สวัสดีพี่น้องนักอ่านชาวพันทิปทุกคนค่ะ.. ค่ำคืนนี้ขออนุญาตส่งทุกๆ คนเข้านอนด้วยตอนต่อของนิยายเรื่อง “เนื้อคู่ จู่ๆ ก็มา” นะคะ ซึ่งวันนี้ขอเสนอเป็นตอนที่ ๗ จ้า
ความเดิมตอนที่แล้ว>>>
http://ppantip.com/topic/33143311
ตอนที่ ๗-ลูกไก่ใน ‘กรรม’ มือ
ข้าวของน้อยชิ้นถูกยัดลวกๆ ใส่เป้สะพายหลัง แต่เกินกว่า 90% ของน้ำหนักทั้งหมดเป็นจำพวกขนมปังปอนด์ มาการีน ทูน่ากระป๋อง น้ำดื่ม และขนมกรุบกริบ จนราวกับว่าทริปเดินทางไปท่าดอกรัก 2 วัน 3 คืนครั้งนี้จะเป็นการไปเข้าค่ายเนตรนารีมากกว่าไปทำสกู๊ปข่าว.. แต่จะว่าก็ว่า เธอยังไม่ได้ทำเอกสารขออนุญาตเขียนบทสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการกับเจ้าของเรื่องเลย แต่เอาเถอะคงไม่เป็นไร ถือว่ารู้จักเป็นการส่วนตัวแบบสุดเอ็กซ์ครูซีฟกับหลานชายเจ้าของบ้าน ยิ้มอย่างสบายอกสบายใจเดินมารอเพื่อนอยู่ที่ลานจอดชั้นใต้ดิน บรรยากาศตอนตีห้าวังเวง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะโทรถามเพื่อนว่าถึงไหนแล้ว แต่ที่หน้าจอเห็นข้อความในไลน์จากดวงฤดีแจ้งว่าให้ล่วงหน้าไปก่อนเพราะติดภารกิจสำคัญ บก.ธีระให้ไปทำข่าวแถลงงานหมั้นลูกสาวคนสวยของรมต.ธำรง เสร็จงานจะรีบตามไปสมทบ
รักเดียวหน้ามุ่ยใส่ข้อความบนหน้าจอ วันๆ มีคนหมั้น แต่งงาน ท้อง แล้วก็คลอด เป็นร้อยเป็นพันคนไม่เห็นน่าสนใจตรงไหน รักเดียวคิดโกรธๆ บก.ธีระตั้งใจกลั่นแกล้งกันแน่ๆ! เธอรีบกดโทรศัพท์หาเพื่อนทันทีแต่ปลายทางไม่ยอมรับสาย
“แกนะแกยัยหนอนด้วง เอาแน่เอานอนอะไรไม่เคยได้” โหวกเหวกโวยวายใส่หน้าจอโทรศัพท์เสร็จก็โยนเป้สัมภาระไปกองรวมกับแฟ้มสกู๊ปย่าแป้นบนเบาะข้างคนขับและกดปุ่มสตาร์ท แต่ปรากฏว่าสตาร์ทไม่ติด.. โอ้วพระเจ้า! ยัยหนอนด้วงเบี้ยวนัด รถก็ดันมาเสีย ยังจะมีอะไรซวยกว่านี้อีกไหมเนี่ย
เดินลงมาเปิดฝากระโปรงรถอย่างหงุดหงิด ทำคอยืดคอหดวิเคราะห์เครื่องยนต์อย่างกับจะซ่อมได้ เวลาผ่านไปเป็นสิบนาทีก็ยังไม่มีปัญญาซ่อม หยิบโทรศัพท์ขึ้นไล่หาเบอร์ตาผู้กองภพรักที่เคยให้ไว้ จดๆ จ้องๆ หมายเลขโทรศัพท์ของเขาอยู่นานไม่กล้าโทรออกซักที จนกระทั่งเสียงทักทายคุ้นๆ หูดังขึ้น
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ”
พอเห็นรอยยิ้มเป็นมิตรของหนุ่มหน้าเข้มที่อาสาจะช่วยเป็นคนเดียวกับชื่อเจ้าของหมายเลขบนหน้าจอโทรศัพท์เธอก็รีบยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงรวดเร็ว ยิ้มเก้ๆ กังๆ พร้อมคำทักทายสดใส “อรุณสวัสดิ์ค่ะผู้กอง จะออกไปไหนแต่เช้าคะ”
“จะกลับบ้านครับต้องรีบเดินทาง วันหยุดยาวช่วงเทศกาลแบบนี้รถติดยาวเป็นสิบๆ กิโลแน่ แล้วนี่รถคุณเป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย”
ขอบคุณฟ้าที่ส่งเขามาตรงจังหวะเป๊ะ.. หญิงสาวยิ้มอ่อนหวาน
