สวัสดีค่ะ พอดีเมื่อคืนมีโอกาสได้ไปดูหนังเรื่องนี้ รอบพิเศษในระบบ IMAX
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำเสนอในมุมมองของ คริส ไคล์ คาวบอยหนุ่มจาก Texas ชายผู้ผันตัวเองมารับใช้ชาติ เข้ารับการฝึกฝนและผ่านหลักสูตรในหน่วยSEAL และผ่านสนามรบมา4ครั้งใหญ่ๆ
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเทคนิคในการเล่าเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากมากนัก หนังปูพื้นด้วยงานแรกของคริส ไคล์ในสนามรบที่อิรัก ให้เห็นว่าพระเอกสไนเปอร์ของเราซุ่มสังเกตการณ์อยู่บนดาดฟ้าตึก คอยสอดส่องหาพฤติกรรมที่น่าสงสัยของชาวบ้านในแถบนั้น เพื่อคุ้มครองนาวิกโยธินสหรัฐที่เดินลาดตระเวนและตรวจค้นพื้นที่ด้านล่าง และเหตุการณ์ก็หยุดให้เราคิดตามว่าคริสจะยิงเด็กชายที่รับระเบิดอาร์เคจีของรัสเซียมาจากผู้หญิงที่เดินออกมาด้วยกันหรือไม่? และภาพก็ตัดกลับไปเล่าประวัติคริส ไคล์ตั้งแต่เด็ก เพื่อแสดงให้เห็นว่าคริสเป็นคนแบบไหน?
โดยส่วนตัว จขกท.ชอบการสอนของพ่อของคริสนะ ที่บอกว่าคนเรามี3ประเภทคือ 1.แกะ(เหยื่อ,คนอ่อนแอ) 2.หมาป่า(นักล่า,อันธพาล,ใช้กำลังเบียดเบียนผู้อื่น) และ3.สุนัขเลี้ยงแกะ (คนที่กล้าพอที่จะปกป้องลูกแกะ, ใช้กำลังเมื่อจำเป็นหรือเพื่อปกป้องคนอื่น) ทำให้เรามองเห็นในฉากนั้นว่าคริสพยายามเป็นคนประเภท "สุนัขเลี้ยงแกะ" คนที่พยายามปกป้องคนอื่นๆที่อ่อนแอกว่า
และด้วยความที่คริสพยายามเป็นสุนัขเลี้ยงแกะนี่เอง ที่ทำให้เขาเลือกที่จะเป็นทหารเพื่อปกป้องครอบครัว, เพื่อนๆที่เขารัก และคนอื่นๆ จึงทำให้เราเห็นแนวคิดของเขาว่าสำหรับคริสแล้ว การไปเข้าร่วมสงคราม ก็ถือเป็นการปกป้องคนที่เขารักในทางหนึ่ง แม้ว่ามันอาจส่งผลกระทบต่อคริสและครอบครัว ที่ภรรยาไม่เข้าใจและเศร้าที่สามีห่วงแต่จะไปรบ กลับบ้านมาดูแต่เทปสงคราม และไม่ได้มีความทรงจำในการช่วยเธอเลี้ยงลูกๆขึ้นมา ฯลฯ ก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ เพราะจขกท.ก็เคยเห็นจากหนังหลายเรื่องที่จะสื่อว่าคนที่ไปสงครามมา แม้จะรอดกลับมา แต่สภาพจิตใจหรือความคิดอ่านอาจเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย และจะมีภาวะเครียด
ระหว่างที่ไปรบ คริสใช้สัญชาตญาณที่ไม่ลังเลและพรสวรรค์ของเขาสังหารศัตรู(ของอเมริกา) ไปมากมาย เขากลายเป็นพลซุ่มยิง(sniper) ที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุด และมีฉายาว่า "โคตรพระกาฬ" (the legend)
โดยในหนังมีการตั้งคำถามเล็กน้อยถึงการกระทำของพวกเขา(USA) ว่าถูกต้องแล้วจริงๆเหรอ? ซึ่งคริส (แบรดลีย์ คูเปอร์) ก็ตอบเพื่อนว่าถูกแล้ว เพราะพวกนั้นจะทำร้ายเพื่อนเรา ที่นี่มี"ปีศาจ" ทำให้เพื่อนของคริสตอบว่า "ปีศาจอาจไม่ได้มีแค่ที่นี่ แต่มันอาจมีอยู่ทุกที่" แสดงให้เห็นถึงการฉุกคิดในอีกมุมหนึ่งของทหารชาวอเมริกัน ซึ่งจขกท.คิดว่าฉากนี้ก็เป็นประเด็นที่"น่าคิด" เพราะในเมื่อเรามองคนอื่นเป็นปีศาจ แล้วเราจะไม่ใช่ปีศาจสำหรับคนอื่นเหรอ?
