/// 9 ข้อที่จะทำให้คุณเลิกสงสัย ว่าทำไมคุณถึงเงินเดือนน้อย ///

.
.
ผมสังเกตุมาซักพักแล้วว่ามนุษย์เงินเดือนในนี้เวลาที่เห็นคนที่เงินเดือนสูงๆ
มักจะมีอาการต่างๆกันไป เช่นบางคนไม่เชื่อ หาว่าเค้าโม้ ไม่มีทางได้หรอก
เงินเดือนเป็นแสน อายุแค่ 30 บ้าแล้ว โม้สุดๆ ฉันไม่ได้คนอื่นก็ไม่มีทางได้
หรือ คนในนี้รวยที่สุดในโลก ที่นี่มีแต่คนเงินเดือนเป็นแสนครับ ประชดกันไป
บลา บลา บลา

หรือบางคนก็ออกแนวชื่นชมแบบสุดๆ เงินเดือนสูงจังเลยครับ เก่งจังค่ะ
เงินเดือน 15,000 เดินออกไปเงียบๆ บ้าง ก็ว่ากันไป

แต่จริงๆแล้วเราเคยลองย้อนกลับมามองตัวเองบ้างไหมครับ ว่าทำไม?
ทำไมคนอื่นถึงทำได้ แล้วฉันถึงทำไม่ได้ มีสองมือ สองเท้า หนึ่งสมองเท่าๆกัน
มันมีความแตกต่างจากเรื่องอะไร

บางคนอาจจะคิดว่า โธ่เอ๊ย ก็มันจบนอกนี่หว่า กรูไม่มีตังค์เรียนเว้ย บ้านจน
หรือ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยอะ ให้ทำไง หรืออะไรก็ตามแต่จะหาข้อมาอ้าง
ให้กับตัวเอง

แต่วันนี้ผมจะลองมาสรุปให้เป็นข้อๆ 9 ข้อครับ ว่าทำไมคุณถึงยังมีเงินเดือน
สู้คนอื่นเค้าไม่ได้ ลองอ่านแล้วคิดตามดูว่าคุณเป็นแบบนี้รึเปล่า


1 / แค่เริ่มต้นก็ผิดแล้ว
ข้อนี้สำคัญมาก มันย้อนกลับไปถึงตอนที่คุณจบ ม. ปลายใหม่ๆ คุณเลือกเรียนอะไร?
แล้วเมื่อเลือกแล้ว คุณตั้งใจเรียนรึเปล่า และถ้าคุณไม่ตั้งใจ จบมาคุณได้ทำอาชีพ
ที่เกี่ยวกับที่คุณเรียนมาไหม? อันนี้แหละสำคัญที่สุด ผมเป็นคนนึงที่จบมาไม่ตรง
กับงานที่ทำอยู่ และมันสร้างความลำบากให้พอสมควรเลย เพราะการเริ่มต้นงานนั้น
สำหรับผม ผมให้ความสำคัญที่สุด งานแรกที่คุณจบมา สิ่งที่คุณมองหา
มันไม่ควรจะใช่เงินเดือนสูงๆ แต่ควรเป็นโปรไฟล์ที่ดีเพื่อการต่อยอดตะหาก
คนชอบถามว่าเป็นหัวหมาหรือหางมังกร ผมขอย้ำชัดๆเลย เมื่อคุณจบใหม่
เป็นขนปลายหางมังกรก็ต้องเอาครับ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา
ในการทำงานสิบกว่าปีเทียบกับเพื่อนผมที่จบมาพร้อมๆกัน
มีเพื่อนผมบางคนขอไปเริ่มเป็นหัวหมาคือไปเป็นคนที่มีตัวตนในบริษัทเล็กๆ
เพราะเชื่อว่าจะได้เรียนรู้งานทุกๆอย่างแต่นั่นแหละ มันจะทำให้คุณเป็นเป็ด
คือรู้ทุกอย่างแต่ไม่เก่งซักอย่าง แล้วปัญหามันจะเกิดตอนที่คุณกำลังอยากจะย้ายงาน
เพราะคุณจะไม่มีอะไรโดดเด่น เป็นภาพเบลอๆ ที่มาจากบริษัทเล็กๆที่ไม่มีคนรู้จัก
แต่ถ้าคุณไปเรื่มงานในบริษัทระดับแนวหน้าให้ได้ ที่นั่นจะยังไม่ใช่ที่ทำงาน
ของคุณครับ แต่มันจะคือมหาลัยให้คุณได้เรียนต่อ และเรียนกับคนที่เก่งระดับประเทศ
ผมไม่ได้ว่าอาจารย์ตามมหาลัยไม่เก่ง แต่คนเก่งจริงๆมักไม่ค่อยไปเป็นอาจารย์
และคุณจะหาพวกเค้าได้ตามบริษัทใหญ่ๆแบบนี้แหละ จงเรียนรู้จากตรงนี้ให้มากที่สุด
เพราะคุณจะได้ใช้หากินไปตลอดทั้งชีวิตการเป็นมนุษย์เงินเดือนของคุณเลย
และเมื่อคุณอยากจะย้ายงาน มันก็จะง่ายแสนง่ายเลยครับ

