1 ควรยอมรับก่อนว่าศาสนาอิสลามมีปัญหาจริงๆ เหตุการณ์ก่อการร้ายหลายเหตุการณ์มีความสัมพันธ์เหตุจูงใจจากเรื่องศาสนา
อย่าไปมองว่าสื่อตะวันตกต้องการจะทำลายศาสนาอิสลาม เพราะเหตุการ์ที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นจริง ไม่ได้เป็นเรื่องแต่ง

2 เลิกกล่าวโทษอิสราเอล อเมริกาเสียที ทุกเหตุการณ์ชาวมุสลิมจะโยงไปที่สองประเทศนี้   ควรจะย้อนกลับมาดูตัวเอง สำรวจตัวเองก่อน

3 เลิกทฤษฎีสมคบคิดเสียที เช่นบอกว่าการตัดคอตัวประกันเป็นการตัดต่อ เหตุการณ์ 11 กันยา เป็นรัฐบาลลอเมริกาอยู่เบื้องหลัง การบุกยิงทีฝรั่งเศสเป็นแผนของอิสราเอลวางแผนเพราะเรื่อง การที่ฝรั่งเศสยอมรับปาเลสสไตเป็นประเทศ เพราะเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นจริงมีหลักฐานมากมาย แต่ท่านกลับทำเป็นไม่รุ้ไม่สนใจ ส่วนประเด็นที่น่าสงสัยนิดหน่อยก็ขยายจนใหญโต ชาวมุสลิมควรยอมรับก่อนว่าคนของศาสนาตนกระทำเหตุการณ์ต่างๆจริงถึงจะแก้ปัญหาได้

4 มีการบอกว่าคนฆ่ากันตายทุกวัน แต่ทำไมมุสลิมออกมาสังหารคนกลับมองเป็นแค่ผู้ก่อการร้ายอย่างเดียว คำตอบคือ สมมติเด็กช่างกลยิงกัน ก็เป็นการทะเลาะวิวาทเฉยๆ ตำรวจก็ต้องทำการจับกุม เป็นการสู้กันระหว่างสถาบัน. ส่วนการก่อเหตุของมุสลิมเป็นการก่อการร้ายเพราะมีการฆ่าคนบริสุทธิ์ โดยตอนสังหารก็ตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ซึ่งแบบนี้อันตรายเพราะ มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา และอันตรายเพราะคนบริสุทธ์อยู่เฉยๆก็อาจเป็นอันตรายได้ สรุปคือการก่อการร้ายต่างกับเหตุรุนแรงอื่นๆเพราะเกี่ยวข้องกับศาสนา และอันตรายต่อทุกคนบนโลก เพราะใครๆก็อาจเป็นอันตรายได้


5 ชาวมุสลิมมักบอกว่า มุสลิมส่วนใหญ่เป็นคนดี ส่วนน้อยเป็นผู้ก่อการร้าย ก็เหมือนกับบอกว่าคนเมาแล้วขับทุกคนไม่ได้เกิดอุบัติเหตุ. แต่คนเมาแล้วขับบางคนเท่านั้นที่เกิดอุบัติเหตุ ชาวมุสลิมทุกคนไม่ได้เป็นผู้ก่การร้าย แต่ชาวมุสลิมบางคนเท่านั้นที่ก่อการร้าย แต่อย่างไรก็ตาม

การเมาแล้วขับก็ยังเป็นอันตรายอยู่ดี  แม้ขับร้อยคันอาจจะชนสักสิบคัน

คนสูบบุหรี่ทุกคนไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่บางคนสูบแล้วเป็นมะเร็ง แต่อย่างไรการสูบบุหรี่ก็อันตรายอยู่ดีชาวมุสลิมต้องตระหนักเรื่องนี้


6 เนื้อหาในอัลกุรอ่าน มีข้อความพูดถึงความรุนแรงจริง ชาวมุสลิมควรยอมรับเรื่องนี้

7 จากที่กล่าวมาทั้งหมด สุดท้ายศาสนาอิสลามต้องกลับมาพยายาม reformation เพื่อสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข