อยากทราบจริงๆนะครับว่า พยาบาล เภสัชกร ต้องคอยรองรับอารมณ์ของหมอบางคนด้วยหรือครับ

วันนี้ได้พาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และลูกก็ได้นอนโรงพยาบาล เพราะหมอบอกว่าเป็นปอดอักเสบตอเชื้อต้องอยู่โรงพยาบาลเพื่อให้ยาฆ่าเชื้อและพ่นยา แต่ว่าเรื่องของเรื่องไม่ได้อยู่ที่ลูกผมหรอกครับ แต่อยู่ที่เตียงข้างๆผมนี่เองครับ ผมจำได้ว่าวันนั้นประมาณ 14.30 น แพทย์หญิงคนหนึ่งมาดูคนไข้ของตนเอง และพอมาถึงเตียงดังกล่าว ก็ได้ถามพยาบาลเกี่ยวกับนมที่ให้เด็กกิน เป็นนมไอโซมิว อะไรสักอยย่างนิแหร่ะครับสำหรับเด็ก 1 ปีขึ้นไป แต่ปรากฎว่านมของเด็กคนนั้นที่ใช้ดื่ม ไม่เป็นตามคำสั่งของหมอเพราะเป็นนมที่เขียนว่านมสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป หมอก็เกิดอาการอารมณ์เสียใส่พยาบาล เสียงดังทั่วตึก ผมได้ยินแล้วรู้สึกสงสารพยาบาลคนนั้นมาก โดยข้อความพอคร่าวๆเท่าที่ผมจำได้คือ ..พยาบาลนี่พึ่งพาไม่ได้เลย กะอิแค่นมก็ก็ต้องมาคอยจิกคอยย้ำ สมองมีอยู่แค่นี้หรอ โง่จริงอะไรจริง เภสัชที่จัดมาก็โง่ เอาส่วนไหนคิด กว่าจะเรียนเภสัชจบได้นิก็ต้องพอควรนะ โอ้ยๆ อารมณ์เสีย และอื่นๆอีกมากมายผมจำไม่ได้ แต่เป็นคำที่เจ็บแปรบๆ เลยทีเดียว แต่พยาบาลก็อธิบายครับแต่หมอไม่ยอมฟังเลย หลังจากนั้นหมอก็อารมณ์เสียทุกเตียงที่มาดูอาการ  หลังจากที่หมอไปแล้ว พยาบาลคนเดิมก็เดินมาหาแม่ของเด็กแล้วแนะนำให้ไปซื้อนมที่หมอบอก ซึ่งหลังจากนั้นผมจึงถามญาติว่าเกิดอะไรขึ้น ญาติจึงบอกว่า นมที่เอามาให้มันก็ใช่ได้อยุ่เพราะเภสัชมาดูแล้ว แต่ต้องให้เด็กข้าวหรืออาหารเสริมด้วยไม่ใช่นมอย่างเดียวพยาบาลก็แนะนำอย่างนั้นเนื่องจากนมที่หมอต้องการหมดโรงพยาบาล จะได้อีกทีต้องเป็นวันจันทร์ (วันนั้นวันเสาร์ผมก็ไม่รุ้ว่าโรงพยาบาลเขาทำงานกันยังไงนะครับ)แต่หมอไม่ยอมบอกให้พยาบาลทำไงก็ได้ให้เด็กได้นม พยาบาลจึงให้แม่ของเด็กไปซื้อนมมาไว้ก่อนเพื่อสำรองใช้ก่อน  กระป๋องเล็กกระป๋องหนึ่งก็ 400บาทเลยนะครับ แพงมาก แต่ก็น่าเห็นใจเภสัชกับพยาบาลนะครับ  แต่สำหรับคุณหมอที่ดูแลลูกของผมใจดีมากครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่