มหาสารคามไม่มีภูเขา เมื่อไม่มีภูเขาก็ไม่มีน้ำตก ไม่มีทะเลหมอก ไม่มีทางเดินป่าขึ้นเขา

ชาวอีสานเองก็ยังคิดไม่ออกว่ามหาสารคามมีอะไร
จังหวัดที่น้อยเนื้อต่ำใจว่าไม่มีธรรมชาติสวยๆ อย่างใครเขา
มหาสารคามไม่มีภูเขา เมื่อไม่มีภูเขาก็ไม่มีน้ำตก ไม่มีทะเลหมอก ไม่มีทางเดินป่าขึ้นเขา




หลายครั้ง ก็พยายามนึก ถึงจุดขายของจังหวัด
แต่ก็ไม่มีอะไรโดดเด่นนอกเหนือจากเป็นแหล่งการศึกษาของอีสานกลาง (และลิง และก็ปูทูลกระหม่อม)
กิจการ ด้านการเมือง อบต สส ผู้แทน ก็ไม่มีอะไรเด่นเลยย  ซักกะคน
ไม่รู้ จะมีใคร บ้างไหม สำนึกรักบ้านเกิด จังหวัดตัวเอง บ้างหรือเปล่า



ตัวผม เพียงเด๊กหนุ่ม หนุ่มน้อยๆ จากภำเภอเล็กๆ ไกล้ๆ อ.บ้านใผ่ จ ขอนแก่น
แต่กระนั้น ความเจริญก็เทียบกันไม่ได้เลยย

ที่ ที่มีแต่ แต่ความแห้งแล้ง แม่น้ำคลองน้ำไม่มี ไม่ไหลผ่าน
ระบบชลประทานไม่มี ฤดูฝน น้ำฝนไม่เคยล้นสระเลย ฝนตกน้อยมาก
ที่มีมากๆ ก็คือความแห้งแล้ง กับไร่อ้อย แห้งๆ ไร่มันสำปะหลังบนพื้นดินผงๆ (มันจะผลผลิตอะไร เนอะ) หลักๆ ก็มีกันอยู่แค่นี้จริงๆ


ไม่มีหรอก (หรือมีอยู่ ?) ใครจะมาคิด ว่าทำไมน้า ทำยังไงน้า  ให้เรารอดพ้นจาก วังวน การเกษตรแบบจนๆ ที่ต้องทนๆ ความลำบาก
เพียงเพื่อให้ได้ผลผลิตอันขาดทุนไปขายให้นายทุน อ้วนๆ ที่นั่งเฝ้าตาชั่ง ในราคาขายขาดทุน (ทุนเรา)

คนหนุ่มสาวเยอะนะ บ้านเราสมัยนี้
เรียนจบบ้าง ไม่จบบ้าง ก็หนีหายจากอีสาน เข้าทำงานเมืองกรุง ตามนิคมอุตสหกรรมกันหมด
เข้าใจนะว่าสบายกว่าบ้านนอก งานสบาย เงินก็มีใช้ อาหารอร่อย ก็ดนตรีไพเราะกว่า

ฤดูกลับบ้าน ก็กลับบ้านบ้าง ปีล่ะสองครั้ง ปีใหม่ กะสงการต์ หรือไม่ก็ไม่กลับเลยยก็มี
แล้วแต่ (ลูกคนไหนถูกสอนมาดีกลับกลับ (แบบว่า รู้สึกสำนึกบุญคุณพ่อแม่ รู้สึกคิดถึงบ้าน อยากกลับไปเจอพ่อแม่)
ส่วนคนที่คิดว่าพ่อแม่ไม่สำคัญ ญาติพี่น้องก็ไม่สนใจ เขาก็ไม่รู้จะกลับไปหาใคร
แบบนี้ก็มี ก็เข้าใจ  ในเมื่อบ้านไม่ใช่ความสุข ก็ถูกแล้วที่เขาไม่อยากกลับ )



คงจะดีนะ ถ้ามีใครซักคน คิดอยากพัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิดตัวเองบ้าง
เพียงแค่จุดเล๊กที่ยินอยู่ หมู่บ้านตัวเอง อำเภอตัวเอง  จังหวัดตัวเอง
ตามกำลังความรู้ที่มี  คนเล๊กละน้อย หมู่บ้านล่ะคน สองคน ช่วยๆกัน สร้างสวรรค์กัน ที่บ้เานนอกนี้แหละ
ไม่วิ่งไม่หา เข้าไปในเมือง ทำให่พ่อแม่ พี่น้องมีความสุขไปด้วยกัน ร่วมกัน
(แทนที่จะไปสุขคนเดียว แล้วส่งแต่เิน กลับบ้าน)

ปตรีก็จบกันเกลื่อนบ้าน เกลื่อนเมือง จบบ้างไม่จบบ้าง ก็มาทำงานใช้หนี้กันตามระเบียบ
หมดไม่หมดบ้าง ก็มีครบครัวใหม่ ทำงานเลี้ยงๆกันไปนะชีวิต
ปโท ต่างประเทศก็มีบ้าง  แต่ก๋ไม่รู้จะทำอะไรบ้าง  นอกจากหาเลี้ยงครอบครัวตัวเองไปเรื่อยๆจนแก่(ก็ต้องดูกันต่อไป)
ใปประกาศกองใหญ่ๆที่ได้มา ติดบ้านดูคนเดียว ผมว่า สุขใจไม่เท่า ติดใว้ให้บ้านเกิดตัวเองนะ

หลักเข้าใจ ว่า ขีดความรู้ ด้านการศึกษามีจำกัด คนเรามีความรู้แค่ไหน ก็คิด อ่านเขียน กันได้เท่านั้น
สมัยพ่อแม่ ปู่ย่าตายายเรา ก็นะเข้าใจ

แต่สมัยใหม่ ขีดความรู้ ความสามารถก็เท่าๆกัน  ในเมือง ออนเฟส 24 ชั่วโมงได้
บ้านนอก นอนทุ่งนา ก็สามารถทำได้ ที่แพ้ๆในเมือง คงแค่ ไม่รู้จัก ตลาดหลักทรัพย์ เท่านั้นเอง


นี้เพียงเรื่องราวเล็กๆที่อยากพูด
จากคนตัวเล๊ก เสียงเบาๆ ไม่ค่อยมีใครได้ยิน  เพียงเพราะ ตังค์เราน้อย
ขอใช้พื้นที่ ณ ที่นี้ ถามหา ความหมายชีวิต  มีอะไรอีกบ้าง นอกจากการแข่งขัน ไปวันๆ


นอกจากครอบครัวที่คอยหวังพึ่งกำลังจากเรา
ยังมี สังคมบ้านเกิดเรา ปะเทศชาติเรา ต่างก็แอบหวัง พึ่งเจ้ากำลังสติปัญญา ปริญญา จากเราอยู่นะ

กระทิงเริงร่าเต่าเอือมเม่าอ่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่