คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เล่าให้ฟังละกันค่ะ แม่เราเคยเซ้งตึกมาสองที่ เป็นการเซ้งเพื่ออยู่อาศัย ไม่ได้ทำการค้า
ที่แรก เข้าซอยแค่ 50 เมตร ใกล้แหล่งความเจริญ ตอนนั้นเซ้งมาแค่ 9 หมื่น สัญญา 20 ปี
แม่เราอยู่แค่สิบปีค่ะ แล้วเซ้งต่อที่ 9 หมื่น ราคาเท่าตอนซื้อ เท่ากับกำไรอยู่ฟรีไปสิบปี (เป็นการคิดแบบหยาบๆโดยไม่ได้รวมเงินเฟ้อ หรือผลตอบแทนจากเงินต้นนะคะ)
ที่ๆสอง เข้าซอย 80 เมตร ทำเลดีใกล้แหล่งความเจริญเช่นเดิม ค่าเซ้ง 280,000 สัญญา 29 ปี อยู่ไป 20 ปี
ตอนนี้ให้คนเช่าบ้านอยู่ค่ะ ไม่คิดจะเซ้งต่อ สัญญายังเหลืออีก 9 ปี คิดดูแล้วเซ้งจะถูกกว่าเช่ามากๆ ตกเดือนละแค่ 8 ร้อยกว่าบาทเท่านั้น
แค่เก็บค่าเช่าในช่วง 9 ปีที่เหลือนี้ ก็ถอนทุนคืนมาได้หมดแล้วค่ะ
ช่วงที่เซ้งมา ลูกๆทุกคนเก็บเงินได้ เต็มเม็ดเต็มหน่วย เลยทำให้แต่ละคนมีเงินไปซื้อบ้านกันโดยจ่ายสด
ถ้าสัญญาเซ้งหมด เราก็จะเซ้งต่อค่ะ ที่เคยถามมาราคาเซ้งของเราอยู่ที่แสนนึง/10 ปี
ถามว่าราคาอนาคตจะไปไกลแค่ไหน ไม่มีใครตอบได้ค่ะ ว่าบ้าน/ที่ดินจะแพงไปถึงไหน
แต่การที่แม่เราเซ้งตึกมา ทำให้มีช่วงระยะเวลาให้เก็บตัง ได้พักหายใจ แถมกำไรอยู่ฟรี
แล้วไม่ต้องเครียดมากในการผ่อนงวดแต่ละเดือนๆ ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย
ถ้าแม่ซื้อบ้านแล้วผ่อนแต่แรก ลูกๆอาจจะยังต้องช่วยกันผ่อนอยู่ค่ะ คงไม่มีโอกาสเก็บเงินได้มากพอ ตึกแถวสร้างใหม่ 3 ชั้นครึ่ง อยู่ติดกับของเรา ไปถามมาราคาเมื่อ 8 ปีก่อนคือ 5 ล้านบาท แต่ตึกเราแค่สองชั้น
....................