สรุปได้ว่า American Sniper เป็นหนังที่แผ่ความกดดันตลอดทั้งเรื่อง เน้นนำเสนอความสูญเสียจากสงคราม ฉากแอคชั่นไม่ถี่มากแต่สมจริงค่ะ ยิ่งดูในระบบ IMAX ละอินเหมือนดูภาพในมุมสูงอยู่ และดราม่าเข้มข้นมากค่ะเรื่องนี้ ทำให้ชอบBradley Cooper มากขึ้น ทำให้เราเข้าถึงคริส ไคล์จริงๆ ส่วนภรรยาของคริส ซึ่งรับบทโดย Sienna Miller ก็ทำได้ดีค่ะ
ใครที่ไม่ชอบเลือดสาด เสียงยิง ระเบิดตูมตาม หรือไม่ชอบหนังแนวกดดัน ก็ไม่แนะนำนะคะ เพราะมันเป็นแทบทั้งเรื่อง จขกท.ชอบแนวนี้เลยรู้สึกโอเค (แหะๆ) อ้อ เพิ่มเติมค่ะ หนังเรื่องนี้นำเสนอในมุมมองของชาวอเมริกันผู้รักชาติ บวกกับอารมณ์ร่วมในสงคราม เป็นอเมริกันจ๋า ใครที่ไม่ชอบอะไรอเมริกันจ๋าก็อาจไม่อินมากนัก
อีกนิดค่ะ 555 พอได้ดูหนังเรื่องนี้ ก็ทำให้นึกถึงเรื่อง Enemy at the gates เลย เป็นอีกเรื่องที่จขกท.ชอบ ทำให้เห็นว่าเป้าหมายของสไนเปอร์ในสงครามอีกอย่างหนึ่งก็คือการสังหารสไนเปอร์ข้าศึกให้ได้ เป็นจุดร่วมของหนังสองเรื่องนี้ค่ะ #ห้ำหั่นกันในระยะไกลมว้าก 555
สุดท้ายแล้ว(จริงๆ) ถ้าใครชอบหนังแนวกดดัน สงคราม หรือเป็นแฟนคลับแบรดลีย์ คูเปอร์ ก็อย่าลืมไปพิสูจน์ด้วยตาคุณเองนะคะ กับ American Sniper ขอบคุณค่าา เขียนยาวมากวันนี้ -0-
[SR] [Sneak Preview] American Sniper
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำเสนอในมุมมองของ คริส ไคล์ คาวบอยหนุ่มจาก Texas ชายผู้ผันตัวเองมารับใช้ชาติ เข้ารับการฝึกฝนและผ่านหลักสูตรในหน่วยSEAL และผ่านสนามรบมา4ครั้งใหญ่ๆ
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเทคนิคในการเล่าเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากมากนัก หนังปูพื้นด้วยงานแรกของคริส ไคล์ในสนามรบที่อิรัก ให้เห็นว่าพระเอกสไนเปอร์ของเราซุ่มสังเกตการณ์อยู่บนดาดฟ้าตึก คอยสอดส่องหาพฤติกรรมที่น่าสงสัยของชาวบ้านในแถบนั้น เพื่อคุ้มครองนาวิกโยธินสหรัฐที่เดินลาดตระเวนและตรวจค้นพื้นที่ด้านล่าง และเหตุการณ์ก็หยุดให้เราคิดตามว่าคริสจะยิงเด็กชายที่รับระเบิดอาร์เคจีของรัสเซียมาจากผู้หญิงที่เดินออกมาด้วยกันหรือไม่? และภาพก็ตัดกลับไปเล่าประวัติคริส ไคล์ตั้งแต่เด็ก เพื่อแสดงให้เห็นว่าคริสเป็นคนแบบไหน?