“รถสตาร์ทไม่ติดค่ะ ถ้าผู้กองช่วยดูให้หน่อยก็จะเป็นความกรุณาอย่างยิ่งเลย”
ภพรักปลดเป้จากบ่าวางบนหลังคารถ เดินมาตรวจเช็คอาการของเครื่องยนต์ ไม่พบความผิดปกติอะไร สักพักก็เฉลียวใจเหลียวมองเกจ์น้ำมันจึงพบต้นตอของปัญหา
“รถไม่ได้เป็นอะไรครับแค่น้ำมันหมด”
กรรม! รักเดียวตำหนิตัวเองในใจ ขับรถสักแต่ว่าขับจริงๆ น้ำมันหมดก็ไม่รู้เรื่อง ภพรักส่ายหน้าขำๆ ในความสะเพร่าของเธอก่อนจะหันไปเห็นแฟ้มพลาสติกที่วางอยู่ข้างกระเป๋าเป้ใบอ้วนของเธอ เอกสารชุดหนึ่งหลุดออกมา เผยให้เห็นภาพบทความ ‘ย่าแป้น เศรษฐีบ้านทุ่ง’ ทำให้โยงไปถึงเรื่องที่เธอเคยพูดว่าอยากไปเยี่ยมครอบครัวเขา โดยไม่ต้องอาศัยสมมติฐานใดๆเขาก็ตีโจทย์แตก ลงจากรถเดินมาดึงฝากระโปรงปิดและแกล้งเปรยขึ้น
“กำลังจะไปท่าดอกรักหรือเปล่าครับ ไปกับผมก็ได้ ผมจะค้างซักสองสามคืน และถ้าไม่รีบร้อนกลับกรุงเทพคุณจะพักด้วยกันก็ได้ บ้านผมกว้างขวาง ห้องว่างเยอะแยะ”
รักเดียวพยักหน้าทันที เข้าทางคนเจ้าแผนการเลยล่ะสิ! รักเดียวแอบกระหยิ่มในใจ และโดยไม่รอช้าเดินไปหยิบสัมภาระจากในรถและเดินตามชายหนุ่มต้อยๆ ไปที่รถของเขาซึ่งจอดอยู่ถัดไปไม่ไกล
เก้าโมงเช้า ในงานแถลงข่าวประกาศหมั้นคุณหนูฝนเมษา ลูกสาวคนเดียวของรมต.ธำรง ดวงฤดีพยายามแทรกร่างบางๆ ของตัวเองผ่านเข้าไปในกลุ่มผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักเพื่อมองหน้าว่าใครกันหนอ ชายหนุ่มผู้โชคดีที่จะได้แต่งงานกับสาวสวยฐานะดีชาติตระกูลสูง
เพียงไม่นานทั้งคู่ก็ปรากฏตัว โดยมีรมต.ธำรงและบรรดาญาติๆ เดินเรียงหน้าออกมาก่อน ตากล้องจากหลายสำนักแย่งกันแชะภาพแสงแฟรชกระจายพรึ่บพั่บ ดวงฤดีปรับโฟกัสสายตาแทรกผ่านแสงแฟรชเห็นคุณหนูฝนเมษาในชุดเดรสสั้นสีชมพูหวานควงคู่มากับชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดเชิ้ตสีเรียบ พอได้เห็นหน้าชัดๆ ของชายหนุ่ม ดวงฤดีแทบผงะ.. นั่นมันพี่เจนยุทธ์ของยัยรักนี่!
รมต.ธำรงนั่งลงกลางโซฟาแถลงข่าวโดยมีสองหนุ่มสาวนั่งขนาบข้าง คุณหนูฝนเมษากราดยิ้มหวานส่งให้นักข่าวอย่างทั่วถึง ฝ่ายเจนยุทธ์ใบหน้านิ่งเฉย แววตาไร้อารมณ์ใดๆ
“หลายคนคงสงสัยว่าสองคนนี้ไปแอบปลูกต้นรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่” รมต.ธำรงนำผู้ฟังทุกคนเข้าสู่เนื้อเรื่องอันเยิ่นเย้อยาวนาน เขาเท้าความย้อนไปตั้งแต่สมัยเด็กที่สองคนนี้เติบโตมาด้วยกัน ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปร่ำเรียนยังต่างประเทศก่อนที่สุดท้ายจะได้กลับมาเจอกันและรักกัน .. เหยี่ยวสาวแบะปากเล็กน้อย จัดว่าเป็นเรื่องราวความรักที่น้ำเน่าได้ไม่แพ้ละครหลังข่าวเลยทีเดียว!
กว่าหนึ่งชั่วโมงที่ดวงฤดีบันทึกการสัมภาษณ์แบบเซ็งๆ ที่สุดท้ายแล้วก็สามารถกลั่นกรองเนื้อหาสาระได้เพียงใจความช่วงท้าย...
