positivische Philosophie เป็นสมาคมวิชาการด้านวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ปัญหามนุษยชาติ
ฟรอยด์ชื่นชมไอสไตน์เป็นพิเศษ และเล่าให้เพื่อนสนิทไว้ในจดหมาย ดังนี้
“ใช่เลย ฉันใช้เวลาตั้งสองชั่วโมงคุยกับไอสไตน์ เขาเป็นคนร่าเริง อารมณ์ดี น่าไว้วางใจ และน่าคบหาสมาคม กับมีความเข้าใจในวิชาจิตวิทยาเท่าๆกับที่ฉันเข้าใจวิชาฟิสิกซ์ ดังนั้นเราจึงคุยกันได้ดีมาก”
เช่นเดียวกันไอสไตน์ก็ชื่นชมฟรอยด์ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะชื่นชมทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์
ซึ่งไอสไตน์ระบุว่า ยิ่งใหญ่แห่งยุค อาจเข้าใจยาก แต่เขาเข้าใจได้
จากนั้นได้มีจดหมายถึงกันอีกมาก โดยเฉพาะจดหมายที่แสดงความเห็นของกันและกัน ในชื่อว่า วาย วอร์ Why War? อันมีสาระสำคัญอยู่ที่ไอสไตน์ตั้งคำถามกับฟรอยด์ มิตรผู้พี่ว่า ทำไมมนุษย์จึงทำสงครามเข่นฆ่า ก้าวร้าว ทำลายกัน จะมีทางให้มนุษย์เป็นอิสระจากสงครามเหี้ยมโหดได้หรือไม่
ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันได้ว่า ไอสไตน์มีแรงจูงใจในการตั้งคำถามจากการฮึกเหิมของนาซี
ในจุดที่ต้องการล้างเผ่าพันธุ์ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวในประเทศทั้งหมด
ฟรอยด์ให้คำตอบแก่ไอสไตน์เรื่องการหยุดความก้าวร้าวของสงครามก็คือ ต้องมีความร่วมมือกันของทุกชาติ เป็น สันนิบาตชาติ (The League of Nations) เป็นศาลฎีกาพิพากษาทุกคดีความขัดแย้งอันจะก่อสงคราม
ถ้าองค์กรสันนิบาตชาติเข้มแข็งก็จะสามารถลดสงครามลงได้
ส่วนอีกคำตอบของฟรอยด์ในเรื่องของความก้าวร้าว เขาตอบว่า ความก้าวร้าว เป็นขั้วที่อยู่ตรงข้ามกับความรัก
(เป็นอารมณ์เดียวกันแต่อยู่คนละขั้ว)
คนเราต้องมีอารมณ์รักและชัง (love and hate) เพราะจำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่
แต่ฟรอยด์ไม่ได้บอกว่า ความก้าวร้าวเป็นอารมณ์แปรปรวนหรืออารมณ์โรคจิต (psychotic emotion)
อย่างที่ไอสไตน์เรียกขานแต่ประการใด
จดหมายโต้ตอบระหว่างนักฟิสิกซ์และนักจิตวิทยาผู้ยิ่งใหญ่นี้ประหนึ่งเป็น สาส์นสมานมิตร เดิมอยู่ภายใต้เงื่อนไขลิขสิทธิ์ระหว่างชาติ จะได้รับการเผยแพร่ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าของลิขสิทธิ์เสียชีวิตแล้ว 70 ปี ซึ่งปัจจุบันได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่แล้วเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งคงจะปรากฏคำตอบเกี่ยวกับ สงคราม ความรัก ความก้าวหน้า ความโหดร้าย และเบื้องลึกของจิตใจมนุษย์ในรายละเอียด อยู่ด้วย
(กุลมิตรา เป็น จขกท เฉพาะกิจ แทน ท่านประธานสวยค่ะ)
...มุมนี้อารมณ์ดี."รอวันฟ้าใส.กลุ่มอดีตคนเคยสวยรักประชาธิปไตย นอนตะแคงจนตาแข็ง" . 3 กุมภาพันธ์ 2558...!!!
ยินดีต้อนรับทุกท่าน มีเรื่อง ตลก ขำขัน อกหัก รักคุด ผ่าฟันคุต ปวดตับ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ
...เรียน...
คุณ กุลมิตรา ฝ่ายศาสนา
คุณ เจมส์บอน007 หรือ พี่โดม ฝ่ายต้อนรับส่วนหน้า
คุณ โอ้ ฝ่ายปฏิบัติการขับกล่อมและบรรเลง
สวัสดีสมาชิกห้องราชดำเนินทุกท่านค่ะ..
สาส์นสมานมิตร ฟรอยด์ – ไอน์สไตน์ Why War?
