หากมีวันหนึ่งวันไหนเราได้จากโลกนี้ไปอย่างมีข้อกังขา
ยังมีข้อค้างคา
ยังมีสิ่งที่ควรทำ หรือ อยากทำแต่ไม่ได้ทำ
หากชีวิตหลังความตายคือการไม่รับรู้อะไร
มันคงไม่มีประเด็นให้ต้องคิด
แต่ถ้าหากว่าแม้แต่ความตายก็ไม่อาจพราก
ความรู้สึกเหล่านั้นจากดวงวิญญาณได้เล่า
เราจะทำฉันใด ?
หากยังมีสายใดที่จะยึดโยงเราเข้าสู่โลกของคนมีชีวิตได้
เราจะไขว่คว้าเอาไว้หรือไม่ ? แล้วถ้ามันต้องแลกกับชีวิตของคนอื่นด้วยเล่า ?
นี่คือสิ่งที่วิญญาณนามพุธกันยากำลังเผชิญ
กาลครั้งหนึ่งหญิงสาวนามกัลยา หรือ เป็นที่รู้จักกันในนาม"พุธกันยา" ดาวซึ่งดับแสงไปก่อนวัยอันควรด้วยเหตุอันไม่คาดคิด เธอเพียงแค่อยากจะละปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวโดยไม่ได้นึกว่าผลที่เกิดขึ้นจากความไม่ระมัดระวังของเธอจะส่งผลเป็นความตาย เธอไม่ได้อยากตายแต่ก็ต้องมาตายเสีย เธอได้แต่เฝ้ามองดูลูกและสามี ชอกช้ำ เจ็บปวด ในการจากไปของเธอ ความรู้สึกที่ส่งผ่านมาเหล่านั้นกลั่นตัวออกมาจากความรัก ความอาลัย ที่คุณบุรี และ ศวัส สามีและลูกมีให้กับพุธกันยา ในวาระนั้นความรู้สึกดังกล่าวเป็นดุจดังสายใยที่มองไม่เห็นยึดโยงพุธกันยาไว้กับโลกปัจจุบัน
การเวลาผ่านไปการรับรู้รับเห็นความรักความอาลัยที่ส่งผ่านมานั้นทำให้พุธกันยาเปลี่ยนสภาพใยยึดโยงเป็นการก่อร่างสร้างพันธนาการดวงวิญญาณของตัวเองด้วยปรารถนาที่จะได้อยู่ร่วมกันเป็นครอบบ้านครัวเดียวกับสามีและลูกอีกครั้ง อยากจะกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้กลับคืนดีขึ้นมา ทุก ๆ วันมีแต่คำว่า "ถ้า" ถ้าเธอจะให้เวลากับวงการน้อยลง ถ้าเธอจะอยู่กับลูกให้มากกว่านี้ ถ้า ..... มีสิ่งใดดลให้โอกาสเล่านั้นหมุนวนกลับมาตรงหน้าอีกซักหน และแล้ววันเวลาที่เธอคิดว่ามันคงมาไม่ถึงก็มีปาฏิหาริย์หล่นมากองตรงหน้าในตัวของเด็กผู้หญิงธรรมดาอย่างหอมน้ำ
เหมือนกับฟ้าที่เปิดยามฝนซา ... เมื่อหอมน้ำเป็นเด็กใสหัวอ่อนยอมคน เธอจึงขอใช้ร่างหอมน้ำได้อย่างไม่ยากเย็น ชั้นแรกมันคือความต้องการที่จะบอกกล่าวจะแสดงความรักความคิดถึงกับครอบครัว อยากจะบอกว่า "พุธกันยา" อยู่ที่นี่ อยากให้ครอบครัวได้รู้ว่า "ใยรัก" ของบุรีและศวัสนั้นเธอไม่เคยลืมและเธอก็รักพวกเขามากเช่นกัน แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปแค่การบอกกล่าวเช่นว่ามันไม่เพียงพอเสียแล้ว เมื่อเธอได้กลับมาอยู่ในร่างที่มีชีวิต เธอก็ได้พบว่าในความเป็นพุธกันยา เธอยังทำอะไรได้หลายสิ่งในโลกที่เธอสามารถจะมีชีวิตได้ ในร่างนี้เธอจะหวนกลับเข้าสู่วงการบันเทิงได้อีกครั้ง ในร่างนี้เธอสามารถอยู่กับสามีและลูกได้อย่างไม่เก้อเขิน .... เธอจะแสดงให้เห็นเองว่าไม่มีใยอะไรจะแกร่งเท่าใยรักของเธอย่างแน่นอน