“ฤกษ์มงคลหมั้นจะมีขึ้นในวันที่14 เดือนหน้า ทุกคนคงจะตั้งคำถามว่าทำไมมันถึงได้ปุบปับนัก เข้าข่ายหมั้นสายฟ้าแลบหรือเปล่า” รมต.ธำรงกล่าวพลางหันไปทางบุตรสาวคนสวยที่ทำท่าเอียงอาย พวงแก้มสีชมพูเรื่อนั้นปรากฏรอยลักยิ้มเล็กๆ น่าเอ็นดู ข่าวนี้ทำเอาดวงฤดีถึงกับหน้านิ่วด้วยความกังวล ถ้าเรื่องรู้ไปถึงหูรักเดียว รายนั้นคงเสียใจจนไม่เป็นอันทำงานแน่ๆ
“แล้วล่าสุดที่น้องเค้ก คะนึงนิจปล่อยคลิปผ่านโซเชียลเรื่องภาพคุณเจนยุทธ์หิ้วปีกน้องเค้กขึ้นไปส่งที่คอนโดเป็นเรื่องจริง แถมมีบุคคลเป็นพยานยืนยันด้วย คุณเจนยุทธ์จะอธิบายว่ายังไงคะ” เหยี่ยวสาวปากกล้ายื่นไมค์ไปสัมภาษณ์ เหมือนจะแทงใจคนโดนถาม เจนยุทธ์ที่ใบหน้านิ่งไร้อารมณ์มาพักใหญ่ๆ แววตาเขาพลันขุ่นขึ้น แต่ไม่ได้กล่าวอะไร ปล่อยคุณหนูฝนเมษาเป็นคนเอ่ยตอบ
“เรื่องนั้นฝนยอมรับค่ะว่าเป็นเรื่องจริง” หญิงสาวเลื่อนมือไปกอดแขนเจนยุทธ์ กล่าวต่ออย่างเป็นเรื่องเป็นราว “เหตุการณ์คืนนั้นฝนอยู่ด้วยตลอด น้องเค้กเมาหมดสภาพ ฝนเกรงว่าถ้าโดนปาปารัสซี่เก็บภาพไปจะไม่ดี และความที่เคยรู้จักน้องเค้าตอนขึ้นปกแอลไทยแลนด์ซัมเมอร์ที่ผ่านมา ฝนรู้สึกรักและเอ็นดู จึงตัดสินใจให้พี่เจนอาสาเป็นคนพาไปส่งที่คอนโด แต่พอส่งน้องเค้าถึงห้องพี่เจนก็รีบกลับออกมาทันที ฝนนั่งรออนู่ในรถค่ะ เพราะง่วงขี้เกียจเดินตามไป” อธิบายจนเห็นภาพได้ละเอียดคุณหนูฝนก็แจกรอยยิ้มอ่อนหวาน พร้อมถามใสซื่อกลับมายังทุกคนว่า “เคลียร์นะคะ”
จบคำถามของดวงฤดี ทีมบอร์ดี้การ์ดก็เข้ามากันตัวคนทั้งคู่ออกและตีกรอบนักข่าวให้ทำได้เพียงเก็บภาพ ซึ่งคู่รักคลุมเครือก็ทำอย่างกับเตี๊ยมท่ากันมาแล้ว ภาพที่ได้เลยดูแข็งๆ ฝืนๆ
ท้องฟ้าสีดำกำมะหยี่เมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นสีครามสดกระจ่าง เมฆบางลอยกระจัดกระจาย รถคันโตแล่นฉิวออกจากความชุลมุนวุ่นวายของถนนมอเตอร์เวย์สู่เส้นทางชนบทอันร่มรื่น รักเดียวรู้สึกตัวตื่นขึ้นหลังจากเผลอหลับน้ำลายยืดไปหลายชั่วโมง ตื่นมาถึงก็เหลียวมองคนข้างๆ ที่ยังตั้งอกตั้งใจบังคับพวงมาลัยต่อไปอย่างอารมณ์ดี เพลงอะคูสติกเบาๆ ที่เปิดอยู่นั้นทำให้แวบหนึ่งรักเดียวรู้สึกอบอุ่นดีพิลึก
ภพรักหันมาเห็นหญิงสาวตื่นแล้วก็เอ่ยถามอย่างใจดี “หิวมั้ย ผมมีขนม” พลางเอื้อมหยิบถุงขนมจากช่องเก็บตรงคอนโซลส่งมาให้ “กินเลยตามสบาย อ้อ แล้วก็ไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าผมจะมอมยา”
รักเดียวรับมันมาจากเขาอย่างไว้วางใจ เปิดออกพบว่าเป็นหมึกย่างเต่าทองของโปรดเสียด้วย “คุณ.. แต่กินหมึกย่างในรถก็เหม็นหมดนะสิ”
ชายหนุ่มยิ้มใจดี “ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ ปกติผมก็กินทุกสิ่งทุกอย่างในรถอยู่แล้ว จกน้ำพริกปลาร้ากับข้าวเหนียวร้อนๆ ก็ทำบ่อย”
“งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ฉีกถุง หยิบหมึกย่างกลิ่นหอมอบอวลใส่ปากเคี้ยวหนึบหนับอย่างเอร็ดอร่อย และด้วยกลัวจะถูกมองว่าเป็นคนไม่มีน้ำใจเธอก็เลยฉีกหมึกเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ ยืดแขนสั้นๆ ส่งให้เขา
“คุณล่ะกินมั้ย อร่อยนะ”
ภพรักแอบอมยิ้มและเอ่ยเล่นๆ “ผมขับรถอยู่กินไม่ถนัด คุณช่วยป้อนหน่อยสิ”
“ได้!”รักเดียวตอบอย่างร่าเริงใจ เรื่องง่ายๆ ไม่ต้องใช้ความคิดแบบนี้เธอถนัดนัก หญิงสาวหันมาหยิบหมึกเพิ่มหมดไปครึ่งถุง ก่อนจะยัดมันใส่ปากผู้กองหนุ่มไปคำโต
“เป็นไงคุณ อร่อยมั้ย” รักเดียวถามปนหัวเราะคนโดนแกล้งไม่ทันได้ตั้งตัว หมึกย่างแน่นอยู่เต็มปากเลยไม่มีสิทธิ์ตอบโต้อะไรนอกจากเคี้ยวหนึบหนับอย่างยากลำบาก กว่าจะเคี้ยวหมดเหงือกคงชาและกินข้าวไม่ไหวไปอีกหลายวัน
เพียงชั่วโมงเศษจากทางหลวงชนบทแยกเข้าสู่เขตตำบลท่าดอกรัก เห็นป้ายทางไป ‘สวนย่าแป้น’ปักอยู่เรียงรายตลอดทาง ทางแยกเล็กๆ สองสายที่ถูกขนาบด้วยกล้วยน้ำว้าแปลงยาวสุดไกลสายตา ทางสายหนึ่งพื้นถนนลาดแอสฟัลท์กว้างขวางอย่างดี อีกทางเป็นดินลูกรังแคบขรุขระซึ่งภพรักเลือกที่จะเลี้ยวไปตามเส้นทางนั้น เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ชายหนุ่มหันมาสะกิดไหล่ลูกทัวร์สาวที่หลับอุตุอย่างกับนอนอยู่บ้านตัวเองหลังจากได้กินหมึกย่างกับโคล่าจนอื่มหนำ หญิงสาวขยับตัวตื่น บิดขี้เกียจสองสามที
“ถึงแล้วเหรอคะผู้กอง นี่นะเหรอ สวนย่าแป้น” ถามอย่างไม่มั่นใจ มองผ่านกระจกเห็นเบื้องหน้าเป็นเพียงป่ากล้วยรกครึ้ม
“ใช่ครับ แต่ต้องเดินไปอีกสองร้อยกว่าเมตร” ชายหนุ่มตอบขณะลงจากรถพร้อมสัมภาระของตัวเอง ก่อนจะส่งมือมาเสนอความช่วยเหลือ “ส่งกระเป๋าคุณมาผมช่วยถือ”
แต่รักเดียวส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันถือเองได้ของแค่นี้”
หญิงสาวเปิดประตูลงจากรถพร้อมด้วยเป้ใบอ้วนสะพายหลัง ไม่กลัวอยู่แล้วเรื่องความยากลำบาก เดินตามหลังคนเจ้าถิ่นไปอย่างระมัดระวัง ผ่านดงกล้วยรกทึบมาได้หน่อยเป็นคลองขนาดเล็กทอดขนานไปกับแปลงผักบุ้งดอกสีม่วงสะพรั่ง สะพานไม้ที่ทำจากต้นมะพร้าวผ่าซีกวางพาดข้ามไปสู่อีกฟากฝั่งซึ่งดูไม่ค่อนมั่นคงแข็งแรง ภพรักแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการยื่นมือไปให้เธอยึด แต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอบอก ของกล้วยๆ แบบนี้ไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากใครให้เสียฟอร์ม “ฉันเป็นอดีตนักกีฬาเหรียญทองของคณะ ทั้งเทนนิส แบดมินตัน ฟุตบอลหญิง คว้าเหรียญมาจนเต็มตู้ เรื่องความคล่องแคล่วไม่ต้องพูด ส่วนเรื่องการทรงตัวดีเยี่ย...!”
