การที่ทางการสหรัฐ ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง มาแสดงบทบาท ต่อการเมืองไทยที่ผ่านมา สร้างความอึดอัดต่อความรู้สึกของคนไทยบางส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราลองมานั่งวิเคราะห์กันดูซิ ว่า สหรัฐอเมริกา มหาอำนาจเบอร์หนึ่งของโลก กำลังคิดอะไรมองอย่างไร และต้องการอะไร ?
คงเป็นไปไม่ได้ ที่เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูง ที่รัฐบาลสหรัฐส่งมา จะทำอะไรโดยมิได้วางแผนมาเป็นอย่างดี และเขาเองย่อมรู้ดีว่า เมื่อทำอย่างนั้น ผลจะออกมาอย่างไร จะเกิดการต่อต้านมั้ย นั่นเขาย่อมรู้ดี
และเมื่อมีแรงสะท้อนตีกลับมีการต่อต้าน เขาเองก็ย่อมรับรู้ได้โดยทันที เพียงแต่ว่าเขาเองก็รู้ว่านั่นมันก็เพียงแค่คนส่วนน้อย ที่มีอคติอยู่ในใจ ที่ต้องการให้นักการเมืองที่ตนเกลียกชัง ถูกกระทำ แม้ว่าในสายตาคนทั้งโลกจะมองว่า มันคือการกลั่นแกล้งก็ตาม เหตุที่เขาเข้ามาแสดงนั้น เชื่อว่า เขาไม่ได้มีความเกรงกลัวแรงต้านจากฝั่งเราแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะจากประชาชนบางส่วนหรือแม้แต่จากรัฐบาล ดังจะเห็นว่า เขาเข้าหาลือกับทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในอดีต แต่กับรัฐบาลปัจจุบัน เขาเพียงแค่คุยกับระดับรัฐมนตรีต่างประเทศเท่านั้น ส่วนผู้นำสูงสุด เขาไม่คุยด้วย
ถามว่านี่คือการไม่ให้เกียรติผู้นำของเราหรืออย่างไรนั้น เขาก็อ้างว่า มันคือวิธีปฎิบัติของเขา ที่ว่าจะไม่จับมือกับผู้นำหรือองค์กรใดๆ ที่ไม่ได้มาจากประชาชน นั่นหมายถึงองค์รอิสระหรือ สมาชิกในสภาที่แต่งกันขึ้นมาด้วยคนกลุ่มเดียว มิได้มาจากประชาชน อันนี้เขาถือมาก เขาถือว่า พวกคุณ มิได้รับมอบหมายจากประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง
แล้วเขาต้องการอะไร? ถ้าดูจากวิธีปฎิบัติของเขาแล้ว เขาก็ทำอย่างเปิดเผย อธิบายได้ เชื่อได้ว่า เขาทำด้วยความบของบริสุทธิ์ใจและอยากให้ประเทศของเรา เข้าสู่ความสงบเรียบร้อย และกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์โดยเร็ว
สิ่งหนึ่งที่เขาห่วงใยเป็นอย่างยิ่งก็คือ การปฎิบัติต่อนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่สมเหตุสมผล การถอดถอนซ้ำถอดถอนซ้อน เพื่อหวังผลทำลายไม่ให้นักการเมืองผู้นั้นสามารถกลับมาสู่ถนนการเมืองได้ มันดูเหมือนเป็นการกลั่นแกล้ง แม้ว่าทุกฝ่ายจะพยายามออกมาพูดว่าไม่ใช่ เราทำไปตามกฎหมาย แต่นั่นแค่นั้นมันไม่พอ เมื่อเทียบกับการกระทำ เหมือนเห็นคนกลุ่มหนึ่งรุมกระทืบคนๆหนึ่งก็เห็นกันทั้งโลก แต่พอถาม ตอบหน้าตาเฉยว่า ไม่ ไม่ได้ทำ ?
การใช้กฎหมายเพื่อกดคนกลุ่มหนึ่งเพื่อไม่ให้โงหัว ไม่มีสิทธิเสรีภาพ อย่างนี้ฝรั่งชาติตะวันตก หัวหน้าฝ่ายประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกาคงยอมไม่ได้ ในฐานะเป็นพี่เบิ้มใหญ่ค่ายประชาธิปไตย คิดว่าเขาคงไม่ยอม และนี่พอจะสรุปได้ว่า เขาจะเพิ่มแรงกดดันมากขึ้น โดยไม่สนใจว่า ทางสยามจะคิดอย่างไร แสนยานุภาพของเขายิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะดื้อรั้นได้ง่ายๆ เพียงแค่เขาใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า คว่ำบาตร แค่นั้น ประเทศทั้งประเทศ ก็อาจจะประสบกับวิกฤตทางเศรษฐกิจ จนล้มไม่เป็นท่า เชื่อเถอะว่า อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงเลย เจียมตัวเองบ้างเถอะ เราอาจจะเก่งเฉพาะในหมู่คนของเราเองเบ่งได้เบ่งไป แต่เมื่อเทียบกับเขา เรามันก็เพียงแค่ลูกเจี๊ยบน้อยๆที่ออกจากเปลือกไข่ได้ไม่กี่วินาที มีหรือจะไปงัดกับเบอร์หนึ่งของโลก ให้เขารัก ให้เขาเกรงใจ ให้เขาสนับสนุน ดีกว่าไปทำให้เขาหมั่นไส้ กลายเป็นเด็กเกเร ในสายตาเขาเลย มันไม่คุ้มจริงๆ
สหรัฐอเมริกาพี่ใหญ่ค่ายประชาธิปไตยคิดอะไรมองอย่างไรและต้องการอะไร ?