ข้อดีของการเซ้ง
- จ่ายเงินครั้งเดียว อยู่ได้ระยะยาว (ขึ้นกับสัญญาว่ากี่ปี)
- หมดภาระเรื่องการผ่อนในระหว่างที่อยู่ในสัญญา ช่วงนี้สามารถนำเงินไปลงทุน หรือ เก็บเงินได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
- ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกบอกเลิกสัญญาเช่า หรือ โดนไล่ที่ หากการค้าไปได้ดี
- ไม่มีค่าส่วนกลางรายเดือน
- สามารถเซ้งต่อได้ อาจจะได้กำไรหรือไม่ได้ ขึ้นกับทำเลและความต้องการของตลาด
- สามารถให้คนอื่นเช่าต่อได้ ส่วนมากค่าเช่าจะสูงกว่าถ้าคิดราคาเซ้งออกมาเป็นรายเดือน
ถ้าคิดแบบนักลงทุนคือได้กำไร ซึ่งถ้าเป็นการเช่าทั่วๆไปมักมีสัญญาว่าห้ามให้เช่าช่วง
- มีทะเบียนบ้านเหมือนบ้านปกติ ในทะเบียนบ้านเป็นเจ้าบ้านได้ ต่างกับการเช่า ทำการซื้อขายที่กรมที่ดิน มีหลักฐานทางราชการ
ข้อเสียก็มีเหมือนกัน
- ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่แท้จริง ไม่มีโฉนด
- มีจ่ายค่าเช่าที่รายเดือน แต่เป็นอัตราที่ต่ำ
(ตึกปัจจุบันของเราจ่ายเดือนละ 250 จะขึ้นครั้งละ 50 บาททุกๆสิบปี)
- ถ้าจะต่อเติม รีโนเวทอะไร ทำแค่พออยู่ได้ก็พอ เพราะไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง
ที่แรก เข้าซอยแค่ 50 เมตร ใกล้แหล่งความเจริญ ตอนนั้นเซ้งมาแค่ 9 หมื่น สัญญา 20 ปี
แม่เราอยู่แค่สิบปีค่ะ แล้วเซ้งต่อที่ 9 หมื่น ราคาเท่าตอนซื้อ เท่ากับกำไรอยู่ฟรีไปสิบปี (เป็นการคิดแบบหยาบๆโดยไม่ได้รวมเงินเฟ้อ หรือผลตอบแทนจากเงินต้นนะคะ)
ที่ๆสอง เข้าซอย 80 เมตร ทำเลดีใกล้แหล่งความเจริญเช่นเดิม ค่าเซ้ง 280,000 สัญญา 29 ปี อยู่ไป 20 ปี
ตอนนี้ให้คนเช่าบ้านอยู่ค่ะ ไม่คิดจะเซ้งต่อ สัญญายังเหลืออีก 9 ปี คิดดูแล้วเซ้งจะถูกกว่าเช่ามากๆ ตกเดือนละแค่ 8 ร้อยกว่าบาทเท่านั้น
แค่เก็บค่าเช่าในช่วง 9 ปีที่เหลือนี้ ก็ถอนทุนคืนมาได้หมดแล้วค่ะ
ช่วงที่เซ้งมา ลูกๆทุกคนเก็บเงินได้ เต็มเม็ดเต็มหน่วย เลยทำให้แต่ละคนมีเงินไปซื้อบ้านกันโดยจ่ายสด
ถ้าสัญญาเซ้งหมด เราก็จะเซ้งต่อค่ะ ที่เคยถามมาราคาเซ้งของเราอยู่ที่แสนนึง/10 ปี
ถามว่าราคาอนาคตจะไปไกลแค่ไหน ไม่มีใครตอบได้ค่ะ ว่าบ้าน/ที่ดินจะแพงไปถึงไหน
แต่การที่แม่เราเซ้งตึกมา ทำให้มีช่วงระยะเวลาให้เก็บตัง ได้พักหายใจ แถมกำไรอยู่ฟรี
แล้วไม่ต้องเครียดมากในการผ่อนงวดแต่ละเดือนๆ ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย
ถ้าแม่ซื้อบ้านแล้วผ่อนแต่แรก ลูกๆอาจจะยังต้องช่วยกันผ่อนอยู่ค่ะ คงไม่มีโอกาสเก็บเงินได้มากพอ ตึกแถวสร้างใหม่ 3 ชั้นครึ่ง อยู่ติดกับของเรา ไปถามมาราคาเมื่อ 8 ปีก่อนคือ 5 ล้านบาท แต่ตึกเราแค่สองชั้น
....................