โดยส่วนตัว จขกท.ชอบการสอนของพ่อของคริสนะ ที่บอกว่าคนเรามี3ประเภทคือ 1.แกะ(เหยื่อ,คนอ่อนแอ) 2.หมาป่า(นักล่า,อันธพาล,ใช้กำลังเบียดเบียนผู้อื่น) และ3.สุนัขเลี้ยงแกะ (คนที่กล้าพอที่จะปกป้องลูกแกะ, ใช้กำลังเมื่อจำเป็นหรือเพื่อปกป้องคนอื่น) ทำให้เรามองเห็นในฉากนั้นว่าคริสพยายามเป็นคนประเภท "สุนัขเลี้ยงแกะ" คนที่พยายามปกป้องคนอื่นๆที่อ่อนแอกว่า
และด้วยความที่คริสพยายามเป็นสุนัขเลี้ยงแกะนี่เอง ที่ทำให้เขาเลือกที่จะเป็นทหารเพื่อปกป้องครอบครัว, เพื่อนๆที่เขารัก และคนอื่นๆ จึงทำให้เราเห็นแนวคิดของเขาว่าสำหรับคริสแล้ว การไปเข้าร่วมสงคราม ก็ถือเป็นการปกป้องคนที่เขารักในทางหนึ่ง แม้ว่ามันอาจส่งผลกระทบต่อคริสและครอบครัว ที่ภรรยาไม่เข้าใจและเศร้าที่สามีห่วงแต่จะไปรบ กลับบ้านมาดูแต่เทปสงคราม และไม่ได้มีความทรงจำในการช่วยเธอเลี้ยงลูกๆขึ้นมา ฯลฯ ก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ เพราะจขกท.ก็เคยเห็นจากหนังหลายเรื่องที่จะสื่อว่าคนที่ไปสงครามมา แม้จะรอดกลับมา แต่สภาพจิตใจหรือความคิดอ่านอาจเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย และจะมีภาวะเครียด
ระหว่างที่ไปรบ คริสใช้สัญชาตญาณที่ไม่ลังเลและพรสวรรค์ของเขาสังหารศัตรู(ของอเมริกา) ไปมากมาย เขากลายเป็นพลซุ่มยิง(sniper) ที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุด และมีฉายาว่า "โคตรพระกาฬ" (the legend)
โดยในหนังมีการตั้งคำถามเล็กน้อยถึงการกระทำของพวกเขา(USA) ว่าถูกต้องแล้วจริงๆเหรอ? ซึ่งคริส (แบรดลีย์ คูเปอร์) ก็ตอบเพื่อนว่าถูกแล้ว เพราะพวกนั้นจะทำร้ายเพื่อนเรา ที่นี่มี"ปีศาจ" ทำให้เพื่อนของคริสตอบว่า "ปีศาจอาจไม่ได้มีแค่ที่นี่ แต่มันอาจมีอยู่ทุกที่" แสดงให้เห็นถึงการฉุกคิดในอีกมุมหนึ่งของทหารชาวอเมริกัน ซึ่งจขกท.คิดว่าฉากนี้ก็เป็นประเด็นที่"น่าคิด" เพราะในเมื่อเรามองคนอื่นเป็นปีศาจ แล้วเราจะไม่ใช่ปีศาจสำหรับคนอื่นเหรอ?
สรุปได้ว่า American Sniper เป็นหนังที่แผ่ความกดดันตลอดทั้งเรื่อง เน้นนำเสนอความสูญเสียจากสงคราม ฉากแอคชั่นไม่ถี่มากแต่สมจริงค่ะ ยิ่งดูในระบบ IMAX ละอินเหมือนดูภาพในมุมสูงอยู่ และดราม่าเข้มข้นมากค่ะเรื่องนี้ ทำให้ชอบBradley Cooper มากขึ้น ทำให้เราเข้าถึงคริส ไคล์จริงๆ ส่วนภรรยาของคริส ซึ่งรับบทโดย Sienna Miller ก็ทำได้ดีค่ะ
ใครที่ไม่ชอบเลือดสาด เสียงยิง ระเบิดตูมตาม หรือไม่ชอบหนังแนวกดดัน ก็ไม่แนะนำนะคะ เพราะมันเป็นแทบทั้งเรื่อง จขกท.ชอบแนวนี้เลยรู้สึกโอเค (แหะๆ) อ้อ เพิ่มเติมค่ะ หนังเรื่องนี้นำเสนอในมุมมองของชาวอเมริกันผู้รักชาติ บวกกับอารมณ์ร่วมในสงคราม เป็นอเมริกันจ๋า ใครที่ไม่ชอบอะไรอเมริกันจ๋าก็อาจไม่อินมากนัก
อีกนิดค่ะ 555 พอได้ดูหนังเรื่องนี้ ก็ทำให้นึกถึงเรื่อง Enemy at the gates เลย เป็นอีกเรื่องที่จขกท.ชอบ ทำให้เห็นว่าเป้าหมายของสไนเปอร์ในสงครามอีกอย่างหนึ่งก็คือการสังหารสไนเปอร์ข้าศึกให้ได้ เป็นจุดร่วมของหนังสองเรื่องนี้ค่ะ #ห้ำหั่นกันในระยะไกลมว้าก 555
สุดท้ายแล้ว(จริงๆ) ถ้าใครชอบหนังแนวกดดัน สงคราม หรือเป็นแฟนคลับแบรดลีย์ คูเปอร์ ก็อย่าลืมไปพิสูจน์ด้วยตาคุณเองนะคะ กับ American Sniper ขอบคุณค่าา เขียนยาวมากวันนี้ -0-