ผลประโยชน์กับความรักอะไรจะมีความหมายมากกว่ากัน

เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าดู ดูสนุก เรื่องราวส่วนใหญ่จะดำเนินเรื่องอยู่ในตัวปราสาทที่ชื่อ Downton Abbey ชอบมุมกล้องของการถ่ายทำ สีสันไม่ค่อยสดใส อึมทึมในปราสาทแต่เราก็ชอบ ชอบการเล่นคำพูด การเอ่ยชมแบบปฎิเสธซ้อนปฎิเสธไม่เอ่ยชมเชย ตรงตรง คนอเมริกันพูดอะไรตรงประเด็นเข้าเรื่องเลย ไม่อ้อมค้อมเหมือนคนอังกฤษแต่สิ่งที่เหมือนกันคือชอบความสะดวกสบาย พูดถึงชนขั้นในสังคม ชนชั้นล่าง(คนรับใช้)และชนชั้นสูง(เจ้านาย)ต่างมีความผูกพันในแง่ความจงรักภักดีและผลประโยชน์ที่จริงใจและไม่จริงใจ คนรับใช้สามารถสร้างสรรค์และทำลายได้ในเวลาเดียวกันโดยอาศัยความเชื่อใจที่มีอยู่ เจ้านายก็ให้ความช่วยเหลือที่จริงใจและคาดหวังในสิ่งที่ดีกลับมาเช่นกัน ผลประโยชน์ต่างตอบแทน ทุกคนมีทั้งดีและชั่วในเวลาไล่เลี่ยกัน การเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เลวร้ายในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เริ่มจากเหตุการณ์เรือTitanic ล่มและสงรามโลกครั้งที่ 1 ทำให้คนในปราสาทพบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดฝันเพราะทายาทชายตายจากเหตุกาณ์นี้ ทายาทชายที่ตายนั้นเป็นชนชั้นสูงคืชนชั้นเดียวกัน ทรัพย์สินและปราสาทจึงถูกเปลื่ยมือเป็นขอทายาทลำดับต่อไปซึ่งเป็นชนชั้นกลาง มีนัยเรื่องชนชั้น การดูถูกคนที่ต่ำกว่าแม้ยังไม่ได้เจอกัน ฝ่ายชายก็ไม่ชอบการคลุมถุงชน เพราะเจ้าของปราสาทมีแต่ลูกผู้หญิง3คน ลูกสาวคนโตต้องแต่งงานกับทายาทชายเท่านั้นถึงจะรักษาปราสาทและทรัพย์สินไว้ได้ กฎหมายระบุไว้ แม้ฝ่ายชายจะไม่ได้หาทรัพย์สินนั้นมาก็ตามก็ต้องตกเป็นของฝ่ายชาย ทางเลือกจึงเกิดขึ้น เพศ (Gender) จึงมีส่วนในการใช้ชีวิตในสังคมซึ่งถูกกำหนดไว้แล้ว เกือบจะทุกชาติ ทุกภาษาที่หญิงจะถูกริดรอนสิทธิ์เสรีภาพในวงจำกัด  ผลประโชน์เกิดขึ้นทุกชนชั้นเพื่อจุดประสงค์ใดนั้นต้องตามดูและวิเคราะห์เองค่ะ ความรักจะมีอุปสรรคกับชนชั้นมั้ยนะ เหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงอีกมั้ย เราชอบคำว่า ใช้ชีวิตให้เหมือนกับเหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต น่าจะใช้กับเรื่องนี้ได้ดีเลยทีเดียวในมุมมองของเราตอนนี้เราดูถึงSeasson 2 แต่ที่รู้มามีอย่างน้อย Seasson 5 ชอบค่ะจะตามดูให้จบ ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