สายๆ ของวันหยุดปลายเดือนธันวาคม ใกล้จะหมดปี 2557แล้ว จิตใจและร่างกายเริ่มมีความต้องการวันหยุดยาวเพื่อพักผ่อน หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานต่อสู้ฝ่าฟันมาทั้งปี
ทริปนี้ผมเลือกสถานที่ใกล้ๆ เดินทางสะดวก (แต่ความจริงลำบากมากๆ)
เอาล่ะครับทริปนี้ผมขอตั้งชื่อว่า “ไปคนเดียว...เที่ยวสะโงะ” ขุนเขาที่ท่านสามารถชมทิวทัศน์ได้สามร้อยหกสิบองศา ขุนเขาแห่งสามอำเภอและสามประเทศ
เชียงแสน แม่จัน แม่สาย มองไปไกลๆยังเห็นเพื่อนบ้านอีกฝั่งโขง สปป.ลาว และ สหภาพเมียนมาร์ ทุกที่ทุกวิถีชีวิตเราสามารถมองเห็นได้จากจุดชมวิวของเขาลูกนี้ครับ ในวันที่อากาศปลอดโปร่งคุณสามารถชมทิวทัศน์ได้ไกลถึงกว่ายี่สิบกิโลเมตรเลยทีเดียวหละครับ
เริ่มต้นการเดินทางจากบ้านหลังเล็กๆที่อาศัย”หลวง”อยู่เพื่อซุกหัวนอน ในอำเภอเชียงแสน อาหารง่ายๆถูกจัดใส่ไว้ในกล่องข้าวของเซเว่นฯ
จิ้นส้มหมก(แหนมย่าง) แคบหมู ข้าวเหนียว พร้อมกับน้ำเปล่าขวดใหญ่ๆอีกสามขวด(ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าจะเอาไปอะไรกันขนาดนั้น)
เพียงชั่วครู่ก็เดินทางมาถึงทางเข้าบ้านสบรวกหนทางที่จะมุ่งไปสู่สะโงะแล้ว ถึงตรงนี้ผมต้องขอจอดรถเพื่อเช็คความเรียบร้อยของสัมภาระ และรถอีกครั้งนึงครับ ส่วนคนนั้นขอ คาราบาวแดง ขวดนึงก็เป็นอันพร้อมครับ
เกือบเที่ยงเห็นจะได้ครับ ระยะทางไม่ไกลมากนัก แต่ความยากของถนนที่ไม่เอื้อต่อรถผมเท่าไร ก็ทำเอาผมนี่ล้าไปเหมือนกัน ช่วงแรกจากทางเข้าบ้านสบรวกเป็นทางลาดยางพอจะวิ่งได้สบายๆ ช่วงต่อมาเป็นทางลาดยางแต่มีหลุมลึก ปะปนกับทรายสลับกับทางดินแดงเป็นระยะ ของจริงมันอยู่ตรงที่ช่วงสุดท้ายนี่หละครับ ตรงนี้เป็นทางที่เป็นหินประมาณหนึ่งกิโลเมตรเห็นจะได้ครับ สงสารยางรถมากๆ อีกนิดนึงที่ถัดจากถนนที่เป็นหินคราวนี้ทางดินแดงกับฝุ่นและทางลาดชันที่พร้อมจะทำให้คุณลงไปนอนเล่นกับถนนได้เลยทีเดียว
ขับขึ้นมาได้ไม่ไกล นั่นไง!!! ว่าแล้ว ไบค์เกอร์รุ่นใหญ่นอนเล่นอยู่กับถนนส่วนเจ้าของรถหายไปไหนกันหว่า ตอนนี้ผมต้องหาที่จอดที่เรียบๆครับ จากนั้นตามหาเจ้าของรถ หาได้อยู่สิบนาทีเห็นจะได้ ก็ตัดสินใจขับรถขึ้นไปต่อเผื่อจะเจอใครที่ยอดเขา
ขึ้นมาถึงจุดชมวิวของดอยสะโงะ ไม่ไกลจากที่รถล้ม ภารกิจแรกเลยคือต้องตามหาเจ้าของรถล่ะครับ คือไม่ได้อยากจะไปยุ่งอะไรมากมายแต่เผื่อว่าท่านต้องการความช่วยเหลือ ทันทีก็เหลือบไปเห็นชอปเปอร์คันงามจอดอยู่ไม่ไกล จึงเข้าไปถามจึงได้ความครับ คือพี่เขาขึ้นมาแล้วรถมีอาการลื่นไถลจึงทำให้ล้มไม่เป็นท่าอย่างนั้น ตอนนั้นคนป่วยส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วครับถึงกับต้องผ่าตัดกันเลย เพราะรถเจ้ากรรมดันไปทับข้อเท้าพี่ท่านเข้าให้และด้วยน้ำหนักของบิ๊กไบค์ที่มีมากก็ได้ผลอย่างที่เล่าไปนั่นหละครับ (หวังว่าตอนนี้คงหายดีแล้วนะครับ เอาใจช่วยครับจะได้กลับมาขับรถด้วยกัน)
ลานของจุดชมวิวดอยสะโงะถือว่าเป็นจุดหมายของทริปนี้ จุดชมวิวสามอำเภอสามประเทศ คุ้มค่าเหนื่อยครับ บนนี้เป็นเขาที่มีลานโล่งๆ มีที่สำหรับกางเต็นท์ได้ประมาณห้าสิบหลัง อากาศวันนี้ก็เป็นใจครับ ไม่มีหมอกควันแม้แต่น้อย อีกทั้งแดดก็ไม่แรงมาก สมบูรณ์แบบสุดๆครับ
หลังจากที่ได้เจอกับเจ้าของชอปเปอร์คันงามก็ได้คุยกันนิดหน่อยครับ ระหว่างที่รอทีมงานมารับรถที่ล้มกลับบ้าน ก็มีโอกาสแลกเปลี่ยนพูดคุยกันนานาจิตตัง ซึ่งก็มีน้ำเชื่อมสัมพันธ์ยี่ห้อแมวหน้ายักษ์(บอกว่าลีโอน่าจะเข้าใจกว่า ฮ่าๆๆ) หมดไปหกขวด เริ่มมีอาการมึนๆ ก็ได้ปลากระป๋องมาช่วยให้คลายความเมาลงได้บ้างครับ (บนนี้มีร้านค้าเล็กๆน่ารักอยู่ร้านนึงครับ น่ามาอุดหนุนกันครับ)
บ่ายสองแยกย้ายกันกลับครับ จุดหมายต่อไปของผมครับ นี่เลย ”โครงการหลวงดอยสะโงะ” ไฮไลท์ของทริปนี้ต้องมาถ่ายรูปกับดอกเก๊กฮวย ซึ่ง ททท. ได้ประชาสัมพันธ์ไว้ในเวปไซค์ไว้นานแล้ว ซึ่งช่วงทึ่ผมมานี่ก็เริ่มมีการเก็บเกี่ยวกันไปเกือบหมดแล้วครับ เหลือเพียงดอกเก็กฮวยที่ยังบานสะพรั่งไม่ได้เก็บเกี่ยวประมาณหนึ่งไร่ ก็คุ้มค่าแหละครับ สมใจอยาก สวยงามจริงๆ
หลังจากนั้นก็เดินต่อไปรอบๆของโครงการหลวง ซึ่งมีทั้งโรงเพาะกวางตุ้ง ดอกหน้าวัว กระเจี๊ยบ กล้วยไม้ และพืชดอกพืชผลเศรษฐกิจอีกหลากหลายชนิดครับ
ตอนนี้เริ่มรู้สึกหิวอีกแล้วครับ กับข้าวที่เตรียมไว้คงต้องถึงเวลานำมาจัดการแล้ว หามุมสงบส่วนตัว ห้างนาน่าจะเหมาะที่สุดในเวลานี้ครับ เมื่อได้ห้างนาที่ถูกใจอยู่ในโครงการหลวงก็ถึงเวลามื้อเที่ยง อิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อพิเศษ ก็พักสายตาสักครู่ ตื่นมาอีกที มองนาฬิกาก็เกือบสี่โมงเย็น
ก็คงได้เวลาอันสมควรที่จะกลับ
ทริปนี้ “ไปคนเดียว...เที่ยวสะโงะ” ทำให้ผมรู้ว่า มนุษย์ไม่ได้ยิ่งใหญ่เกินไปกว่าธรรมชาติเลย เราต้องเรียนรู้และปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ สร้างสมดุลให้กันและกัน เราพึ่งธรรมชาติและธรรมชาติพึ่งเรา สร้างให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
เหนือสิ่งอื่นใด “มิตรภาพ” ระหว่างการเดินทาง ขอบคุณอ้ายเบล(ร้านหลองเข้า แม่สาย) เจ้าของรถชอปเปอร์เท่ห์ๆ ที่มาแบ่งปันประสบการณ์การเดินทาง อีกทั้งเจ้าของCB500Xขอให้หายไวๆนะครับ โอกาสหน้าคงได้ร่วมเดินทางด้วยกันครับ
ขอบคุณธรรมชาติ ขอบคุณผู้คน ขอบคุณมิตรภาพ ขอบคุณ ขอบคุณ จริงๆครับ