หากพุธกันยาก็ไม่เคยคิดเลยว่า .... ในวันเวลาที่เธอได้ตายจากโลกนี้ไป กาลเวลาของเธอถูกแช่แข็งหยุดนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง ลมหายใจเข้าออกติดตรึงอยู่กับความผิดพลาดของตัวเองที่ไม่อาจถ่ายถอน โดยไม่ได้มองไปรอบข้างเลยว่า "ใคร ๆ" เขา move on กันไปหมดแล้ว สายใยรักที่เธอว่าแกร่งเท่าแกร่ง ที่เธอว่าดียิ่งกว่าดี เมื่อเวลาของสองฝ่ายไม่เป็นในทางเดียวกันเช่นนี้ ใยรักยิ่งแกร่งเท่าใด ก็แปรสภาพเป็นใยใจที่หนักหนาสาหัสสำหรับคนรอบข้าง คุณบุรีที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้าก็พบคุณขวัญที่เขาคิดว่าจะเป็นคนที่อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจได้ กับ ศวัสเองเพราะการแทรกแซงของคุณพุธกันยาก้ทำให้เกิดสายใยเสน่หากับเด็กน้อยที่เธอเข้าสิง
เจ็บยิ่งกว่าเจ็บ โศกยิ่งกว่าโศก เธอจึงพยายามดันทุรังต่อไป เธอทุกข์ทนมามาก เมื่อเห็นช่องทางแล้วทำไมเธอจะตักตวงความสุขบ้างไม่ได้ เธอยังภักดียังรักยังเหมือนเดิมทุกอย่างแต่ทำไม สามีและลูกถึงทำกับเธอได้เล่า ? ใยรักของเธอสายใยในครอบครัวสิ้นความหมายจนกลายเป็นเธอที่ถูกพันธการฝ่ายเดียวหรือ ? แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ได้ตระหนักว่า เธอจากโลกของคนที่มีชีวิตมานานเกินไปจนความรู้สึกที่สามีและลูกมีให้ก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แม้นเธอกลับมาก็ไม่ได้อยู่สถานะเดิมอีกต่อไป
สำหรับคนเป็นแล้วหากสถานที่หลังความตายมีจริงนั่นก็คงเป็นหัวใจของคนที่เรารักนั่นเอง แม้ตัวจะตายไปก็คงเหลือไว้ซึ่งความทรงจำอันดีงาม แล้วประโยชน์อะไรที่เธอจำต้องทำให้ภาพจำนั้นเสียหายไปจากสิ่งที่ควรเป็น แม้นตัวเธอเองจะหยุดเวลาเอาไว้นับแต่วันที่ตาย เธอคิดว่าตัวเธอเหมือนเดิม แต่ในสายตาคนอื่นเธอก็กลายเป็นพุธกันยาที่เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน เธอจึงรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นฝืนสัจธรรมข้อหนึ่งของโลกนี้นั้นคือความเปลี่ยนแปลง
ใยแห่งความรักนั้นแกร่งกล้าแต่หาใช่พันธนาการ
ใยใจที่หนักแน่นทนทานก็ไม่ควรเป็นภาระสำหรับใคร
สายใจจากวิญญาณนามพุธกันยาในตอนท้ายจึงเป็นตัวบอกกล่าวเราว่า
ความแข็งแกร่งของสายใยแห่งรักและความแน่นหนักของใยใจนั้น มิได้สื่อความหมาย
ให้เรายึดติดจนกลายเป็นบ่วงมัดใครจนหายใจไม่ออก แต่มันคือการสร้างภาพจำอันดีงาม
ซึ่งจะตราตรึงในหัวใจของผู้อื่นตราบนิรันดร์ต่างหากเล่า จึงจะเป็นสายในที่แน่นเหนียว
อย่างแท้จริง
ป.ล. วันสุดท้ายให้ขุ่นแม่วันนึงเนาะ
ใยกัลยา : พุธกันยา ... ใยใดฤๅจะแกร่งเท่าใยรัก ใยใดฤๅจะหนักเท่าใยใจ (วิเคราะห์)
ยังมีข้อค้างคา
ยังมีสิ่งที่ควรทำ หรือ อยากทำแต่ไม่ได้ทำ
หากชีวิตหลังความตายคือการไม่รับรู้อะไร
มันคงไม่มีประเด็นให้ต้องคิด
แต่ถ้าหากว่าแม้แต่ความตายก็ไม่อาจพราก
ความรู้สึกเหล่านั้นจากดวงวิญญาณได้เล่า
เราจะทำฉันใด ?
