[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ http://ppantip.com/topic/32369793
http://ppantip.com/topic/32351391
http://ppantip.com/topic/32855033
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้อาจจะไม่ใช่กระทู้แรกนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้ ณ วันนี้ (21 มกราคม 58) ครบ 301 วัน ที่เราต้องตกอยู่ในสภาพที่เดินไม่ได้เหมือนคนปกติอื่นๆทั่วไป เราอยากมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่มีความทุกข์ ได้ต่อสู้ ได้มีกำลังใจ ได้เข้มแข็ง บางคนอาจจะคิดว่าสู้มาทั้งชีวิตแล้ว ทำไมยังไม่สำเร็จสักที เราเองเช่นกันค่ะ เราก็ยังต้องต่อสู้ต่อไปเช่นกัน แม้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงที่สุดที่ไม่ต้องสู้อีกต่อไปสักที
ย้อนหลังไปเมื่อห้าทุ่มครึ่งของคืนวันที่ 26 มีนาคม 57 รถยนต์ที่เราโดยสารมาโดยชนเข้าเต็มๆทางด้านประตูฝั่งคนนั่ง ส่งผลให้เราบาดเจ็บสาหัสที่สุดในชีวิต ทำให้สามเดือนหลังจากนั้น เราต้องนอนอยู่บนเตียง ใช้ชีวิตอยู่บนเตียงได้เท่านั้นจริง ขาทั้ง 2 ข้าง ไม่มีโอกาสสักนิดที่จะได้สัมผัสพื้น (ผลจากขาทั้งสองข้างหัก ทั้งเข้าเฝือก ทั้งผ่าตัดใส่เหล็ก เชิงกรานหัก สันหลังเคลื่อน ปอดฉีกทั้ง 2 ข้าง) เราทรมานมาก เราต้องเริ่มฝึกนั่ง ฝึกยืน ฝึกเดิน ทุกอย่างที่เราต้องทำ ทำบนความเจ็บปวดทั้งสิ้น แต่เราก็ผ่านมันมาได้ ยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่ได้นั่งรถเข็นออกมาข้างนอก หลังจากที่ต้องอยู่บนเตียงตลอดสามเดือนได้ดีเลยค่ะ ว่าดีใจมากแค่ไหน
เดือนที่ 6 หลังจากอุบัติเหตุ (เดือนกันยายน 57) เราต้องทำการผ่าตัดอีกครั้ง เนื่องจากข้อเท้าขวาเราปลายเท้าจิกลงพื้น เท้าผิดรูป ข้อเท้ายึด กระดกขึ้นลงไม่ได้ ขาขวาเราเลยลงพื้นไม่ได้ ขาขวาทั้งขาโก่ง แต่ครั้งนี้เราย้ายมารพ.ศิริราช เราร้องไห้โฮเลยหลังจากอ.หมอบอกว่าต้องผ่านะ แต่เราก็ต้องทำใจ เรากลัวเจ็บ (ทั้งๆที่ผ่านมาเจ็บกว่าเยอะ แต่ก็ไม่วายจะกลัว) กลัวเข็ม กลัวไปหมด แต่พอถึงเวลา การผ่าตัดครั้งนี้ทำให้เท้าลงพื้นได้ดีมากขึ้น แม้ขาจะโก่งและเท้ายังตะแคงอยู่ก็ตาม หลังจากนั้นคุณหมอให้เรากลับมากายภาพดูไปเรื่อยๆ เราลองฝึกเดินอีกครั้ง แม้จะเจ็บ แต่เราก็อดทน เราอยากจะเดินได้ปกติแบบคนอื่นบ้างแล้ว
เดือนที่ 9 หลังจากอุบัติเหตุ (เดือนธันวาคม 57) เรากลับต้องพบกับความเจ็บปวดทรมานอีกครั้ง ครั้งนี้มากขึ้นกว่าเดิม คงเพราะสภาพอากาศที่เย็น บางคนอาจจะบอกว่า อากาศกำลังดี เย็นสบาย ได้ใส่เสื้อกันหนาวสีสวย แต่สำหรับเรามันคือนรกดีๆนี่เอง (เป็นนรกที่ไม่มีกะทะทองแดงค่ะ ไม่มีความร้อนเลย อิอิ) เราปวดมาก ทั้งปวด ทั้งเจ็บ ขาทั้งสองเราแทบจะใช้การไม่ได้เลย เดินแต่ละก้าวน้ำตาแทบไหล บ่อยครั้งที่เราร้องไห้ ร้องไห้เพราะเจ็บปวด เราต้องกลับมากินยาอีกครั้ง celebrex (ซีลีเบรกซ์) กินวันละ 400 mg อยากจะบอกว่ายังเอาไม่อยู่ แม้แต่ขณะนี้เราก็ยังกินอยู่ ทุกก้าวที่เราเดิน (เดินด้วยวอกเกอร์ค่ะ ยังเดินเองไม่ได้) เราเดินบนความเจ็บปวดทุกก้าวจริงๆ
เดือนที่10 หลังจากอุบัติเหตุ ณ วันนี้ 21 ม.ค. 58 ผ่านมา 301 วันแล้ว เราก็ยังต้องสู้ต่อไป เพราะอีก 8 วันข้างหน้า (29 ม.ค. 58) เราต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง ครั้งนี้เราต้องผ่าเพื่อใส่เหล็กที่บริเวณเข่าข้างขวา เพราะผลจากที่กระดูกตรงเข่าติดผิดที่ผิดทาง ทำขาเราโค้งโก้ง กระดูกหน้าแข้งเลยโก่งอย่างมาก และอาจจะผ่าบริเวณข้อเท้าพร้อมไปด้วยเลยพร้อมๆกัน แต่ครั้งนี้เราเข้มแข็ง ออกจากห้องหมอเราไม่ร้องไห้แล้ว เราเตรียมใจแล้วว่าต้องมีวันนี้ เราคิดแต่ว่าเราจะได้เหมือนคนอื่นเขาสักที ที่ผ่านมาเราจิตตกหลายครั้ง ยามที่เราเจอสายตาแปลกๆของคนที่สวนทางกับเรา ที่มักจะมองมาที่เราตอนที่เรานั่งรถเข็น (เรายังต้องนั่งรถเข็นเป็นส่วนใหญ่) เราก็พยายามที่จะเข้าใจว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจ แต่พอเจอสายตาที่มองเราแบบเหลียวหลังแล้วจิตตกทันที
เราอยากเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ แม้เราจะเป็นเพียงกำลังใจเสี้ยวเล็กๆ แต่เราเชื่อว่ากำลังใจสำคัญที่สุด ทุกวันนี้เราอยู่ได้เพราะกำลังใจจริงๆ ขาข้างขวาเราสั้นกว่าข้างซ้าย 2.5 ซม. เราก็ได้กำลังใจดีๆทำให้เรายอมรับมันได้ แม้ว่าต่อไปนี้รองเท้าทุกคู่ของเรา จะต้องเสริมส้นเป็นพิเศษ ถึงแม้จะไม่สามารถเดินเท้าเปล่าได้แม้แต่ในบ้านตัวเอง แต่เราเข้าใจ และยอมรับได้แล้ว สู้นะคะ เราก็จะสู้ อีก 8 วัน เราก็จะต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดจากทั้งแผลผ่าตัด ต่อสู้จากการแพ้ยาสลบ ต่อสู้จากความเจ็บปวดที่ต้องกายภาพ ต่อสู้กับความอดทนที่ต้องรอคอยให้ถึวันที่จะกลับมาปกติได้เหมือนเดิม
ขอบคุณกำลังใจจากเพื่อนๆพันทิปทุกคนค่ะ เราได้รับกำลังใจมากมายจากกระทู้ก่อนๆ เราไม่เคยลืม เราเปิดอ่านซ้ำไปมา ทุกข้อความทำให้เรายิ้มได้ ทุกๆคนคือกำลังใจที่ดีมากจริงๆค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ปล. เผื่อคนสงสัยค่ะ ล็อคอิน Jeabjeab_tj กับ ล็อคอิน tiutiu คือเราเขียนเองทั้งคู่ แต่ที่ใช่ jeabjeab_tj เพราะตอนนั้นจำ พลาสเวิด tiutiu ไม่ได้ค่ะ