ไม่ทันฟังสรรพคุณนักกีฬาเหรียญทองจบภพรักก็ได้ยินเสียง ‘จ๋อม!’หันหลังไปก็พบว่านักกีฬาเหรียญทองลงไปนอนลอยคออยู่ในคลอง น้ำสีขุ่นกระเพื่อมเป็นคลื่นลูกโต
“เอ้า! คุณนักข่าว” ชายหนุ่มหัวเราะร่วน คนฟอร์มเยอะตะโกนขึ้นจากน้ำหน้าดำคล้ำเขียว
“นี่คุณ ยืนหัวเราะซ้ำเติมอยู่ได้”
“รีบขึ้นมาเร็ว แถวนี้จระเข้ดุนะคุณ” ภพรักกล่าวยั่วยิ้มขณะย่อตัวลงยื่นมือยาวๆ ไปคว้ามือเธอ
Pop up you! เนื้อคู่ จู่ๆ ก็มา
ความเดิมตอนที่แล้ว>>>
http://ppantip.com/topic/33143311
ตอนที่ ๗-ลูกไก่ใน ‘กรรม’ มือ
ข้าวของน้อยชิ้นถูกยัดลวกๆ ใส่เป้สะพายหลัง แต่เกินกว่า 90% ของน้ำหนักทั้งหมดเป็นจำพวกขนมปังปอนด์ มาการีน ทูน่ากระป๋อง น้ำดื่ม และขนมกรุบกริบ จนราวกับว่าทริปเดินทางไปท่าดอกรัก 2 วัน 3 คืนครั้งนี้จะเป็นการไปเข้าค่ายเนตรนารีมากกว่าไปทำสกู๊ปข่าว.. แต่จะว่าก็ว่า เธอยังไม่ได้ทำเอกสารขออนุญาตเขียนบทสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการกับเจ้าของเรื่องเลย แต่เอาเถอะคงไม่เป็นไร ถือว่ารู้จักเป็นการส่วนตัวแบบสุดเอ็กซ์ครูซีฟกับหลานชายเจ้าของบ้าน ยิ้มอย่างสบายอกสบายใจเดินมารอเพื่อนอยู่ที่ลานจอดชั้นใต้ดิน บรรยากาศตอนตีห้าวังเวง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะโทรถามเพื่อนว่าถึงไหนแล้ว แต่ที่หน้าจอเห็นข้อความในไลน์จากดวงฤดีแจ้งว่าให้ล่วงหน้าไปก่อนเพราะติดภารกิจสำคัญ บก.ธีระให้ไปทำข่าวแถลงงานหมั้นลูกสาวคนสวยของรมต.ธำรง เสร็จงานจะรีบตามไปสมทบ
รักเดียวหน้ามุ่ยใส่ข้อความบนหน้าจอ วันๆ มีคนหมั้น แต่งงาน ท้อง แล้วก็คลอด เป็นร้อยเป็นพันคนไม่เห็นน่าสนใจตรงไหน รักเดียวคิดโกรธๆ บก.ธีระตั้งใจกลั่นแกล้งกันแน่ๆ! เธอรีบกดโทรศัพท์หาเพื่อนทันทีแต่ปลายทางไม่ยอมรับสาย
“แกนะแกยัยหนอนด้วง เอาแน่เอานอนอะไรไม่เคยได้” โหวกเหวกโวยวายใส่หน้าจอโทรศัพท์เสร็จก็โยนเป้สัมภาระไปกองรวมกับแฟ้มสกู๊ปย่าแป้นบนเบาะข้างคนขับและกดปุ่มสตาร์ท แต่ปรากฏว่าสตาร์ทไม่ติด.. โอ้วพระเจ้า! ยัยหนอนด้วงเบี้ยวนัด รถก็ดันมาเสีย ยังจะมีอะไรซวยกว่านี้อีกไหมเนี่ย
เดินลงมาเปิดฝากระโปรงรถอย่างหงุดหงิด ทำคอยืดคอหดวิเคราะห์เครื่องยนต์อย่างกับจะซ่อมได้ เวลาผ่านไปเป็นสิบนาทีก็ยังไม่มีปัญญาซ่อม หยิบโทรศัพท์ขึ้นไล่หาเบอร์ตาผู้กองภพรักที่เคยให้ไว้ จดๆ จ้องๆ หมายเลขโทรศัพท์ของเขาอยู่นานไม่กล้าโทรออกซักที จนกระทั่งเสียงทักทายคุ้นๆ หูดังขึ้น
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ”
พอเห็นรอยยิ้มเป็นมิตรของหนุ่มหน้าเข้มที่อาสาจะช่วยเป็นคนเดียวกับชื่อเจ้าของหมายเลขบนหน้าจอโทรศัพท์เธอก็รีบยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงรวดเร็ว ยิ้มเก้ๆ กังๆ พร้อมคำทักทายสดใส “อรุณสวัสดิ์ค่ะผู้กอง จะออกไปไหนแต่เช้าคะ”
“จะกลับบ้านครับต้องรีบเดินทาง วันหยุดยาวช่วงเทศกาลแบบนี้รถติดยาวเป็นสิบๆ กิโลแน่ แล้วนี่รถคุณเป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย”
