ทริปปั่นจักรยานนี้เกิดขึ้นเพราะ 3 สิ่งครับ
คือ 1. ได้ยินชื่อเสียงความสวยคลาสสิคเส้นทางสะเมิงมาเลยตั้งใจว่าจะต้องไปปั่นให้ได้สักครั้ง
2. อยากจะหาที่ซ้อมขึ้นดอยอินทนนท์ (มีคนถามว่าทำไมไม่ไปลองขึ้นก่อนเลย อยากเก็บความตื่นเต้นไว้เจอครั้งแรกวันจริงเลยครับ)
3. เจอตั๋วเครื่องบินราคาถูกพอดี และไม่ต้องจองนานครึ่งค่อนปี
ว่าแล้วก็จัดแจงซื้อกระเป๋าจักรยานแบบถอดล้อหน้าล้อเดียว เลือกอยู่ระหว่างยี่ห้อดัง กับยี่ห้อใหม่ สุดท้ายเลือกอย่างหลังเพราะถูกกว่า และได้สีส้ม
ตอนแรกก็หวั่นๆใจว่ารถจะเป้นอะไรมั๊ย เพราะน้องที่รู้จักกันเคยเอาเสือภูเขา Trek 3900 ใส่กระเป๋าแบบถอดสองล้อ
ขึ้นเครื่องสายการบินเดียวกันนี้ไปเชียงรายปรากฏว่าตีนผีเบี้ยว เฟรมมีรอย
ก็ลังเลว่าจะใช้บริการแบบจูงทั้งคันเป็นสิ่งของดูแลพิเศษเสียตังค์เพิ่ม 200บาท ต่อเที่ยวดีมั๊ย แต่ด้วยความงกกลัวบวกแล้วตั๋วถูกจะกลายเป็นตัวแพงเลยเอาแบบใส่ถุง แต่ก็มีการหาโฟมมาหุ้มเฟรมนิดหน่อย และทำโฟมเป็นแท่งค้ำถุงสองข้างบริเวณใกล้ตีนผี เผื่อไว้ด้วย
ไปถึงดอนเมืองเพื่อบินไฟลท์แรก6โมง ตอนเช็คอินบอกพนักงานว่าเป็นรถจักกรยาน น้องเค้าก็ทำเอกสารเพิ่มเติม และก็เรียกให้เจ้าหน้าที่อีกคนมายกไป ไม่ได้ให้ไหลไปตามสายพานปกติ แลดูใส่ใจดีเริ่มรู้สึกใจชื้นขึ้น
จากนั้นคนก็แยกไปขึ้นเครื่องรอลุ้นตอนไปถึง....เมื่อถึงเชียงใหม่ 7โมง
กระเป๋าส้มๆไหลมาจากสายพานเป็นใบแรกถึงพร้อมๆกับคนที่เดินมาจากเกทรีบวิ่งไปรับ
แล้วเปิดดูด้วยใจระทึก แอ่นแอ้น...
