ตามประสบการณ์ที่เคยพบเจอ คลุกคลีหรือรับรู้มา พบเจอพวกทีไ่ด้เงินเดือนเกิน 100k เยอะ หากมาลองวิเคาะห์ดูจะเข้าองค์ประกอบต่อไปนี้ผสมผสานกัน อาจข้ึนอยู่กับปัจจัยปลีกย่อยอื่นๆ บ้าง วิธีการหาบริษัทแนวนี้ ลองพิจารณาดูแล้วกัน ถ้าเมืองไทยคนส่วนใหญ่คิดว่า พวกองค์กรดังๆ เช่น ปตท scg อะไรเหล่านี้ คิดว่าเป็น 10-20 อันดับของเมืองไทย คนทำงานเก่งๆ ได้เงินผลตอบแทนระดับเทพแล้ว ในความเป็นจริงยังมีพวกได้เงินผลตอบแทนระดับมหาเทพ มากกว่าองค์กรดังๆ เหล่านั้นอยู่อีกเยอะแยะในองค์กรที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ บางแห่งหลายคนอาจตกใจ แต่ไม่ขอแชร์ในที่นี้

บางแห่งคุณจะได้รู้จักพวก engineer หรือสายงานที่ยังไม่ถึง mgr เงินเดือนเกินแสนมีเยอะแยะ
คุณอยากได้เงินเดือนระดับนั้น ต้องมีหลักการมีเป้าหมายที่ specific ลองดูตามที่ผมพบเจอมาและนำมาวิเคราะห์ แต่อาจเรียบเรียงไม่ค่อยเก่ง ให้ตัวอย่างไว้เป็นแนวคิดในการค้นหาองค์กรที่ตอบความต้องการของคุณได้

มาร์จินของ product
บริษัทหนึ่งผลิตสินค้า 1 ล้านชิ้นต่อเดือน พนักงานรวม 1000 คน ยอดขาย 200 ล้านต่อเดือน มาร์จินสินค้า 10%
(เช่นธุรกิจบริการ สินค้า consumer ฯลฯ) พนักงานเงินเดือนหลักแสนจะมีสักกี่คน
กับอีกบริษัทผลิตสินค้า 100,000 ชิ้นต่อเดือน พนักงาน 300 คน ยอดขายคิดเป็น 1,000 ล้านต่อเดือน มาร์จินกำไร 40%   กับพนักงานแค่ 300 คน เขาก็จ่ายให้ระดับ keyman หลัก 100k, 200k หรือ หรือมากกว่าได้สบาย หลายคนก็ไม่มีปัญหา
(เช่นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น)
ไม่ใช่ตัวอย่างลอยๆ แต่มีอยู่หลายแห่ง บริษัทอิเล็กทรอนิกส์บางแห่งเป็น supplier ให้แบรนด์ IT ดังๆ เช่นไอโฟน ผลิตชิ้นส่วนประเภทเดียวหรือสองประเภทก็อู้ฟู่แล้ว พวกแบรนด์ดังๆ เขาไม่ใช้ supplier หลายรายมากสำหรับแต่ละชิ้นส่วน
บางแห่งเป็นบริษัทยิ่งใหญ่ระดับโลกแต่ธุรกิจให้มาร์จินต่ำ แล้วเขาจะให้ได้เงินเดือนระดับเกินแสนได้ง่ายๆ มั้ยละ
ตัวอย่างเช่น บริษัทผลิตกล่องกระดาษบางแห่งผลิตสินค้าออกมาเดือนหนึ่ง ทำผลกำไรเท่ากับบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ผลิตออกมาแค่วันเดียวก็มีในระดับใช้พนักงานใกล้กันหรือมากกว่า

สัญชาติบริษัท
คุณเรียนเมืองนอกมาน่าจะพอเข้าใจความแตกต่างวัฒนธรรมองค์กร สัญชาติเอเชียรวมทั้งไทยจะแนวอนุรักษ์นิยมหรือ seniority โอกาสจะโตก้าวกระโดดข้ามหน้าข้ามตาข้ามรุ่นคงยาก
สัญชาติยุโรปส่วนมาก็แนวอนุรักษ์นิยมคล้ายเอเชีย ถึงจะไม่ถือ seniority มากนักแต่ก็มีแบบแผนชัดเจนมีเพดานผลตอบแทน การปรับเงินเดือนชัดเจน จะปรับก้าวกระโดดภายในแบบเกิน 10-20% คงยาก นอกจากไปเปลี่ยนงานใหม่อัพเงิน
สัญชาติอเมริกัน แนวเสรีนิยม จ่ายเต็มที่กับคนเก่ง ดึงดูดคนให้ benefit ได้มากมาย การปรับเงินก้าวกระโดดเป็นเรื่องธรรมดาอาจจะ 50% หรือไป 100% ยังมี สำหรับปรับภายในนะ อย่างผลงานดี outstanding
Facebook, Microsoft, IG, Intel, IBM, Apple ทำไมบริษัทเหล่านี้ยิ่งใหญ่คับโลกได้ โดยพื้นฐานวัฒนธรรมก็เป็นส่วนหนึ่งแบบเสรีนิยม คนเก่งแสดงผลงานได้เต็มที่ บริษัทก็ pay เต็มที่เหมือนกัน จึงเป็นแหล่งดึงดูดคนเก่ง แข่งขันกัน
Nokia, Siemen ,Ericson, Alcatel,Philip เทียบกลุ่มมือถือนะ ทำไมแบรนด์ยุโรปมีแต่ล้มหายตายจากละ ลองคิดดู ทำไมโซนโรปคิดค้นพวก social network, software,computer system ไม่ได้หรือถ้ามีก็ไม่เปรี้ยงปร้างสะท้านโลกแบบของ US