ปล.ทริปนี้รูปน้อยไปหน่อยนะครับ ขออภัยที่ไม่ได้เก็บภาพมาฝาก โอกาสหน้าไม่พลาดครับ
นายจ๊อบ
ธันวาคม 2557
[CR] ไปคนเดียว...เที่ยวสะโงะ
ทริปนี้ผมเลือกสถานที่ใกล้ๆ เดินทางสะดวก (แต่ความจริงลำบากมากๆ)
เอาล่ะครับทริปนี้ผมขอตั้งชื่อว่า “ไปคนเดียว...เที่ยวสะโงะ” ขุนเขาที่ท่านสามารถชมทิวทัศน์ได้สามร้อยหกสิบองศา ขุนเขาแห่งสามอำเภอและสามประเทศ
เชียงแสน แม่จัน แม่สาย มองไปไกลๆยังเห็นเพื่อนบ้านอีกฝั่งโขง สปป.ลาว และ สหภาพเมียนมาร์ ทุกที่ทุกวิถีชีวิตเราสามารถมองเห็นได้จากจุดชมวิวของเขาลูกนี้ครับ ในวันที่อากาศปลอดโปร่งคุณสามารถชมทิวทัศน์ได้ไกลถึงกว่ายี่สิบกิโลเมตรเลยทีเดียวหละครับ
เริ่มต้นการเดินทางจากบ้านหลังเล็กๆที่อาศัย”หลวง”อยู่เพื่อซุกหัวนอน ในอำเภอเชียงแสน อาหารง่ายๆถูกจัดใส่ไว้ในกล่องข้าวของเซเว่นฯ
จิ้นส้มหมก(แหนมย่าง) แคบหมู ข้าวเหนียว พร้อมกับน้ำเปล่าขวดใหญ่ๆอีกสามขวด(ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าจะเอาไปอะไรกันขนาดนั้น)
เพียงชั่วครู่ก็เดินทางมาถึงทางเข้าบ้านสบรวกหนทางที่จะมุ่งไปสู่สะโงะแล้ว ถึงตรงนี้ผมต้องขอจอดรถเพื่อเช็คความเรียบร้อยของสัมภาระ และรถอีกครั้งนึงครับ ส่วนคนนั้นขอ คาราบาวแดง ขวดนึงก็เป็นอันพร้อมครับ
เกือบเที่ยงเห็นจะได้ครับ ระยะทางไม่ไกลมากนัก แต่ความยากของถนนที่ไม่เอื้อต่อรถผมเท่าไร ก็ทำเอาผมนี่ล้าไปเหมือนกัน ช่วงแรกจากทางเข้าบ้านสบรวกเป็นทางลาดยางพอจะวิ่งได้สบายๆ ช่วงต่อมาเป็นทางลาดยางแต่มีหลุมลึก ปะปนกับทรายสลับกับทางดินแดงเป็นระยะ ของจริงมันอยู่ตรงที่ช่วงสุดท้ายนี่หละครับ ตรงนี้เป็นทางที่เป็นหินประมาณหนึ่งกิโลเมตรเห็นจะได้ครับ สงสารยางรถมากๆ อีกนิดนึงที่ถัดจากถนนที่เป็นหินคราวนี้ทางดินแดงกับฝุ่นและทางลาดชันที่พร้อมจะทำให้คุณลงไปนอนเล่นกับถนนได้เลยทีเดียว
ขับขึ้นมาได้ไม่ไกล นั่นไง!!! ว่าแล้ว ไบค์เกอร์รุ่นใหญ่นอนเล่นอยู่กับถนนส่วนเจ้าของรถหายไปไหนกันหว่า ตอนนี้ผมต้องหาที่จอดที่เรียบๆครับ จากนั้นตามหาเจ้าของรถ หาได้อยู่สิบนาทีเห็นจะได้ ก็ตัดสินใจขับรถขึ้นไปต่อเผื่อจะเจอใครที่ยอดเขา
ขึ้นมาถึงจุดชมวิวของดอยสะโงะ ไม่ไกลจากที่รถล้ม ภารกิจแรกเลยคือต้องตามหาเจ้าของรถล่ะครับ คือไม่ได้อยากจะไปยุ่งอะไรมากมายแต่เผื่อว่าท่านต้องการความช่วยเหลือ ทันทีก็เหลือบไปเห็นชอปเปอร์คันงามจอดอยู่ไม่ไกล จึงเข้าไปถามจึงได้ความครับ คือพี่เขาขึ้นมาแล้วรถมีอาการลื่นไถลจึงทำให้ล้มไม่เป็นท่าอย่างนั้น ตอนนั้นคนป่วยส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วครับถึงกับต้องผ่าตัดกันเลย เพราะรถเจ้ากรรมดันไปทับข้อเท้าพี่ท่านเข้าให้และด้วยน้ำหนักของบิ๊กไบค์ที่มีมากก็ได้ผลอย่างที่เล่าไปนั่นหละครับ (หวังว่าตอนนี้คงหายดีแล้วนะครับ เอาใจช่วยครับจะได้กลับมาขับรถด้วยกัน)