คงเป็นไปไม่ได้ ที่เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูง ที่รัฐบาลสหรัฐส่งมา จะทำอะไรโดยมิได้วางแผนมาเป็นอย่างดี และเขาเองย่อมรู้ดีว่า เมื่อทำอย่างนั้น ผลจะออกมาอย่างไร จะเกิดการต่อต้านมั้ย นั่นเขาย่อมรู้ดี
และเมื่อมีแรงสะท้อนตีกลับมีการต่อต้าน เขาเองก็ย่อมรับรู้ได้โดยทันที เพียงแต่ว่าเขาเองก็รู้ว่านั่นมันก็เพียงแค่คนส่วนน้อย ที่มีอคติอยู่ในใจ ที่ต้องการให้นักการเมืองที่ตนเกลียกชัง ถูกกระทำ แม้ว่าในสายตาคนทั้งโลกจะมองว่า มันคือการกลั่นแกล้งก็ตาม เหตุที่เขาเข้ามาแสดงนั้น เชื่อว่า เขาไม่ได้มีความเกรงกลัวแรงต้านจากฝั่งเราแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะจากประชาชนบางส่วนหรือแม้แต่จากรัฐบาล ดังจะเห็นว่า เขาเข้าหาลือกับทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในอดีต แต่กับรัฐบาลปัจจุบัน เขาเพียงแค่คุยกับระดับรัฐมนตรีต่างประเทศเท่านั้น ส่วนผู้นำสูงสุด เขาไม่คุยด้วย
ถามว่านี่คือการไม่ให้เกียรติผู้นำของเราหรืออย่างไรนั้น เขาก็อ้างว่า มันคือวิธีปฎิบัติของเขา ที่ว่าจะไม่จับมือกับผู้นำหรือองค์กรใดๆ ที่ไม่ได้มาจากประชาชน นั่นหมายถึงองค์รอิสระหรือ สมาชิกในสภาที่แต่งกันขึ้นมาด้วยคนกลุ่มเดียว มิได้มาจากประชาชน อันนี้เขาถือมาก เขาถือว่า พวกคุณ มิได้รับมอบหมายจากประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง
แล้วเขาต้องการอะไร? ถ้าดูจากวิธีปฎิบัติของเขาแล้ว เขาก็ทำอย่างเปิดเผย อธิบายได้ เชื่อได้ว่า เขาทำด้วยความบของบริสุทธิ์ใจและอยากให้ประเทศของเรา เข้าสู่ความสงบเรียบร้อย และกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์โดยเร็ว
สิ่งหนึ่งที่เขาห่วงใยเป็นอย่างยิ่งก็คือ การปฎิบัติต่อนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่สมเหตุสมผล การถอดถอนซ้ำถอดถอนซ้อน เพื่อหวังผลทำลายไม่ให้นักการเมืองผู้นั้นสามารถกลับมาสู่ถนนการเมืองได้ มันดูเหมือนเป็นการกลั่นแกล้ง แม้ว่าทุกฝ่ายจะพยายามออกมาพูดว่าไม่ใช่ เราทำไปตามกฎหมาย แต่นั่นแค่นั้นมันไม่พอ เมื่อเทียบกับการกระทำ เหมือนเห็นคนกลุ่มหนึ่งรุมกระทืบคนๆหนึ่งก็เห็นกันทั้งโลก แต่พอถาม ตอบหน้าตาเฉยว่า ไม่ ไม่ได้ทำ ?
การใช้กฎหมายเพื่อกดคนกลุ่มหนึ่งเพื่อไม่ให้โงหัว ไม่มีสิทธิเสรีภาพ อย่างนี้ฝรั่งชาติตะวันตก หัวหน้าฝ่ายประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกาคงยอมไม่ได้ ในฐานะเป็นพี่เบิ้มใหญ่ค่ายประชาธิปไตย คิดว่าเขาคงไม่ยอม และนี่พอจะสรุปได้ว่า เขาจะเพิ่มแรงกดดันมากขึ้น โดยไม่สนใจว่า ทางสยามจะคิดอย่างไร แสนยานุภาพของเขายิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะดื้อรั้นได้ง่ายๆ เพียงแค่เขาใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า คว่ำบาตร แค่นั้น ประเทศทั้งประเทศ ก็อาจจะประสบกับวิกฤตทางเศรษฐกิจ จนล้มไม่เป็นท่า เชื่อเถอะว่า อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงเลย เจียมตัวเองบ้างเถอะ เราอาจจะเก่งเฉพาะในหมู่คนของเราเองเบ่งได้เบ่งไป แต่เมื่อเทียบกับเขา เรามันก็เพียงแค่ลูกเจี๊ยบน้อยๆที่ออกจากเปลือกไข่ได้ไม่กี่วินาที มีหรือจะไปงัดกับเบอร์หนึ่งของโลก ให้เขารัก ให้เขาเกรงใจ ให้เขาสนับสนุน ดีกว่าไปทำให้เขาหมั่นไส้ กลายเป็นเด็กเกเร ในสายตาเขาเลย มันไม่คุ้มจริงๆ