จัดแจงเอาออกมาประกอบ ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีริ้วรอย และบุบสลายหรือบิดเบี้ยวแต่ประการใด
แต่ก็ต้องเหนื่อยตอนเติมลมเพราะต้องปล่อยออกตอนขึ้นเครื่อง ดีที่เอา CO2 มากดไปปืดเย็นเจี๊ยบ
จากนั้นก็โทรหาร้านรับฝากของ (ค้นจาก google) ได้ที่นึงห่างจากสนามบินประมาณ 1กม. ราคารับฝาก 50บาท แต่ผมขออาบน้ำตอนขากลับด้วยเลยให้เค้า 100 บาท
จากนั้นก็ออกเดินทาง
ไปเส้นสนาม 700ปี แม่ริม ช่วงแรกยังชิวๆ จนกระทั่งเลยแยกปานวิมานมาสักพัก หนังชีวิตก็เริ่มขึ้น ขึ้น ขึ้น และโค้งขึ้น
แต่ก็มีวิวสวยๆให้ฟอร์มแวะถ่ายรูปพักเหนื่อยได้บ้าง แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดน้ำผมหมด แทบแย่เลยครับ คราวหน้าต้องเติมอีกรอบแถวๆโป่งแยง
และในที่สุดก็มาถึงจนได้ที่หมายของเรา สะเมิง
จากจุดชมวิวก็ไหลยาวเสพสุขรางวัลจากขุนเขาให้เต็มที่ลงไปจนถึงสามแยก สะเมิง-หางดง
ผมไหลลงต่อไปทางสะเมิง (คิดได้ทีหลังไม่น่าลงมาเลย ลำบากต้องไต่ขึ้นอีก)
เข้าไปสถานีเกษตรปางดะ และชมไร่สตอเบอร์รี่ และหาน้ำกิน-เติมน้ำ
จากนั้นก็ใช้กรรม ไต่และเข็นขึ้นมุ่งหน้าไปหางดง หมดแรงมากครับเวลาตอนนั้นประมาณเที่ยงกว่าจากเริ่มปั่นหลังจากข้าวมื้อเช้าตอน 9โมง
มีกล้วยตากช่วยได้บ้าง จนเจอร้าน รักสะเมิง ผมก็จัดมื้อกลางวันที่นี่ นั่งพักชมวิวกันไปมีนักปั่นผ่านไปสองคน ก็โบกไม้โบกมือทักทายกันไป
จากนั้นก็ขึ้นอีกนิดและไหลลงยาวๆๆ แบบฟินมาก หารู้ไม่นรกกำลังรออยู่ และแล้วก็เจอของจริง "เจ็ดพับ ในตำนาน" มันพับขึ้น พับขึ้น
จนผมผมนึกในใจ มันจะพับขึ้นไปหาสวรรค์ วิมานอะไรกันนักหนา หมดแบบสุดๆครับ ได้ยินเสียงรถลากเกียร์มาข้างหลังนี่อยากจะโบกขอไปด้วยเหลือเกิน
เงยหน้ามองถนนข้างหน้าทีไรก็ท้อใจทุกที ยิ่งหูได้ยินเสียงเครื่องรถยนต์ที่ผ่านไปยังลากเกียร์ขึ้นต่อทั้งที่ลับตาไปแล้วยิ่งท้อ
จนกระทั่งเจอ ตัวหนังสือ KOM ที่ถนน "กรูรอดแล้ว" อารมณ์ตอนนั้นประมาณนี้จริงๆ
จากนั้นก็ไหลลงยาว และเข่าซ้ายก็เริ่มเจ็บ แต่ทางก็ไม่โหดอะไรแล้วจนเข้ามาถึง หางดง - เมืองเชียงใหม่ ถึงเชียงใหม่บ่ายสามครึ่ง
ใช้เวลาทั้งปั่นทั้งพัก 6ชั่วโมงครึ่ง แล้วมาปั่นเตร็ดเตร่ในเมืองอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะเหลือเวลาอีกบาน จะขึ้นดอยสุเทพต่อก็ไม่ไหวเพราะ