ลานของจุดชมวิวดอยสะโงะถือว่าเป็นจุดหมายของทริปนี้ จุดชมวิวสามอำเภอสามประเทศ คุ้มค่าเหนื่อยครับ บนนี้เป็นเขาที่มีลานโล่งๆ มีที่สำหรับกางเต็นท์ได้ประมาณห้าสิบหลัง อากาศวันนี้ก็เป็นใจครับ ไม่มีหมอกควันแม้แต่น้อย อีกทั้งแดดก็ไม่แรงมาก สมบูรณ์แบบสุดๆครับ
หลังจากที่ได้เจอกับเจ้าของชอปเปอร์คันงามก็ได้คุยกันนิดหน่อยครับ ระหว่างที่รอทีมงานมารับรถที่ล้มกลับบ้าน ก็มีโอกาสแลกเปลี่ยนพูดคุยกันนานาจิตตัง ซึ่งก็มีน้ำเชื่อมสัมพันธ์ยี่ห้อแมวหน้ายักษ์(บอกว่าลีโอน่าจะเข้าใจกว่า ฮ่าๆๆ) หมดไปหกขวด เริ่มมีอาการมึนๆ ก็ได้ปลากระป๋องมาช่วยให้คลายความเมาลงได้บ้างครับ (บนนี้มีร้านค้าเล็กๆน่ารักอยู่ร้านนึงครับ น่ามาอุดหนุนกันครับ)
บ่ายสองแยกย้ายกันกลับครับ จุดหมายต่อไปของผมครับ นี่เลย ”โครงการหลวงดอยสะโงะ” ไฮไลท์ของทริปนี้ต้องมาถ่ายรูปกับดอกเก๊กฮวย ซึ่ง ททท. ได้ประชาสัมพันธ์ไว้ในเวปไซค์ไว้นานแล้ว ซึ่งช่วงทึ่ผมมานี่ก็เริ่มมีการเก็บเกี่ยวกันไปเกือบหมดแล้วครับ เหลือเพียงดอกเก็กฮวยที่ยังบานสะพรั่งไม่ได้เก็บเกี่ยวประมาณหนึ่งไร่ ก็คุ้มค่าแหละครับ สมใจอยาก สวยงามจริงๆ
หลังจากนั้นก็เดินต่อไปรอบๆของโครงการหลวง ซึ่งมีทั้งโรงเพาะกวางตุ้ง ดอกหน้าวัว กระเจี๊ยบ กล้วยไม้ และพืชดอกพืชผลเศรษฐกิจอีกหลากหลายชนิดครับ
ตอนนี้เริ่มรู้สึกหิวอีกแล้วครับ กับข้าวที่เตรียมไว้คงต้องถึงเวลานำมาจัดการแล้ว หามุมสงบส่วนตัว ห้างนาน่าจะเหมาะที่สุดในเวลานี้ครับ เมื่อได้ห้างนาที่ถูกใจอยู่ในโครงการหลวงก็ถึงเวลามื้อเที่ยง อิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อพิเศษ ก็พักสายตาสักครู่ ตื่นมาอีกที มองนาฬิกาก็เกือบสี่โมงเย็น
ก็คงได้เวลาอันสมควรที่จะกลับ
ทริปนี้ “ไปคนเดียว...เที่ยวสะโงะ” ทำให้ผมรู้ว่า มนุษย์ไม่ได้ยิ่งใหญ่เกินไปกว่าธรรมชาติเลย เราต้องเรียนรู้และปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ สร้างสมดุลให้กันและกัน เราพึ่งธรรมชาติและธรรมชาติพึ่งเรา สร้างให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
เหนือสิ่งอื่นใด “มิตรภาพ” ระหว่างการเดินทาง ขอบคุณอ้ายเบล(ร้านหลองเข้า แม่สาย) เจ้าของรถชอปเปอร์เท่ห์ๆ ที่มาแบ่งปันประสบการณ์การเดินทาง อีกทั้งเจ้าของCB500Xขอให้หายไวๆนะครับ โอกาสหน้าคงได้ร่วมเดินทางด้วยกันครับ
ขอบคุณธรรมชาติ ขอบคุณผู้คน ขอบคุณมิตรภาพ ขอบคุณ ขอบคุณ จริงๆครับ
ปล.ทริปนี้รูปน้อยไปหน่อยนะครับ ขออภัยที่ไม่ได้เก็บภาพมาฝาก โอกาสหน้าไม่พลาดครับ
นายจ๊อบ
ธันวาคม 2557