ขอบคุณฟ้าที่ส่งเขามาตรงจังหวะเป๊ะ.. หญิงสาวยิ้มอ่อนหวาน
“รถสตาร์ทไม่ติดค่ะ ถ้าผู้กองช่วยดูให้หน่อยก็จะเป็นความกรุณาอย่างยิ่งเลย”
ภพรักปลดเป้จากบ่าวางบนหลังคารถ เดินมาตรวจเช็คอาการของเครื่องยนต์ ไม่พบความผิดปกติอะไร สักพักก็เฉลียวใจเหลียวมองเกจ์น้ำมันจึงพบต้นตอของปัญหา
“รถไม่ได้เป็นอะไรครับแค่น้ำมันหมด”
กรรม! รักเดียวตำหนิตัวเองในใจ ขับรถสักแต่ว่าขับจริงๆ น้ำมันหมดก็ไม่รู้เรื่อง ภพรักส่ายหน้าขำๆ ในความสะเพร่าของเธอก่อนจะหันไปเห็นแฟ้มพลาสติกที่วางอยู่ข้างกระเป๋าเป้ใบอ้วนของเธอ เอกสารชุดหนึ่งหลุดออกมา เผยให้เห็นภาพบทความ ‘ย่าแป้น เศรษฐีบ้านทุ่ง’ ทำให้โยงไปถึงเรื่องที่เธอเคยพูดว่าอยากไปเยี่ยมครอบครัวเขา โดยไม่ต้องอาศัยสมมติฐานใดๆเขาก็ตีโจทย์แตก ลงจากรถเดินมาดึงฝากระโปรงปิดและแกล้งเปรยขึ้น
“กำลังจะไปท่าดอกรักหรือเปล่าครับ ไปกับผมก็ได้ ผมจะค้างซักสองสามคืน และถ้าไม่รีบร้อนกลับกรุงเทพคุณจะพักด้วยกันก็ได้ บ้านผมกว้างขวาง ห้องว่างเยอะแยะ”
รักเดียวพยักหน้าทันที เข้าทางคนเจ้าแผนการเลยล่ะสิ! รักเดียวแอบกระหยิ่มในใจ และโดยไม่รอช้าเดินไปหยิบสัมภาระจากในรถและเดินตามชายหนุ่มต้อยๆ ไปที่รถของเขาซึ่งจอดอยู่ถัดไปไม่ไกล
เก้าโมงเช้า ในงานแถลงข่าวประกาศหมั้นคุณหนูฝนเมษา ลูกสาวคนเดียวของรมต.ธำรง ดวงฤดีพยายามแทรกร่างบางๆ ของตัวเองผ่านเข้าไปในกลุ่มผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักเพื่อมองหน้าว่าใครกันหนอ ชายหนุ่มผู้โชคดีที่จะได้แต่งงานกับสาวสวยฐานะดีชาติตระกูลสูง
เพียงไม่นานทั้งคู่ก็ปรากฏตัว โดยมีรมต.ธำรงและบรรดาญาติๆ เดินเรียงหน้าออกมาก่อน ตากล้องจากหลายสำนักแย่งกันแชะภาพแสงแฟรชกระจายพรึ่บพั่บ ดวงฤดีปรับโฟกัสสายตาแทรกผ่านแสงแฟรชเห็นคุณหนูฝนเมษาในชุดเดรสสั้นสีชมพูหวานควงคู่มากับชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดเชิ้ตสีเรียบ พอได้เห็นหน้าชัดๆ ของชายหนุ่ม ดวงฤดีแทบผงะ.. นั่นมันพี่เจนยุทธ์ของยัยรักนี่!
รมต.ธำรงนั่งลงกลางโซฟาแถลงข่าวโดยมีสองหนุ่มสาวนั่งขนาบข้าง คุณหนูฝนเมษากราดยิ้มหวานส่งให้นักข่าวอย่างทั่วถึง ฝ่ายเจนยุทธ์ใบหน้านิ่งเฉย แววตาไร้อารมณ์ใดๆ
“หลายคนคงสงสัยว่าสองคนนี้ไปแอบปลูกต้นรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่” รมต.ธำรงนำผู้ฟังทุกคนเข้าสู่เนื้อเรื่องอันเยิ่นเย้อยาวนาน เขาเท้าความย้อนไปตั้งแต่สมัยเด็กที่สองคนนี้เติบโตมาด้วยกัน ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปร่ำเรียนยังต่างประเทศก่อนที่สุดท้ายจะได้กลับมาเจอกันและรักกัน .. เหยี่ยวสาวแบะปากเล็กน้อย จัดว่าเป็นเรื่องราวความรักที่น้ำเน่าได้ไม่แพ้ละครหลังข่าวเลยทีเดียว!
กว่าหนึ่งชั่วโมงที่ดวงฤดีบันทึกการสัมภาษณ์แบบเซ็งๆ ที่สุดท้ายแล้วก็สามารถกลั่นกรองเนื้อหาสาระได้เพียงใจความช่วงท้าย...