เราจะไขว่คว้าเอาไว้หรือไม่ ? แล้วถ้ามันต้องแลกกับชีวิตของคนอื่นด้วยเล่า ?
นี่คือสิ่งที่วิญญาณนามพุธกันยากำลังเผชิญ
กาลครั้งหนึ่งหญิงสาวนามกัลยา หรือ เป็นที่รู้จักกันในนาม"พุธกันยา" ดาวซึ่งดับแสงไปก่อนวัยอันควรด้วยเหตุอันไม่คาดคิด เธอเพียงแค่อยากจะละปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวโดยไม่ได้นึกว่าผลที่เกิดขึ้นจากความไม่ระมัดระวังของเธอจะส่งผลเป็นความตาย เธอไม่ได้อยากตายแต่ก็ต้องมาตายเสีย เธอได้แต่เฝ้ามองดูลูกและสามี ชอกช้ำ เจ็บปวด ในการจากไปของเธอ ความรู้สึกที่ส่งผ่านมาเหล่านั้นกลั่นตัวออกมาจากความรัก ความอาลัย ที่คุณบุรี และ ศวัส สามีและลูกมีให้กับพุธกันยา ในวาระนั้นความรู้สึกดังกล่าวเป็นดุจดังสายใยที่มองไม่เห็นยึดโยงพุธกันยาไว้กับโลกปัจจุบัน
การเวลาผ่านไปการรับรู้รับเห็นความรักความอาลัยที่ส่งผ่านมานั้นทำให้พุธกันยาเปลี่ยนสภาพใยยึดโยงเป็นการก่อร่างสร้างพันธนาการดวงวิญญาณของตัวเองด้วยปรารถนาที่จะได้อยู่ร่วมกันเป็นครอบบ้านครัวเดียวกับสามีและลูกอีกครั้ง อยากจะกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้กลับคืนดีขึ้นมา ทุก ๆ วันมีแต่คำว่า "ถ้า" ถ้าเธอจะให้เวลากับวงการน้อยลง ถ้าเธอจะอยู่กับลูกให้มากกว่านี้ ถ้า ..... มีสิ่งใดดลให้โอกาสเล่านั้นหมุนวนกลับมาตรงหน้าอีกซักหน และแล้ววันเวลาที่เธอคิดว่ามันคงมาไม่ถึงก็มีปาฏิหาริย์หล่นมากองตรงหน้าในตัวของเด็กผู้หญิงธรรมดาอย่างหอมน้ำ
เหมือนกับฟ้าที่เปิดยามฝนซา ... เมื่อหอมน้ำเป็นเด็กใสหัวอ่อนยอมคน เธอจึงขอใช้ร่างหอมน้ำได้อย่างไม่ยากเย็น ชั้นแรกมันคือความต้องการที่จะบอกกล่าวจะแสดงความรักความคิดถึงกับครอบครัว อยากจะบอกว่า "พุธกันยา" อยู่ที่นี่ อยากให้ครอบครัวได้รู้ว่า "ใยรัก" ของบุรีและศวัสนั้นเธอไม่เคยลืมและเธอก็รักพวกเขามากเช่นกัน แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปแค่การบอกกล่าวเช่นว่ามันไม่เพียงพอเสียแล้ว เมื่อเธอได้กลับมาอยู่ในร่างที่มีชีวิต เธอก็ได้พบว่าในความเป็นพุธกันยา เธอยังทำอะไรได้หลายสิ่งในโลกที่เธอสามารถจะมีชีวิตได้ ในร่างนี้เธอจะหวนกลับเข้าสู่วงการบันเทิงได้อีกครั้ง ในร่างนี้เธอสามารถอยู่กับสามีและลูกได้อย่างไม่เก้อเขิน .... เธอจะแสดงให้เห็นเองว่าไม่มีใยอะไรจะแกร่งเท่าใยรักของเธอย่างแน่นอน
