กรณีกระเป๋ารถเมล์สาย 203 อีกอุธาหรณ์"มนุษย์กล้อง"และสังคมอุดมดราม่า

เป็นอีกครั้งที่คลิปภาพหลังเหตุการณ์ถูกทำมาใช้เป็นเชื้อไฟดราม่าให้กับสังคมออนไลน์แบบไทยๆ ที่พร้อมใจจะเชื่อในทุกเรื่องที่"เค้าเล่าว่า"โดยสมองที่เต็มถมไปด้วยอคติและขาดวิจารณญาณไต่ตรอง  

ต้องบอกก่อนว่าก่อนได้ดูคลิป เห็นชื่อคลิป "แค่ไม่มีเงินค่าตั๋ว กระเป๋ารถเมล์ผลักเด็กลงจากรถเมล์ !! - YouTube"  ก็ตกใจว่า ทำไมคนสมัยนี้ใจคอโหดร้ายจังเลย  แต่พอเปิดไปดูคลิป เป็นภาพน้องนั่งดราม่าอยู่กับป้าคนถ่ายคลิป หาใช่คลิปตอนโดนผลักลงจากรถไม่ (อันนี้โดนไป 1 ดอก)

หลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่โดยหลายสำนักข่าว โดยผมขอตั้งข้อสังเกตจากข่าวสองสำนัก คือ ช่องสาม และ ไทยรัฐ

๑. เด็กผู้ชายในคลิป ไม่ใช่ใช่เด็กชาย เป็นนายอายุ ๑๙ ปี ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ

๒. น้องมีอาการทางสมอง เคยผ่าตัดและฉายรังสี มีผลให้หลายครั้งควบคุมอารมณ์ไม่ได้  (จากปากคำของแม่บุญธรรม)

๓. แม่บุญธรรมแจ้งว่าปกติจะไม่ให้เด็กออกไปไหนมาคนเดียว แต่เด็กหนีออกไปเที่ยว  

๔. กระเป๋าไม่ได้ต้องการเงินจากน้องจริงๆถึงขนาดขู่เข็ญให้จ่าย แต่เป็นการแหย่เล่นด้วยความเอ็นดูเท่านั้น ซึ่งทำมาหลายครั้งแล้ว

๕. น้องไม่พอใจและมีการเริ่มจะทำร้ายร่างกายกระเป๋ารถเมล์ มีการโยนกระเป๋าใส่

๔. การที่รถเมล์จอดให้น้องลงเพราะมีการปะทะกันบนรถ ส่วนตัวมองว่าเพื่อความปลอดภัยทุกคน การให้น้องลงเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้ว

๖. กระเป๋ารถเมล์เตะกระเป๋าสะพายน้องที่ตกอยู่บนรถลงมาที่ฟุตบาทเพื่อให้น้องตามลงมาเก็บและให้ลงจากรถ

๗. น้องเดินลงมาจากรถ ไม่ได้โดนผลักลงมา และหลังจากลงจากรถแล้วได้ล้มลงที่ฟุตบาท (คนขายไก่บอกว่าน้องอาจจะสะดุดอะไรสักอย่างเพราะขาไม่ดี)

๘. มีรถที่ขับตามมาเห็นจังหวะน้องล้มอยู่ร้องไห้ และรถเมล์ขับออกไป ทำให้ให้สัมภาษณ์ว่า "นี่มันไม่ใช่คนไทยแล้ว"  

๙. มีคนที่เดินอยู่แถวนั้นจับน้องมานั่งสัมภาษณ์ในลักษณะมีอารมณ์ร่วมสูงทั้งที่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและถ่ายคลิปน้องเอามาลงโดยพาดหัวว่า "...กระเป๋ารถเมล์ผลักเด็กลงจากรถเมล์"  (ความจริงตรงนี้กระเป๋าสมารถฟ้องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาได้ด้วยซ้ำนะ)


ทั้งนี้จขกท.ไม่ได้ตั้งใจจะสื่อว่าต้องเข้าข้างใคร ใครถูกหรือผิด เพราะเชื่อว่ามีส่วนผิดด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่อยากให้สังคมใช้วิจารณญาณที่มากขึ้นในยุคที่ทุกคนมีกล้องและพร้อมจะทำตัวเป็นสื่อ ทั้งคนถ่ายและแชร์อยากให้มีความรับผิดชอบต่อคอนเทนต์ของตัวเอง และผู้เสพข่าวอย่างเราๆให้มีวิจารณญาณมากขึ้นก่อนตัดสินคนอื่นๆ  เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทั้งพี่รองเท้า คู่ทอมดี้ และอีกหลายเคสก่อนหน้านี้ควรจะเป็นบทเรียนให้กับสังคมบ้าง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่