“ฤกษ์มงคลหมั้นจะมีขึ้นในวันที่14 เดือนหน้า ทุกคนคงจะตั้งคำถามว่าทำไมมันถึงได้ปุบปับนัก เข้าข่ายหมั้นสายฟ้าแลบหรือเปล่า” รมต.ธำรงกล่าวพลางหันไปทางบุตรสาวคนสวยที่ทำท่าเอียงอาย พวงแก้มสีชมพูเรื่อนั้นปรากฏรอยลักยิ้มเล็กๆ น่าเอ็นดู ข่าวนี้ทำเอาดวงฤดีถึงกับหน้านิ่วด้วยความกังวล ถ้าเรื่องรู้ไปถึงหูรักเดียว รายนั้นคงเสียใจจนไม่เป็นอันทำงานแน่ๆ
“แล้วล่าสุดที่น้องเค้ก คะนึงนิจปล่อยคลิปผ่านโซเชียลเรื่องภาพคุณเจนยุทธ์หิ้วปีกน้องเค้กขึ้นไปส่งที่คอนโดเป็นเรื่องจริง แถมมีบุคคลเป็นพยานยืนยันด้วย คุณเจนยุทธ์จะอธิบายว่ายังไงคะ” เหยี่ยวสาวปากกล้ายื่นไมค์ไปสัมภาษณ์ เหมือนจะแทงใจคนโดนถาม เจนยุทธ์ที่ใบหน้านิ่งไร้อารมณ์มาพักใหญ่ๆ แววตาเขาพลันขุ่นขึ้น แต่ไม่ได้กล่าวอะไร ปล่อยคุณหนูฝนเมษาเป็นคนเอ่ยตอบ
“เรื่องนั้นฝนยอมรับค่ะว่าเป็นเรื่องจริง” หญิงสาวเลื่อนมือไปกอดแขนเจนยุทธ์ กล่าวต่ออย่างเป็นเรื่องเป็นราว “เหตุการณ์คืนนั้นฝนอยู่ด้วยตลอด น้องเค้กเมาหมดสภาพ ฝนเกรงว่าถ้าโดนปาปารัสซี่เก็บภาพไปจะไม่ดี และความที่เคยรู้จักน้องเค้าตอนขึ้นปกแอลไทยแลนด์ซัมเมอร์ที่ผ่านมา ฝนรู้สึกรักและเอ็นดู จึงตัดสินใจให้พี่เจนอาสาเป็นคนพาไปส่งที่คอนโด แต่พอส่งน้องเค้าถึงห้องพี่เจนก็รีบกลับออกมาทันที ฝนนั่งรออนู่ในรถค่ะ เพราะง่วงขี้เกียจเดินตามไป” อธิบายจนเห็นภาพได้ละเอียดคุณหนูฝนก็แจกรอยยิ้มอ่อนหวาน พร้อมถามใสซื่อกลับมายังทุกคนว่า “เคลียร์นะคะ”
จบคำถามของดวงฤดี ทีมบอร์ดี้การ์ดก็เข้ามากันตัวคนทั้งคู่ออกและตีกรอบนักข่าวให้ทำได้เพียงเก็บภาพ ซึ่งคู่รักคลุมเครือก็ทำอย่างกับเตี๊ยมท่ากันมาแล้ว ภาพที่ได้เลยดูแข็งๆ ฝืนๆ
ท้องฟ้าสีดำกำมะหยี่เมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นสีครามสดกระจ่าง เมฆบางลอยกระจัดกระจาย รถคันโตแล่นฉิวออกจากความชุลมุนวุ่นวายของถนนมอเตอร์เวย์สู่เส้นทางชนบทอันร่มรื่น รักเดียวรู้สึกตัวตื่นขึ้นหลังจากเผลอหลับน้ำลายยืดไปหลายชั่วโมง ตื่นมาถึงก็เหลียวมองคนข้างๆ ที่ยังตั้งอกตั้งใจบังคับพวงมาลัยต่อไปอย่างอารมณ์ดี เพลงอะคูสติกเบาๆ ที่เปิดอยู่นั้นทำให้แวบหนึ่งรักเดียวรู้สึกอบอุ่นดีพิลึก
ภพรักหันมาเห็นหญิงสาวตื่นแล้วก็เอ่ยถามอย่างใจดี “หิวมั้ย ผมมีขนม” พลางเอื้อมหยิบถุงขนมจากช่องเก็บตรงคอนโซลส่งมาให้ “กินเลยตามสบาย อ้อ แล้วก็ไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าผมจะมอมยา”
รักเดียวรับมันมาจากเขาอย่างไว้วางใจ เปิดออกพบว่าเป็นหมึกย่างเต่าทองของโปรดเสียด้วย “คุณ.. แต่กินหมึกย่างในรถก็เหม็นหมดนะสิ”
ชายหนุ่มยิ้มใจดี “ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ ปกติผมก็กินทุกสิ่งทุกอย่างในรถอยู่แล้ว จกน้ำพริกปลาร้ากับข้าวเหนียวร้อนๆ ก็ทำบ่อย”
“งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ฉีกถุง หยิบหมึกย่างกลิ่นหอมอบอวลใส่ปากเคี้ยวหนึบหนับอย่างเอร็ดอร่อย และด้วยกลัวจะถูกมองว่าเป็นคนไม่มีน้ำใจเธอก็เลยฉีกหมึกเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ ยืดแขนสั้นๆ ส่งให้เขา