@บอกเล่า 301 วัน ที่ฉันยังเดินไม่ได้เหมือนคนปกติ @ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้อาจจะไม่ใช่กระทู้แรกนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้ ณ วันนี้ (21 มกราคม 58) ครบ 301 วัน ที่เราต้องตกอยู่ในสภาพที่เดินไม่ได้เหมือนคนปกติอื่นๆทั่วไป เราอยากมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่มีความทุกข์ ได้ต่อสู้ ได้มีกำลังใจ ได้เข้มแข็ง บางคนอาจจะคิดว่าสู้มาทั้งชีวิตแล้ว ทำไมยังไม่สำเร็จสักที เราเองเช่นกันค่ะ เราก็ยังต้องต่อสู้ต่อไปเช่นกัน แม้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงที่สุดที่ไม่ต้องสู้อีกต่อไปสักที
ย้อนหลังไปเมื่อห้าทุ่มครึ่งของคืนวันที่ 26 มีนาคม 57 รถยนต์ที่เราโดยสารมาโดยชนเข้าเต็มๆทางด้านประตูฝั่งคนนั่ง ส่งผลให้เราบาดเจ็บสาหัสที่สุดในชีวิต ทำให้สามเดือนหลังจากนั้น เราต้องนอนอยู่บนเตียง ใช้ชีวิตอยู่บนเตียงได้เท่านั้นจริง ขาทั้ง 2 ข้าง ไม่มีโอกาสสักนิดที่จะได้สัมผัสพื้น (ผลจากขาทั้งสองข้างหัก ทั้งเข้าเฝือก ทั้งผ่าตัดใส่เหล็ก เชิงกรานหัก สันหลังเคลื่อน ปอดฉีกทั้ง 2 ข้าง) เราทรมานมาก เราต้องเริ่มฝึกนั่ง ฝึกยืน ฝึกเดิน ทุกอย่างที่เราต้องทำ ทำบนความเจ็บปวดทั้งสิ้น แต่เราก็ผ่านมันมาได้ ยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่ได้นั่งรถเข็นออกมาข้างนอก หลังจากที่ต้องอยู่บนเตียงตลอดสามเดือนได้ดีเลยค่ะ ว่าดีใจมากแค่ไหน
เดือนที่ 6 หลังจากอุบัติเหตุ (เดือนกันยายน 57) เราต้องทำการผ่าตัดอีกครั้ง เนื่องจากข้อเท้าขวาเราปลายเท้าจิกลงพื้น เท้าผิดรูป ข้อเท้ายึด กระดกขึ้นลงไม่ได้ ขาขวาเราเลยลงพื้นไม่ได้ ขาขวาทั้งขาโก่ง แต่ครั้งนี้เราย้ายมารพ.ศิริราช เราร้องไห้โฮเลยหลังจากอ.หมอบอกว่าต้องผ่านะ แต่เราก็ต้องทำใจ เรากลัวเจ็บ (ทั้งๆที่ผ่านมาเจ็บกว่าเยอะ แต่ก็ไม่วายจะกลัว) กลัวเข็ม กลัวไปหมด แต่พอถึงเวลา การผ่าตัดครั้งนี้ทำให้เท้าลงพื้นได้ดีมากขึ้น แม้ขาจะโก่งและเท้ายังตะแคงอยู่ก็ตาม หลังจากนั้นคุณหมอให้เรากลับมากายภาพดูไปเรื่อยๆ เราลองฝึกเดินอีกครั้ง แม้จะเจ็บ แต่เราก็อดทน เราอยากจะเดินได้ปกติแบบคนอื่นบ้างแล้ว