หากพุธกันยาก็ไม่เคยคิดเลยว่า .... ในวันเวลาที่เธอได้ตายจากโลกนี้ไป กาลเวลาของเธอถูกแช่แข็งหยุดนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง ลมหายใจเข้าออกติดตรึงอยู่กับความผิดพลาดของตัวเองที่ไม่อาจถ่ายถอน โดยไม่ได้มองไปรอบข้างเลยว่า "ใคร ๆ" เขา move on กันไปหมดแล้ว สายใยรักที่เธอว่าแกร่งเท่าแกร่ง ที่เธอว่าดียิ่งกว่าดี เมื่อเวลาของสองฝ่ายไม่เป็นในทางเดียวกันเช่นนี้ ใยรักยิ่งแกร่งเท่าใด ก็แปรสภาพเป็นใยใจที่หนักหนาสาหัสสำหรับคนรอบข้าง คุณบุรีที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้าก็พบคุณขวัญที่เขาคิดว่าจะเป็นคนที่อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจได้ กับ ศวัสเองเพราะการแทรกแซงของคุณพุธกันยาก้ทำให้เกิดสายใยเสน่หากับเด็กน้อยที่เธอเข้าสิง
เจ็บยิ่งกว่าเจ็บ โศกยิ่งกว่าโศก เธอจึงพยายามดันทุรังต่อไป เธอทุกข์ทนมามาก เมื่อเห็นช่องทางแล้วทำไมเธอจะตักตวงความสุขบ้างไม่ได้ เธอยังภักดียังรักยังเหมือนเดิมทุกอย่างแต่ทำไม สามีและลูกถึงทำกับเธอได้เล่า ? ใยรักของเธอสายใยในครอบครัวสิ้นความหมายจนกลายเป็นเธอที่ถูกพันธการฝ่ายเดียวหรือ ? แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ได้ตระหนักว่า เธอจากโลกของคนที่มีชีวิตมานานเกินไปจนความรู้สึกที่สามีและลูกมีให้ก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แม้นเธอกลับมาก็ไม่ได้อยู่สถานะเดิมอีกต่อไป
สำหรับคนเป็นแล้วหากสถานที่หลังความตายมีจริงนั่นก็คงเป็นหัวใจของคนที่เรารักนั่นเอง แม้ตัวจะตายไปก็คงเหลือไว้ซึ่งความทรงจำอันดีงาม แล้วประโยชน์อะไรที่เธอจำต้องทำให้ภาพจำนั้นเสียหายไปจากสิ่งที่ควรเป็น แม้นตัวเธอเองจะหยุดเวลาเอาไว้นับแต่วันที่ตาย เธอคิดว่าตัวเธอเหมือนเดิม แต่ในสายตาคนอื่นเธอก็กลายเป็นพุธกันยาที่เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน เธอจึงรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นฝืนสัจธรรมข้อหนึ่งของโลกนี้นั้นคือความเปลี่ยนแปลง
ใยใจที่หนักแน่นทนทานก็ไม่ควรเป็นภาระสำหรับใคร
ความแข็งแกร่งของสายใยแห่งรักและความแน่นหนักของใยใจนั้น มิได้สื่อความหมาย
ให้เรายึดติดจนกลายเป็นบ่วงมัดใครจนหายใจไม่ออก แต่มันคือการสร้างภาพจำอันดีงาม
ซึ่งจะตราตรึงในหัวใจของผู้อื่นตราบนิรันดร์ต่างหากเล่า จึงจะเป็นสายในที่แน่นเหนียว
อย่างแท้จริง
ป.ล. วันสุดท้ายให้ขุ่นแม่วันนึงเนาะ