“คุณล่ะกินมั้ย อร่อยนะ”
ภพรักแอบอมยิ้มและเอ่ยเล่นๆ “ผมขับรถอยู่กินไม่ถนัด คุณช่วยป้อนหน่อยสิ”
“ได้!”รักเดียวตอบอย่างร่าเริงใจ เรื่องง่ายๆ ไม่ต้องใช้ความคิดแบบนี้เธอถนัดนัก หญิงสาวหันมาหยิบหมึกเพิ่มหมดไปครึ่งถุง ก่อนจะยัดมันใส่ปากผู้กองหนุ่มไปคำโต
“เป็นไงคุณ อร่อยมั้ย” รักเดียวถามปนหัวเราะคนโดนแกล้งไม่ทันได้ตั้งตัว หมึกย่างแน่นอยู่เต็มปากเลยไม่มีสิทธิ์ตอบโต้อะไรนอกจากเคี้ยวหนึบหนับอย่างยากลำบาก กว่าจะเคี้ยวหมดเหงือกคงชาและกินข้าวไม่ไหวไปอีกหลายวัน
เพียงชั่วโมงเศษจากทางหลวงชนบทแยกเข้าสู่เขตตำบลท่าดอกรัก เห็นป้ายทางไป ‘สวนย่าแป้น’ปักอยู่เรียงรายตลอดทาง ทางแยกเล็กๆ สองสายที่ถูกขนาบด้วยกล้วยน้ำว้าแปลงยาวสุดไกลสายตา ทางสายหนึ่งพื้นถนนลาดแอสฟัลท์กว้างขวางอย่างดี อีกทางเป็นดินลูกรังแคบขรุขระซึ่งภพรักเลือกที่จะเลี้ยวไปตามเส้นทางนั้น เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ชายหนุ่มหันมาสะกิดไหล่ลูกทัวร์สาวที่หลับอุตุอย่างกับนอนอยู่บ้านตัวเองหลังจากได้กินหมึกย่างกับโคล่าจนอื่มหนำ หญิงสาวขยับตัวตื่น บิดขี้เกียจสองสามที
“ถึงแล้วเหรอคะผู้กอง นี่นะเหรอ สวนย่าแป้น” ถามอย่างไม่มั่นใจ มองผ่านกระจกเห็นเบื้องหน้าเป็นเพียงป่ากล้วยรกครึ้ม
“ใช่ครับ แต่ต้องเดินไปอีกสองร้อยกว่าเมตร” ชายหนุ่มตอบขณะลงจากรถพร้อมสัมภาระของตัวเอง ก่อนจะส่งมือมาเสนอความช่วยเหลือ “ส่งกระเป๋าคุณมาผมช่วยถือ”
แต่รักเดียวส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันถือเองได้ของแค่นี้”
หญิงสาวเปิดประตูลงจากรถพร้อมด้วยเป้ใบอ้วนสะพายหลัง ไม่กลัวอยู่แล้วเรื่องความยากลำบาก เดินตามหลังคนเจ้าถิ่นไปอย่างระมัดระวัง ผ่านดงกล้วยรกทึบมาได้หน่อยเป็นคลองขนาดเล็กทอดขนานไปกับแปลงผักบุ้งดอกสีม่วงสะพรั่ง สะพานไม้ที่ทำจากต้นมะพร้าวผ่าซีกวางพาดข้ามไปสู่อีกฟากฝั่งซึ่งดูไม่ค่อนมั่นคงแข็งแรง ภพรักแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการยื่นมือไปให้เธอยึด แต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอบอก ของกล้วยๆ แบบนี้ไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากใครให้เสียฟอร์ม “ฉันเป็นอดีตนักกีฬาเหรียญทองของคณะ ทั้งเทนนิส แบดมินตัน ฟุตบอลหญิง คว้าเหรียญมาจนเต็มตู้ เรื่องความคล่องแคล่วไม่ต้องพูด ส่วนเรื่องการทรงตัวดีเยี่ย...!”
ไม่ทันฟังสรรพคุณนักกีฬาเหรียญทองจบภพรักก็ได้ยินเสียง ‘จ๋อม!’หันหลังไปก็พบว่านักกีฬาเหรียญทองลงไปนอนลอยคออยู่ในคลอง น้ำสีขุ่นกระเพื่อมเป็นคลื่นลูกโต
“เอ้า! คุณนักข่าว” ชายหนุ่มหัวเราะร่วน คนฟอร์มเยอะตะโกนขึ้นจากน้ำหน้าดำคล้ำเขียว
“นี่คุณ ยืนหัวเราะซ้ำเติมอยู่ได้”
“รีบขึ้นมาเร็ว แถวนี้จระเข้ดุนะคุณ” ภพรักกล่าวยั่วยิ้มขณะย่อตัวลงยื่นมือยาวๆ ไปคว้ามือเธอ