2 / อยู่ผิดที่ผิดทาง
ข้อนี้เป็นตัวบ่งชี้อนาคตในการทำงานของคุณเลย ถ้าคุณเป็นพนักงานบัญชี
ที่ไปอยู่ในบริษัทออกแบบ หรือเป็นพนักงานไอที ที่ไปอยู่ในบริษัททัวส์ บอกเลย
ว่าคุณรุ่งยากครับ คุณอย่าหวังที่จะได้เงินเดือนสูงๆจากตำแหน่งแบบนี้ในบริษัท
ที่ไม่ได้มีคุณเป็นคนสำคัญเลย เพราะมันไม่มีทาง ถ้าคุณเป็นไอทีคุณก้ควรไปอยู่
ในบริษัทคอมพิวเตอร์ หรือบริษัทผลิตแอป ที่เค้าเห็นตำแหน่งคุณเป็นคนสำคัญ
เป็นคนที่หารายได้เข้าบริษัท ไม่ใช่แค่ดูแลในส่วนเล็กๆ
ถ้าคุณเป็นพนักงานบัญชีคุณควรไปอยู่ในบริษัทที่ทำออดิท ระดับพวก big4
หรือใกล้เคียง รู้ว่ายาก แต่นั่นแหละ คุณต้องทำให้ได้ เพราะถ้าทำไม่ได้
คนที่คุณต้องโทษมีคนเดียว คือตัวคุณเอง อีกอย่างที่อยากแนะนำคือ งานที่เป็น
back office งานที่ไม่ได้ออกไปเจอลูกค้า ก็เป้นงานที่ยากที่คุณจะได้เงินเดือนสูงๆครับ

3 / ย้ายงานในเวลาที่ผิด
จำไว้เลยครับ คนเราต้องย้ายงานในเวลาที่เรากำลัง Happy ที่สุด!
มีหลายคนเข้าใจผิด ชอบไปย้ายงานในเวลาที่เราเริ่มไม่ชอบบริษัทเบื่องาน
หรืออะไรก็ตามแต่ แต่นั่นเป็นการวางแผนชีวิตที่ผิดครับ การที่ชีวิตมนุษย์เงินเดือน
ของคุณจะก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด คุณต้องเลือกย้ายงานในเวลาที่คุณกำลัง
มีความสุขกับการทำงาน ซึ่งถ้าคุณมีความสุขแปลว่า งานคุณดี เจ้านายรัก
ลูกค้ารัก และคุณทำมันได้ดี ซึ่งนี่แหละจะเป็นช่วงเวลาที่คุณไม่มีความกดดัน
ผลงานคุณดี เจ้านายไม่อยากให้ออก เพราะฉะนั้นจัดไปครับ เงินเดือนที่คุณอยากได้
เรียกไปเลย เพราะถ้าได้ก็ย้าย ไม่ได้อยู่ที่เดิมก็ Happy ดี
เผลอๆเจ้านายไม่อยากให้ออกดึงคุณไว้ด้วยเงินเดือนที่มากกว่าเดิมแบบนึกไม่ถึง