เจ็บเข่าแล้ว
ห้าโมงเย็นก็เข้าไปร้านฝากกระเป๋า อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ปั่นจักรยานต่อไปสนามบิน แพ็ครถ ปล่อยลมยาง เช็คอิน ขึ้นเครื่องกลับ
ที่เชียงใหม่พนักงานสายการบินก็แยกยกจักรยานไปขึ้นเครื่องเหมือนเดิม ถึงดอนเมืองรับกระเป๋ารีบเปิดดูความเรียบร้อยก็ไม่พบความเสียหายใดๆ
สรุปว่า น้องนกมีการปรับปรุงการให้บริการสำหรับนักปั่นดีขึ้นมาก หวังว่าคงจะมีประโยชน์สำหรับน้าๆที่คิดจะเอาจักรยานไปปั่นตามความฝันนะครับ
เดี่ยวงานอินทนนท์ ผมจองตั๋วเจ้าสิงห์โตไว้ แล้วจะมาบอกผลนะครับว่าจะเอาใจนักปั่นได้ดีเหมือนน้องนกมั๊ย ส่วนหางแดงเค้าคิดค่าสัมภาระเพิ่ม ผมเลยยังไม่ได้มองครับ
ขอบคุณครับ
[CR] รีวิว เอาจักรยานขึ้นเครื่องบินไปปั่นเชียงใหม่
คือ 1. ได้ยินชื่อเสียงความสวยคลาสสิคเส้นทางสะเมิงมาเลยตั้งใจว่าจะต้องไปปั่นให้ได้สักครั้ง
2. อยากจะหาที่ซ้อมขึ้นดอยอินทนนท์ (มีคนถามว่าทำไมไม่ไปลองขึ้นก่อนเลย อยากเก็บความตื่นเต้นไว้เจอครั้งแรกวันจริงเลยครับ)
3. เจอตั๋วเครื่องบินราคาถูกพอดี และไม่ต้องจองนานครึ่งค่อนปี
ว่าแล้วก็จัดแจงซื้อกระเป๋าจักรยานแบบถอดล้อหน้าล้อเดียว เลือกอยู่ระหว่างยี่ห้อดัง กับยี่ห้อใหม่ สุดท้ายเลือกอย่างหลังเพราะถูกกว่า และได้สีส้ม
ตอนแรกก็หวั่นๆใจว่ารถจะเป้นอะไรมั๊ย เพราะน้องที่รู้จักกันเคยเอาเสือภูเขา Trek 3900 ใส่กระเป๋าแบบถอดสองล้อ
ขึ้นเครื่องสายการบินเดียวกันนี้ไปเชียงรายปรากฏว่าตีนผีเบี้ยว เฟรมมีรอย
ก็ลังเลว่าจะใช้บริการแบบจูงทั้งคันเป็นสิ่งของดูแลพิเศษเสียตังค์เพิ่ม 200บาท ต่อเที่ยวดีมั๊ย แต่ด้วยความงกกลัวบวกแล้วตั๋วถูกจะกลายเป็นตัวแพงเลยเอาแบบใส่ถุง แต่ก็มีการหาโฟมมาหุ้มเฟรมนิดหน่อย และทำโฟมเป็นแท่งค้ำถุงสองข้างบริเวณใกล้ตีนผี เผื่อไว้ด้วย
ไปถึงดอนเมืองเพื่อบินไฟลท์แรก6โมง ตอนเช็คอินบอกพนักงานว่าเป็นรถจักกรยาน น้องเค้าก็ทำเอกสารเพิ่มเติม และก็เรียกให้เจ้าหน้าที่อีกคนมายกไป ไม่ได้ให้ไหลไปตามสายพานปกติ แลดูใส่ใจดีเริ่มรู้สึกใจชื้นขึ้น
จากนั้นคนก็แยกไปขึ้นเครื่องรอลุ้นตอนไปถึง....เมื่อถึงเชียงใหม่ 7โมง
กระเป๋าส้มๆไหลมาจากสายพานเป็นใบแรกถึงพร้อมๆกับคนที่เดินมาจากเกทรีบวิ่งไปรับ
แล้วเปิดดูด้วยใจระทึก แอ่นแอ้น...