ข้อดีของการเซ้ง
- จ่ายเงินครั้งเดียว อยู่ได้ระยะยาว (ขึ้นกับสัญญาว่ากี่ปี)
- หมดภาระเรื่องการผ่อนในระหว่างที่อยู่ในสัญญา ช่วงนี้สามารถนำเงินไปลงทุน หรือ เก็บเงินได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
- ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกบอกเลิกสัญญาเช่า หรือ โดนไล่ที่ หากการค้าไปได้ดี
- ไม่มีค่าส่วนกลางรายเดือน
- สามารถเซ้งต่อได้ อาจจะได้กำไรหรือไม่ได้ ขึ้นกับทำเลและความต้องการของตลาด
- สามารถให้คนอื่นเช่าต่อได้ ส่วนมากค่าเช่าจะสูงกว่าถ้าคิดราคาเซ้งออกมาเป็นรายเดือน
ถ้าคิดแบบนักลงทุนคือได้กำไร ซึ่งถ้าเป็นการเช่าทั่วๆไปมักมีสัญญาว่าห้ามให้เช่าช่วง
- มีทะเบียนบ้านเหมือนบ้านปกติ ในทะเบียนบ้านเป็นเจ้าบ้านได้ ต่างกับการเช่า ทำการซื้อขายที่กรมที่ดิน มีหลักฐานทางราชการ
ข้อเสียก็มีเหมือนกัน
- ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่แท้จริง ไม่มีโฉนด
- มีจ่ายค่าเช่าที่รายเดือน แต่เป็นอัตราที่ต่ำ
(ตึกปัจจุบันของเราจ่ายเดือนละ 250 จะขึ้นครั้งละ 50 บาททุกๆสิบปี)
- ถ้าจะต่อเติม รีโนเวทอะไร ทำแค่พออยู่ได้ก็พอ เพราะไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง
แสดงความคิดเห็น
รบกวนช่วยตัดสินใจด้วยค่ะ ระหว่าง เซ้งบ้าน กับ ซื้อบ้าน
ก่อนอื่นต้องแจ้งรายละเอียดก่อนนะคะว่า ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่อาคารพานิชย์ซึ่งเป็นแหล่งที่ค่อนข้างจะเจริญนะคะ ห่างจากป้ายรถเมล์ประมาน 500 เมตรโดยเป็นสัญญาเซ้งค่ะ 10 ปี เป็นจำนวน 400,000 บาท และต้องจ่ายค่าหน้าดินเดือนละ 500 โดยเราเองมีบ้านอยู่แล้วซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่เซ้งอยู่ 17 กิโลเมตร และในช่วงเวลาเร่งด่วนรถจะค่อนข้างติดมาก บ้านหลังนั้นไม่ได้อยู่มาหลายปีแล้วค่ะ เพราะมาเซ้งอาคารพานิชย์อยู่ โดยตอนนี้กำลังจะต้องต่อสัญญา โดยกำลังจะมีหมู่บ้านสร้างใหม่ห่างออกไปจากอาคารพานิชย์ที่อยู่ปัจจุบันประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นทาวน์โฮม ราคาเกือบ 3 ล้านบาท กำลังจะเปิด Pre-sale ตอนนี้เลยต้องตัดสินใจ ว่าจะไปจองบ้านแล้วเช่าอาคารพานิชย์หลังที่อยู่ต่อไปก่อนจนกว่าโครงการบ้านจะเสร็จ ซึ่งค่าเช่าอยู่ที่เดือนละ 7,000 บาทค่ะ ระหว่างผ่อนดาวน์บ้าน และค่าใช่จ่ายน่าจะเดือนละ 2 หมื่น กว่าบาท ในการผ่อนค่ะ (รายได้ต่อเดือนเราประมาณ 5 - 6 หมื่นบาทค่ะ ) ปลอดภาระ ถ้าเซ้งบ้านอยู่ก็สามารถนำเงินสดแต่ละเดือนไปลงทุนอย่างอื่นได้ เลยไม่รู้จะซื้อหรือเซ้งต่อค่ะ (บ้านที่อยู่ปัจจุบันอาคารพานิชย์ 4 ชั้นค่ะ ที่บ้านอยู่กัน 4 คน)
คำถามนะคะ
1. ถ้าเรามองในระยะยาว ราคาบ้าน + ดอกเบี้ย จะเป็นภาระหนักไปไหม เพราะบ้าน 3 ล้าน + ค่าตกแต่ง (บ้านห่างจากปากซอยประมาณ 2 กิโล เดินทางสะดวก )
2. ถ้าเซ้งอยู่ต่อก็จะเสียเงินก้อนซึ่งไม่มากแต่ก็จะเสียเปล่าไปอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องภาระหนี้สินระยะยาว
เลยอยากปรึกษาค่ะว่า ควรจะซื้อบ้าน หรือ เซ้งบ้านต่อไปดี อย่างไหนคุ้มกว่ากันในระยะยาวค่ะ
(ปล.กระทู้แรกค่ะ)