4 / ไม่รักในสิ่งที่ทำ
ข้อนี้จะเป็นตัวขัดขวางความก้าวหน้าทุกๆอย่างในชีวิตมนุษย์เงินเดือนของคุณ
ถ้าเริ่มมาก็ไม่รักแล้ว อย่าหวังเลยว่าจะเก่ง! และถ้าคุณไม่เก่งในสิ่งที่ทำ
ก็ลืมความก้าวหน้า ลืมเงินเดือนสูงๆไปได้เลย เพราะอย่าลืมว่า ไม่ว่าคุณจะทำอะไร
มันจะมีคนที่เก่งกว่าคุณอยู่เสมอ และถ้าบริษัทจะเสียเงินจ้างคนมาทำงานซักคน
ทำไมเค้าต้องเลือกคนที่เก่งน้อยกว่าด้วยล่ะ? เพราะฉะนั้นจำไว้ให้ดีๆ ไม่ว่าคุณจะ
ทำอะไร จงเป็นคนที่เก่งที่สุดในสิ่งที่คุณทำ แล้วเงินเดือนคุณจะสูงมาก
ซึ่งมันต้องเริ่มมาจากคุณต้องรักในสิ่งที่ทำก่อน ถ้ายังไม่รักจงรักซะ หรือไม่ก็ลาออก
ไปทำอะไรที่คุณจะรักและทำมันได้ตลอดเวลา จนทำให้คุณเก่งที่สุด

5 / คิดว่าตัวเองเป็นลูกจ้าง
ข้อนี้คือความแตกต่างอย่างชัดเจนที่สุดข้อนึงของคนที่ได้เงินเดือนเยอะ
กับคนที่ได้เงินเดือนน้อย คนที่คิดว่าตัวเองเป็นลูกจ้างจะคิดเสมอว่าบริษัทเอาเปรียบ
งก ใช้งานเราจนเกินคุ้ม โบนัสไม่มี โอทีไม่ให้ จ่ายเงินเดือนแค่นี้ก็เอาคุณภาพไปแค่นี้พอ เพราะฉะนั้นวันลามีเท่าไหร่ใช้จนครบ
บอกเลยว่าถ้าคิดแบบนี้ อย่าหวังว่าจะมีโอกาศได้เงินเดือนสูงๆ
สิ่งที่คุณต้องคิดใหม่ก็คือ บริษัทนี้คือบริษัทของคุณครับ
ที่นี่คือบริษัทที่คุณสร้างมากับมือ คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของ
และเมื่อคุณคิดว่าคุณคือเจ้าของบริษัทนี้ คุณก็จะเข้าใจบริษัทมากขึ้น
คุณจะบ่นน้อยลง ตั้งใจทำงานมากขึ้น ใช้วันลาน้อยลง ตลอดชีวิตการทำงาน
ของผม ผมไม่เคยใช้วันลาพักร้อนจนครบเลย บางคนอาจจะบอกว่าสิทธิของคุณ
ใช้ไปเลยอย่าคิดมาก มีเพื่อนผมคิดแบบนี้เหมือนกันครับ ทุกวันนี้เค้าลาพักร้อนได้
10 วันต่อปี เหมือนเดิมติดต่อกันเป็นปีที่ 7 แต่ตำแหน่งผมตอนนี้ผมสามารถลาได้
27 วันต่อปีแล้ว แต่ผมก็ใช้แค่ 10 วันเท่าๆกับเค้านั่นแหละ
แค่เปลี่ยนความคิดแค่นี้ ทุกๆอย่างจะเปลี่ยนเลย คุณจำไว้เลย ถ้าคุณ
อยากได้อะไร คุณจงให้เค้าก่อน ไม่มีบริษัทไหนในโลกที่จะให้เงินเดือนพนักงาน
เกินความสามารถที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากได้เงินเดือนเพิ่ม สิ่งที่คุณควรทำก่อน
เลยก็คือทำให้บริษัทเห็นว่าคุณมีคุณค่าเกินกว่าเงินเดือนที่คุณได้รับอยู่ตอนนี้แล้ว
นั่นแหละคุณถึงจะได้รับเงินเดือนเพิ่ม