ซิกมันด์ ฟรอยด์ คือ นักค้นคว้าอัจฉริยะด้านศาสตร์ทางจิต (science of mind)
และอัลเบิร์ต ไอสไตน์ คือ นักบุกเบิกอัจฉริยะด้านศาสตร์ทางฟิสิกซ์ (science of physics)
ทั้งคู่เป็นบุคคลร่วมสมัย เป็นเพื่อนต่างวัยที่ถูกคอ และมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน
ฟรอยด์เกิด ปีค.ศ. 1856 ที่เมืองฟรายเบอร์ก แคว้นโมวาเรีย ประเทศออสเตรีย (แต่มักยืนยันเสมอว่าเกิดในเยอรมันนี)
ส่วนไอสไตน์เกิด ปี ค.ศ. 1879 ที่เมืองอูล์ม เยอรมันนี อ่อนกว่าฟรอยด์ 23 ปี
ฟรอยด์เรียนจบแพทย์จากมหาวิทยาลัยเวียนนา ไอสไตน์เรียนจบฟิสิกซ์จากซูริค สวิตเซอร์แลนด์
ฟรอยด์แต่งงานครั้งเดียวกับมาร์ธา เบอร์เนย์ส มีบุตรด้วยกัน 6 คน ส่วนไอสไตน์แต่งงาน 3 ครั้ง มีบุตร 3 คน
ฟรอยด์และไอสไตน์มีชีวิตที่คล้ายกันหลายด้าน นอกจากจะเป็นคนดังแห่งยุค ในฐานะอัจฉริยะด้านวิทยาศาสตร์
ยังมีเชื้อสายยิวเหมือนกัน อันนำไปสู่ “คนหัวอกเดียวกัน” เพราะถูกฮิตเลอร์ผู้นำเยอรมันสมัยนั้นหาทางขจัดและรุกรานไล่ล่าอย่างจริงจัง และนี่เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ความเป็นมิตรระหว่างกันผูกพันแน่นแฟ้นมากขึ้น
ความจริงฟรอยด์และไอสไตน์เคยรู้จักกันมาก่อนในฐานะสมาชิกของสมาคม Gesellschaft fur positivische Philosophie เป็นสมาคมวิชาการด้านวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ปัญหามนุษยชาติ
ฟรอยด์ชื่นชมไอสไตน์เป็นพิเศษ และเล่าให้เพื่อนสนิทไว้ในจดหมาย ดังนี้
“ใช่เลย ฉันใช้เวลาตั้งสองชั่วโมงคุยกับไอสไตน์ เขาเป็นคนร่าเริง อารมณ์ดี น่าไว้วางใจ และน่าคบหาสมาคม กับมีความเข้าใจในวิชาจิตวิทยาเท่าๆกับที่ฉันเข้าใจวิชาฟิสิกซ์ ดังนั้นเราจึงคุยกันได้ดีมาก”
เช่นเดียวกันไอสไตน์ก็ชื่นชมฟรอยด์ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะชื่นชมทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์
ซึ่งไอสไตน์ระบุว่า ยิ่งใหญ่แห่งยุค อาจเข้าใจยาก แต่เขาเข้าใจได้
จากนั้นได้มีจดหมายถึงกันอีกมาก โดยเฉพาะจดหมายที่แสดงความเห็นของกันและกัน ในชื่อว่า วาย วอร์ Why War? อันมีสาระสำคัญอยู่ที่ไอสไตน์ตั้งคำถามกับฟรอยด์ มิตรผู้พี่ว่า ทำไมมนุษย์จึงทำสงครามเข่นฆ่า ก้าวร้าว ทำลายกัน จะมีทางให้มนุษย์เป็นอิสระจากสงครามเหี้ยมโหดได้หรือไม่
ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันได้ว่า ไอสไตน์มีแรงจูงใจในการตั้งคำถามจากการฮึกเหิมของนาซี
ในจุดที่ต้องการล้างเผ่าพันธุ์ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวในประเทศทั้งหมด
ฟรอยด์ให้คำตอบแก่ไอสไตน์เรื่องการหยุดความก้าวร้าวของสงครามก็คือ ต้องมีความร่วมมือกันของทุกชาติ เป็น สันนิบาตชาติ (The League of Nations) เป็นศาลฎีกาพิพากษาทุกคดีความขัดแย้งอันจะก่อสงคราม
ถ้าองค์กรสันนิบาตชาติเข้มแข็งก็จะสามารถลดสงครามลงได้
ส่วนอีกคำตอบของฟรอยด์ในเรื่องของความก้าวร้าว เขาตอบว่า ความก้าวร้าว เป็นขั้วที่อยู่ตรงข้ามกับความรัก
(เป็นอารมณ์เดียวกันแต่อยู่คนละขั้ว)
คนเราต้องมีอารมณ์รักและชัง (love and hate) เพราะจำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่
แต่ฟรอยด์ไม่ได้บอกว่า ความก้าวร้าวเป็นอารมณ์แปรปรวนหรืออารมณ์โรคจิต (psychotic emotion)
อย่างที่ไอสไตน์เรียกขานแต่ประการใด
จดหมายโต้ตอบระหว่างนักฟิสิกซ์และนักจิตวิทยาผู้ยิ่งใหญ่นี้ประหนึ่งเป็น สาส์นสมานมิตร เดิมอยู่ภายใต้เงื่อนไขลิขสิทธิ์ระหว่างชาติ จะได้รับการเผยแพร่ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าของลิขสิทธิ์เสียชีวิตแล้ว 70 ปี ซึ่งปัจจุบันได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่แล้วเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งคงจะปรากฏคำตอบเกี่ยวกับ สงคราม ความรัก ความก้าวหน้า ความโหดร้าย และเบื้องลึกของจิตใจมนุษย์ในรายละเอียด อยู่ด้วย
(กุลมิตรา เป็น จขกท เฉพาะกิจ แทน ท่านประธานสวยค่ะ)