จัดแจงเอาออกมาประกอบ ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีริ้วรอย และบุบสลายหรือบิดเบี้ยวแต่ประการใด
แต่ก็ต้องเหนื่อยตอนเติมลมเพราะต้องปล่อยออกตอนขึ้นเครื่อง ดีที่เอา CO2 มากดไปปืดเย็นเจี๊ยบ
จากนั้นก็โทรหาร้านรับฝากของ (ค้นจาก google) ได้ที่นึงห่างจากสนามบินประมาณ 1กม. ราคารับฝาก 50บาท แต่ผมขออาบน้ำตอนขากลับด้วยเลยให้เค้า 100 บาท
จากนั้นก็ออกเดินทาง
ไปเส้นสนาม 700ปี แม่ริม ช่วงแรกยังชิวๆ จนกระทั่งเลยแยกปานวิมานมาสักพัก หนังชีวิตก็เริ่มขึ้น ขึ้น ขึ้น และโค้งขึ้น
แต่ก็มีวิวสวยๆให้ฟอร์มแวะถ่ายรูปพักเหนื่อยได้บ้าง แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดน้ำผมหมด แทบแย่เลยครับ คราวหน้าต้องเติมอีกรอบแถวๆโป่งแยง
และในที่สุดก็มาถึงจนได้ที่หมายของเรา สะเมิง
จากจุดชมวิวก็ไหลยาวเสพสุขรางวัลจากขุนเขาให้เต็มที่ลงไปจนถึงสามแยก สะเมิง-หางดง
ผมไหลลงต่อไปทางสะเมิง (คิดได้ทีหลังไม่น่าลงมาเลย ลำบากต้องไต่ขึ้นอีก)
เข้าไปสถานีเกษตรปางดะ และชมไร่สตอเบอร์รี่ และหาน้ำกิน-เติมน้ำ
จากนั้นก็ใช้กรรม ไต่และเข็นขึ้นมุ่งหน้าไปหางดง หมดแรงมากครับเวลาตอนนั้นประมาณเที่ยงกว่าจากเริ่มปั่นหลังจากข้าวมื้อเช้าตอน 9โมง
มีกล้วยตากช่วยได้บ้าง จนเจอร้าน รักสะเมิง ผมก็จัดมื้อกลางวันที่นี่ นั่งพักชมวิวกันไปมีนักปั่นผ่านไปสองคน ก็โบกไม้โบกมือทักทายกันไป
จากนั้นก็ขึ้นอีกนิดและไหลลงยาวๆๆ แบบฟินมาก หารู้ไม่นรกกำลังรออยู่ และแล้วก็เจอของจริง "เจ็ดพับ ในตำนาน" มันพับขึ้น พับขึ้น
จนผมผมนึกในใจ มันจะพับขึ้นไปหาสวรรค์ วิมานอะไรกันนักหนา หมดแบบสุดๆครับ ได้ยินเสียงรถลากเกียร์มาข้างหลังนี่อยากจะโบกขอไปด้วยเหลือเกิน
เงยหน้ามองถนนข้างหน้าทีไรก็ท้อใจทุกที ยิ่งหูได้ยินเสียงเครื่องรถยนต์ที่ผ่านไปยังลากเกียร์ขึ้นต่อทั้งที่ลับตาไปแล้วยิ่งท้อ
จนกระทั่งเจอ ตัวหนังสือ KOM ที่ถนน "กรูรอดแล้ว" อารมณ์ตอนนั้นประมาณนี้จริงๆ
จากนั้นก็ไหลลงยาว และเข่าซ้ายก็เริ่มเจ็บ แต่ทางก็ไม่โหดอะไรแล้วจนเข้ามาถึง หางดง - เมืองเชียงใหม่ ถึงเชียงใหม่บ่ายสามครึ่ง
ใช้เวลาทั้งปั่นทั้งพัก 6ชั่วโมงครึ่ง แล้วมาปั่นเตร็ดเตร่ในเมืองอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะเหลือเวลาอีกบาน จะขึ้นดอยสุเทพต่อก็ไม่ไหวเพราะ
เจ็บเข่าแล้ว
ห้าโมงเย็นก็เข้าไปร้านฝากกระเป๋า อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ปั่นจักรยานต่อไปสนามบิน แพ็ครถ ปล่อยลมยาง เช็คอิน ขึ้นเครื่องกลับ
ที่เชียงใหม่พนักงานสายการบินก็แยกยกจักรยานไปขึ้นเครื่องเหมือนเดิม ถึงดอนเมืองรับกระเป๋ารีบเปิดดูความเรียบร้อยก็ไม่พบความเสียหายใดๆ
สรุปว่า น้องนกมีการปรับปรุงการให้บริการสำหรับนักปั่นดีขึ้นมาก หวังว่าคงจะมีประโยชน์สำหรับน้าๆที่คิดจะเอาจักรยานไปปั่นตามความฝันนะครับ
เดี่ยวงานอินทนนท์ ผมจองตั๋วเจ้าสิงห์โตไว้ แล้วจะมาบอกผลนะครับว่าจะเอาใจนักปั่นได้ดีเหมือนน้องนกมั๊ย ส่วนหางแดงเค้าคิดค่าสัมภาระเพิ่ม ผมเลยยังไม่ได้มองครับ
ขอบคุณครับ