6 / ประหยัดไม่เข้าเรื่อง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บางคนชอบมองข้าม การที่คุณอยากจะได้ตำแหน่งสูงๆ
เงินเดือนแพงๆ คุณต้องลงทุนกับตัวเองครับ บางคนงก วันหยุดอยู่แต่บ้าน
ออมๆๆๆๆ เก็บๆๆๆๆ ซึ่งดอกเบี้ยเงินฝากมันไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นเลย
มันเอาชนะเงินเฟ้อไม่ได้ด้วยซ้ำ การใช้เงินออกไปเปิดหูเปิดตาอัพเดท
โน่นนี่นั่น ในประเทศ ต่างประเทศ เป็นสิ่งที่ช่วยคุณได้อย่างดี ไม่มีเจ้านายหรือ
ลูกค้าคนไหน อยากพูดคุยกับคนที่วันๆอยู่แต่บ้านดูซีรีย์ เล่นเกมส์
หรืออ่านนิยายทั้งวัน คุณควรจะพูดคุยหรือแนะนำเทรนต่างๆ ร้านอาหารเก๋ๆ
แฟชั่นใหม่ๆ ข่าวสารทั่วโลก กับหัวหน้าและลูกค้าคุณบ้าง รสนิยมเป็นเรื่อง
ที่บางทีก็ช่วยคุณได้ในการที่หัวหน้าคุณจะเลือกคนมาเป็นผู้นำ อย่างน้อยเวลา
พาคุณไปเจอลูกค้า หัวหน้าคุณก็จะมั่นใจได้ว่าคุณจะไม่ทำให้เค้าอาย
ทั้งเรื่องการพูดคุย ความคิด และการแต่งตัว

7 / พรีเซนต์ตัวเองไม่เป็น
คนเราก็เหมือนสินค้า ถ้าคุณวางตำแหน่งของตัวเองผิดในบริษัท โอกาส
ได้ตำแหน่งสูงๆ เงินเดือนดีๆก็ยากครับ เช่นถ้ามีงานในรื่นเริง ปาร์ตี้ต่างๆ
ในบริษัท คุณมักเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงานเสมอๆ บ้ากิจกรรมจัดเต็มตลอด
บางคนอาจจะคิดว่าไม่เกี่ยวแต่นี่คือตัวบ่งบอกอย่างนึงว่าคุณชอบทำกิจกรรม
มากกว่าทำงาน! ผมไม่ได้หมายความว่าไม่ให้คุณเข้าร่วมกิจกรรมหรือปาร์ตี้ใดๆ
แต่ควรดูความพอดีด้วย การที่หัวหน้ามองว่าคุณเป็นคนยังไงนั้นสำคัญมาก
เช่นถ้าเค้ามองว่าคุณมีความเป็นผู้นำ กล้ารับผิดชอบ ก็ดีไป แต่ถ้าเค้ามอง
ว่าคุณเอาแต่เล่นชอบสนุก คราวนี้บอกเลยว่าซวย เคล็ดลับอีกอย่างที่สำคัญ
ก็คือ การที่คุณมาเช้านั้นคนเห็นทั้งบริษัท แต่การที่คุณกลับดึกมีแต่ยามเท่านั้นที่เห็น

8 / ไม่รู้คุณค่าของตัวเอง
ข้อนี้จะสำคัญเสมอเวลาที่คุณต้องย้ายงาน ก่อนอื่นคุณต้องมั่นใจก่อนว่า
คุณเก่งในสิ่งที่ทำ และมั่นใจว่าทำมันได้แน่ๆไม่ว่าคุณจะอยู่บริษัทไหน
ซึ่งถ้ามั่นใจได้ตามนี้แล้ว คุณก็เรียกเงินเดือนที่คุณอยากได้ไปเลย เพราะเอาจริงๆ
แล้ว การที่คุณจะได้ขึ้นเงินเดือนแบบก้าวกระโดดนั้น มันมาจากการย้ายงานทั้งสิ้นครับ
บางคนไม่กล้าเรียก กลัวเค้าถามเงินเดือนที่เก่า คุณต้องลองย้อนไปอ่านข้อ 3 ครับ
ทุกครั้งที่ผมย้ายงานผมจะบอกเงินเดือนที่อยากได้ไปเลย โดยที่ไม่สนเงินเดือนที่เก่า
ถ้าเค้าถาม ผมก็จะบอกว่าคุณพอใจที่จะจ้างผมที่เงินเดือนเท่านี้รึเปล่า ถ้าไม่พอใจ
ไม่เป็นไรครับ แต่ผมจะย้ายก็ต่อเมื่อผมได้เงินเดือนเท่านี้เท่านั้น แต่ก็นั่นแหละ
การจะพูดแบบนี้ได้ คุณต้องมั่นใจกว่าคุณเก่งในสิ่งที่ทำจริงๆ บางคนขี้กลัว
กลัวความไม่แน่นอน กลัวความเปลี่ยนแปลง เลยเลือกไปทำงานราชการ รัฐวิสาหกิจ
แล้วมาบ่นว่าเงินเดือนน้อย ซึ่งนั่นคุณก็ต้องแรกกับความมั่นคงที่คุณอยากได้ครับ

