รับมือและช่วยเหลือผู้ป่วย Bipolar disorder อย่างไรดีครับ

สวัสดีครับ ไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตนี้จะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวชุลมุนแบบนี้เลย
ผมเป็นบุคคลที่เรียกว่าสาธารณะก็ได้ เนื่องจากเป็นเจ้าของแบรนด์และผู้เชี่ยวชาญทางกลิ่น
ทำให้มีคนรู้จักและติดตามพอสมควร ซึ่งหลายคนก็ตามเข้ามาถึงในเฟซส่วนตัว

เมื่อสักประมาณช่วงปีใหม่ที่ผ่าน ความผิดปกติเกิดขึ้นเมื่อผมสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง
กระหน่ำกดไลค์และมักจะชอบมาตอบด้วยสำนวน "ลอยๆ" บางทีมีการแสดงออกชัดเจนเกินไป
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังส่งข้อความส่วนตัวมาในอินบอกซ์ของผมมากมายทุกวัน
แรกๆที่ผมคิดว่าคงเป็นคำทักทายของลูกค้าปกติ จึงตอบไป (แค่ครั้งเดียวว่ากำลังกินข้าว)
พอเห็นเขาเริ่มส่งมาถี่ๆ ด้วยสำนวนที่อ่านแล้วรู้ว่าคิดอะไรเกินเลย ผมเลยเลือกที่จะไม่ตอบ
เป็นอย่างนี้มาสามอาทิตย์

จนล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เขาเข้ามาคอมเมนท์ในโพสต์ที่ผมกล่าวถึงแม่ของผมที่เพิ่งเสียไป
ผมตำหนิเธอว่าไม่ควรมาล้อเล่นในที่แบบนี้ (ใจจริงไม่อยากจะคุยกับเธอ)
เธอตามไล่แอดเพื่อนผมทุกๆคน โดยเฉพาะคนที่ผมแท็กไว้ในสถานะ ซึ่งหลายๆคนเริ่มติงเข้ามาถึงความผิดปกตินี้

เมื่อวันพฤหัส ... เธอน่าจะทำอะไรผิดสักอย่างเพราะเธอกลับเข้ามาขอแอดผมใหม่
และแน่นอนผมไม่รับแอดเฟรนด์ของเธอ .... เธอจึงไปแสดงสัญลักษณ์ด้วยการกดไลค์ถี่ๆในเพจร้านน้ำหอมของผม
ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำอะไรจนกระทั่งวันเสาร์ .... เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

เสียงผู้หญิงในสายถามเกี่ยวกับเรื่องการนำน้ำหอมไปขายต่อ แต่ดูเหมือนเธอไม่เข้าใจ ไม่พยายามจะเข้าใจ
และไม่ตั้งใจจะเข้าใจสิ่งที่ผมอธิบาย เน้น เค้นให้ผมพูดไปเรื่อยๆ จนเซนส์ของผมบอกว่าเธอคือคนที่มีปัญหาในเฟซบุคแน่ๆ

เมื่อผมวางหูเธอ ผมสืบประวัติของเบอร์นั้นทันที แล้วผมก็ทราบว่าเป็นเบอร์ของเธอจริงๆ
ไม่ถึงสองชั่วโมงเธอโทรมาใหม่ ถามคำถามเดิมและดูรุ่มร่ามกับผมมากขึ้น ผมจึงบอกไปตรงๆว่า
เธอคงไม่เหมาะกับการขายน้ำหอมของผมเพราะเข้าใจยาก

เธอกระหน่ำโทรมาอีกถี่ๆ ... ผมไม่รับสาย จนกระทั่งเธอโทรเข้าเบอร์ของพี่สาวของผม (ที่ผมลงไว้ในเพจ)
พี่สาวของผมรู้เรื่องเพราะผมเล่าให้ฟัง เธอจิกจะคุยกับผมให้ได้ครับ จนผมต้องยอมรับสายและพูดตรงๆไปว่า
ผมไม่สะดวกใจในการขายสินค้าให้นะ

วันอาทิตย์ เธอโทรเข้ามาไม่หยุดหย่อนจนถึงช่วงบ่าย
ผมจึงตัดสินใจรับสายและด่าเธอเสียๆหายๆไป เพราะตอนนั้นมันไม่ไหวแล้วจริงๆ
แต่ด้วยสำนวนและวิธีการคุยของเธอ ก็ทำให้ผมสงสัยว่าเธอไม่น่าจะปกติ
รวมถึงคนปกติเมื่อถูกด่าว่าขนาดนี้แล้ว คงไม่น่าจะทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ขนาดนี้
ผมจึงค่อยๆรวมสติ เมื่อเธอโทรมาอีกทีจึงค่อยๆคุยกันไป แล้วหลอกถามข้อมูลต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรคนใกล้ชิด และประวัติคร่าวๆ

ผมโทรไปหาแม่ของเขา และทราบว่าเขาเคยเบลอจนถึงขนาดต้องนำไปช๊อตไฟฟ้า
รักษาอาการเป็น Bipolar ... เธอไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็น Bipolar และเมื่อทานยาก็แพ้อย่างรุนแรง
ปัจจุบันเธอจึงไม่ได้รับการรักษาใดๆ แม่ของเธอขอโทษผมมา

บอกตรงๆว่าวินาทีนั้นที่โกรธและรำคาญมันหายไปเลย .... ผมโพสต์ด่าเธอในเฟซบุค
เพราะเธอลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผมเกินไป ผมเจอคนบอกว่าให้เงียบให้อดทน ทั้งๆที่จริงๆแล้วผมอดทนมาพอสมควรแล้ว
และสัญชาตญาณของผมบอกว่า การเงียบไม่ใช่ทางออกของเรื่องนี้

เมื่อผมทราบว่าเธอเป็น Bipolar จึงให้อภัยและอยากจะช่วยเหลือเธอและคนรอบข้างของเธอ
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรครับ ... ตอนนี้ปรึกษาเภสัชเพื่อนๆกัน กำลังจะสอบถามจิตแพทย์
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรนอกจากนี้ได้บ้าง ผมเชื่อว่าทุกเหตุการณ์ที่เข้ามาในชีวิต มันมีเหตุผลที่เราต้องเจอมัน

ถ้าผมเงียบไป บล็อคสายเธอ เธอก็คงหาทางโทรมาได้อีกอยู่ดี เพราะข้อมูลของผมแทบจะเป็นสาธารณะ
และถ้าผมไม่ตามหาประวัติของเธอ ผมคงเข้าใจผิดคิดโกรธเขาอยู่ เพราะไม่รู้ว่าเขาไม่สบาย

รบกวนขอคำแนะนำหน่อยสิครับ ... ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่