หลีเป๊ะ ปัจจุบันกับอดีต

เมื่อวันที่ 21 - 23 ม.ค. ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปนอนที่ เกาะนีปีส (หลีเป๊ะ) หมู่เกาะอาดังราวี ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปมาก จนธรรมชาติเดิมๆบนเกาะไม่หลงเหลือเลย โดยเฉพาะถนนคนเดิน ไม่น่าจะต่างกับพัทยาเลย ผมขออนุญาตพูดคุยถึงอดีตให้ฟังก็แล้วกัน ผมได้ไปทำงานที่สตูลเมื่อปี พ.ศ. 2509 แต่ได้ไปเกาะนีปีส (หลีเป๊ะ) เมื่อปี พ.ศ. 2513 ยังแอบได้เห็นเรือที่ผมทำงาน และใช้ไปเกาะนีปีส (หลีเป๊ะ) จอดอยู่ที่ท่าเรือปากบาราเลย จอดคู่กับเรือของด่านศุลกากร ดีใจจนน้ำตาใหล เรือลำนี้ ต่อที่ประเทศญี่ปุ่ณ มาถึงเมืองไทยโดยเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ผมไปรับเรือลำนี้ที่จังหวัดสมุทรปราการ ใช้เวลาเดินทางถึงสตูล เดือนกว่า จอดพักที่สิงคโปร์ 3 วัน เกาะปีนัง 3 วัน ก่อนเข้าน่านน้ำไทยที่สตูล ที่นีปีส (หลีเป๊ะ) ที่สร้างชื่อเสียงให้คนรูจัก และอยากไปในอดีต คือน้ำที่ใส ปะการังที่สวยงามบริเวนรอบเกาะ เมื่อก่อนผมจะเอาเรือไปทอดสมอนอกแนวประการัง ประมาณระหว่างมะลิรีสอร์ท กับ หลีเป๊ะบีทรีสอร์ท เวลาจะขึ้นเกาะ ต้องพายเรือเล็กเข้ามา ส่วนมากชาวเลที่อาศัยบนเกาะ จะเอาเรือแจวไปรับ ระหว่างที่นังเรือเข้ามานั้น จะเห็นปะการังสีขาว แผร่กิ่งก้านสาขาเหมือนต้นไม้ใต้น้ำ เห็นปลาตามแนวปะการังสวยมาก ดูด้วยตาเปล่าบนเรือได้เลย ไม่ต้องใส่หน้ากาก หรือเรือท้องกระจก หาดที่เกาะก็ไม่กว้าง และสูงเหมือนปัจจุบัน ทุกๆปี บริเวณหน้าเมาเท่นรีสอร์ท จะมีเต่าขึ้นมาไข่ทุกปี ยังแอบมาเก็บไข่เต่าไปยำกินแทบทุกปี (ยอมรับว่าทำบาปและทำผิด) จนปีสุดท้ายที่เลิกทำ คือมาพบลูกเต่าที่ออกจากไข่แล้ว กำลังคลานลงน้ำ ส่วนหนึ่งก็ลงน้ำเรียบร้อยแล้ว มีประมาณหลายร้อยตัว บนเกาะก็มีบ้านชาวเล อยู่แถวนั้นไม่น่าจะเกิน 10 หลัง ส่วนใหญ่จะอยู่บนเนินเขา ที่อยู่ปัจจุบัน โรงเรียนบ้านเกาะอาดังมีแล้ว ด้านเหนือของโรงเรียนคือบ้านกำนัน บรรจง อังโชว์ติพันธ์ ซึ่งเป็นบ้านที่ใครไป ก็ต้องไปนอนที่บ้านกำนัน ภรรยากำนันจง เป็นลูกสาวหัวหน้าชาวเล ที่บนเกาะนามสกุล หาญทะเล ในระหว่างที่ผมมาที่เกาะ ถ้าหน้ามรสุม คลื่นแรงมาก จะเอาเรือไปจอดที่หลังเกาะคือหาดพัทยา สภาพยังใกล้เคียงกับอดีต แต่เมื่อก่อนมีเรือผมจอดเพียงลำเดียวเท่านั้น
อีกเกาะที่สวยงามและสร้าวชื่อเสียงมากคือเกาะหินงาม ซึ่งเดือนธันวาคมของทุกปี สมเด็จย่าฯ จะเสด็จขึ้นเกาะหินงามทุกปี เสด็จโดยเรือพระที่นั่งชื่อ เรือดำรงค์ราชานุภาพ  ซึ่งเมื่อก่อนคนจะไปเที่ยวก็ไปสองเกาะนี้เท่านั้น ส่วนเกาะอื่นๆ เช่นเกาะหินซ้อน ก็ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักหรือสนใจ ผมก็ได้แต่วิ่งเรือผ่านห่างๆเท่านั้น เพราะกฎของความปลอดภัยของการเดินเรือ จะต้องวิ่งห่างเกาะหรือหินใต้น้ำ กลางวัน 1 ไมล์ (1.8 กม.) กลางคืน 2 ไมล์
จากการที่ได้พูดคุยกับลุงแว ลุงแวบอกว่าสาเหตุที่ทำให้หน้าเกาะมีหาดกว้างและสูงกว่าอดีต เพราะคลื่นได้ซัดทรายเข้าฝั่ง จนทรายทับปะการัง ที่ผมพูดถึงจมทรายหมด ก็น่าจะมีส่วน เพราะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 40 ปี บนเกาะเวลาผมเอาเรือหลบคลื่นไปจอดที่หาดพัทยา เมื่อผมจะมาหน้าเกาะ บ้านกำนันจง ผมจะเดินผ่านทุ่งนา ลักษณะคล้ายนาข้าว แต่ไม่เคยเห็นต้นข้าว เพราะขาดน้ำมาก เมื่อก่อนได้แต่เก็บน้ำฝนไว้ใช้ มีที่บ้านกำนันเพียงบ้านเดียวเท่านั้นที่มีบ่อน้ำ คับวันหลังถ้านึกอะไรออก จะมาเล่าให้ฟังใหม่ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่