เดือนที่ 9 หลังจากอุบัติเหตุ (เดือนธันวาคม 57) เรากลับต้องพบกับความเจ็บปวดทรมานอีกครั้ง ครั้งนี้มากขึ้นกว่าเดิม คงเพราะสภาพอากาศที่เย็น บางคนอาจจะบอกว่า อากาศกำลังดี เย็นสบาย ได้ใส่เสื้อกันหนาวสีสวย แต่สำหรับเรามันคือนรกดีๆนี่เอง (เป็นนรกที่ไม่มีกะทะทองแดงค่ะ ไม่มีความร้อนเลย อิอิ) เราปวดมาก ทั้งปวด ทั้งเจ็บ ขาทั้งสองเราแทบจะใช้การไม่ได้เลย เดินแต่ละก้าวน้ำตาแทบไหล บ่อยครั้งที่เราร้องไห้ ร้องไห้เพราะเจ็บปวด เราต้องกลับมากินยาอีกครั้ง celebrex (ซีลีเบรกซ์) กินวันละ 400 mg อยากจะบอกว่ายังเอาไม่อยู่ แม้แต่ขณะนี้เราก็ยังกินอยู่ ทุกก้าวที่เราเดิน (เดินด้วยวอกเกอร์ค่ะ ยังเดินเองไม่ได้) เราเดินบนความเจ็บปวดทุกก้าวจริงๆ
เดือนที่10 หลังจากอุบัติเหตุ ณ วันนี้ 21 ม.ค. 58 ผ่านมา 301 วันแล้ว เราก็ยังต้องสู้ต่อไป เพราะอีก 8 วันข้างหน้า (29 ม.ค. 58) เราต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง ครั้งนี้เราต้องผ่าเพื่อใส่เหล็กที่บริเวณเข่าข้างขวา เพราะผลจากที่กระดูกตรงเข่าติดผิดที่ผิดทาง ทำขาเราโค้งโก้ง กระดูกหน้าแข้งเลยโก่งอย่างมาก และอาจจะผ่าบริเวณข้อเท้าพร้อมไปด้วยเลยพร้อมๆกัน แต่ครั้งนี้เราเข้มแข็ง ออกจากห้องหมอเราไม่ร้องไห้แล้ว เราเตรียมใจแล้วว่าต้องมีวันนี้ เราคิดแต่ว่าเราจะได้เหมือนคนอื่นเขาสักที ที่ผ่านมาเราจิตตกหลายครั้ง ยามที่เราเจอสายตาแปลกๆของคนที่สวนทางกับเรา ที่มักจะมองมาที่เราตอนที่เรานั่งรถเข็น (เรายังต้องนั่งรถเข็นเป็นส่วนใหญ่) เราก็พยายามที่จะเข้าใจว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจ แต่พอเจอสายตาที่มองเราแบบเหลียวหลังแล้วจิตตกทันที
เราอยากเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ แม้เราจะเป็นเพียงกำลังใจเสี้ยวเล็กๆ แต่เราเชื่อว่ากำลังใจสำคัญที่สุด ทุกวันนี้เราอยู่ได้เพราะกำลังใจจริงๆ ขาข้างขวาเราสั้นกว่าข้างซ้าย 2.5 ซม. เราก็ได้กำลังใจดีๆทำให้เรายอมรับมันได้ แม้ว่าต่อไปนี้รองเท้าทุกคู่ของเรา จะต้องเสริมส้นเป็นพิเศษ ถึงแม้จะไม่สามารถเดินเท้าเปล่าได้แม้แต่ในบ้านตัวเอง แต่เราเข้าใจ และยอมรับได้แล้ว สู้นะคะ เราก็จะสู้ อีก 8 วัน เราก็จะต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดจากทั้งแผลผ่าตัด ต่อสู้จากการแพ้ยาสลบ ต่อสู้จากความเจ็บปวดที่ต้องกายภาพ ต่อสู้กับความอดทนที่ต้องรอคอยให้ถึวันที่จะกลับมาปกติได้เหมือนเดิม
ขอบคุณกำลังใจจากเพื่อนๆพันทิปทุกคนค่ะ เราได้รับกำลังใจมากมายจากกระทู้ก่อนๆ เราไม่เคยลืม เราเปิดอ่านซ้ำไปมา ทุกข้อความทำให้เรายิ้มได้ ทุกๆคนคือกำลังใจที่ดีมากจริงๆค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้