อันดับใน Fortune 500 list
บริษัทอันดับสูงๆ ยิ่งมีแนวโน้มจ่ายได้สูง บางแห่งทำธุรกิจในเมืองไทยโดยตรง พนักงานเยอะแยะ แต่บริษัทบางแห่งเมืองไทยไม่ใช่ strategy ของผลิตภัณฑ์เขาก็ได้ แต่อาจมี supplier ผลิตชิ้นส่วนหรือตัว product ให้เขา อยู่ ก็จำเป็นต้องมีคนคอยกำกับดูแล  supplier บริษัทระดับโลกบางแห่งอาจมีพนักงานในไทยคนเดียวหรือ 2-3 คน หรือ 10-20 คน เขาก็จะจ่ายหลักแสนอัพได้สบาย
อย่างพวก oracle, cisco ก็มีคนของเขาคุมพวก supplier ผลิตให้อยู่เมืองไทยเยอะแยะ เงินเดือนแบบมนุษย์ทองคำของจริง
บริษัทพวก MNC เขามีหลายหน่วยงานไม่ขึ้นตรงกันก็มีเยอะ สายหนึ่งอาจขึ้นตรง regional ในเอเชีย สายหนึ่งเปิดโรงงานขึ้นตรงกับ HQ ที่ตปท เป็นต้น

สเกลขององค์กรในเมืองไทย
บริษัทพวก MNC ระดับใกล้เคียงกัน (ตัวอย่างเช่นเทียบจาก fortune list) บริษัทหนึ่งมีธุรกิจที่ใช้พนักงานหลักพัน หลายพันคน อีกบริษัทหนึ่งมีแค่ 200-300 คน ลองคิดดูบริษัทหลักพันคนจะกล้าให้มีพวกเงินเดือนเกินแสนเยอะมั้ย แต่บริษัทหลัก 200-300 คน ที่ได้หลักเกินแสนจะมีหลายคน เขาจ่ายได้อยู่แล้ว
บางแห่งมีสำนักงาน regional ในเมืองไทยคุม SEA, หรือ ASIA หากคุณเข้าหน่วยธุรกิจขององค์กรเหล่านี้ได้ เงินเดือนหลักแสนอัพมันก็ไม่ยาก

ตลาดผลิตภัณฑ์
บริษัทหนึ่งทำตลาดในเมืองไทยอย่างเดียว อีกแห่งทำตลาดทั้ง SEA โดยเมืองไทยเป็น regional hub บริษัทไหนละจะจ่ายหลักแสนขึ้นได้สบายๆ เช่นพวกกลุ่ม consumer

สาขาของงาน
ถ้ายังตีกรอบตัวเองไว้ว่าจบด้านนี้ ประสบการณ์ด้านนี้ต้องหางานด้านนี้อย่างเดียว คงใช้เวลาค้นหาหรือประสบผลสำเร็จนานหน่อย โดยหลักแล้วเมื่อเราทำงานอุตสาหกรรมหนึ่ง ตัวอย่างเช่นภายในอุตสาหกรรมหนึ่งมีการ rotate งานกันได้ หากไปถึงระดับบริหารแล้ว สายผลิตไปทำ QA ไปทำซ่อมบำรุงหรือการตลาดยังได้ อยู่ที่มุมมองการการบริหารคน ขับเคลื่อน strategy แผนก คุณต้องหาสมการหรือหลักการที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกัน หากคุณจะเติบโตไปสายบริหารต้องหาตรงนี้ออกมา เช่น A=B+C แล้วคุณก็จะบริหารทุกแผนกได้หรือข้ามสายงาน ข้ามอุตสาหกรรมได้ หากไม่แล้วยิ่งทำงานไปก็คงเป็นได้แนว specialist ผู้บริหารบริษัทชั้นนำยังมีข้าม SBU ไปบริหารกันเองได้ จาก SBU ของเคมี ไปบริหาร SBU อิเล็คทรอนิกส์