9 / ภาษา
ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไร ผมเอ็นท์เข้ามหาลัยด้วยคะแนนภาษาอังกฤษ
17 เต็ม 100 แต่ทุกวันนี้มีหัวหน้าเป็นฝรั่งเป็นญี่ปุ่น ก็ต้องคุยกับเค้าได้ครับ
เพราะถ้าคุณคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง เค้าคงไม่เลือกคุณมาเป็นลูกน้องแน่นอน
บางคนเลี่ยงด้วยการไปทำงานบริษัทคนไทย ก็แล้วแต่ครับ แต่ผมบอกเลย
ว่าบริษัทต่างชาติ โลกของคุณมันจะเปิดกว้างกว่าเยอะ รวมถึงโอกาศต่างๆด้วย


จบแล้วครับ ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่อ่านแล้วลองนำไปคิดดูบ้าง
ผมอยากให้เวลาที่เราเห็นคนที่เงินเดือนเยอะๆ อย่าไปอิจฉา อย่าไปประชด
เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรตัวคุณเอง แต่ขอให้คิดว่าเค้าทำยังไงถึงได้และเราทำอะไรอยู่
ถึงยังทำไม่ได้แบบเค้า ขอให้มีเงินเดือนสูงๆกันทุกๆคนครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
งั้นผมขอแชร์บ้างนะครับ ว่าผมต้องผ่านอะไรมาบ้าง กว่าจะได้เงินเดือนเป็นแสน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถึงแม้รายได้เฉลี่ยจะุเกิน 6 หลักต่อเดือนขึ้นมาหน่อย แต่ไม่อยากให้มองแค่ที่ Output หรือผลที่ได้
แต่อยากจะให้มองว่า ผมต้องผ่านหรือทำอะไรมาบ้าง กว่าจะมาถึงจุดนี้
1.ตอนอยู่ ม.ปลาย ก่อนสอบเอ็นทรานซ์ ผมต้องไปเรียนพิเศษตอนเย็น และเสาร์อาทิตย์
   แทนที่จะได้ไปเที่ยวเล่น หรือนอนสบายๆอยู่ที่บ้าน
2.ตอนก่อนสอบ ผมต้องอ่านหนังสือตั้งแต่สองทุ่มจนถึงตีห้า เพื่อไปสอบตอนแปดโมงเช้า
   ในแต่ละวันที่มีสอบ
3.เมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าติดใน Top 5 ของประเทศไทยแล้ว ผมก็ยังต้องขยัน
   เรียนหนังสือต่อไปเพื่อให้จบตามกำหนด
4.จบมาแล้ว อยากไปเรียนต่อเมืองนอก แต่บ้านไม่รวย ก็ต้องดิ้นรนหาทุนการศึกษาเอาเอง
   จนไปเจอทุนการศึกษาแบบให้เปล่าของบริษัท นสพ.ของญี่ปุ่น แต่ต้องแลกมาด้วยการ
   ไปทำงานส่ง นสพ.ให้เค้าในระหว่างที่เรียนด้วย
5.ช่วงที่ไปเรียนที่ญี่ปุ่น ผมต้องตื่นตี2 ทุกวัน ย้ำครับ ตีสอง เพื่อไปขี่มอเตอร์ไซด์ส่ง นสพ.
   ตามบ้านลูกค้า ต้องส่งวันละประมาณสามร้อยฉบับ กว่าจะเสร็จก็หกโมงกว่า
   กลับมาก็ต้องรีบมาอาบน้ำ เพื่อออกไปเรียนหนังสือต่อ เรียนเสร็จ ก็ต้องกลับมาส่ง นสพ.ฉบับบ่ายอีกสองร้อยฉบับ
6.สัปดาห์หนึ่งได้หยุดวันเดียวคือวันอาทิตย์ คิดดูสิครับว่าเหนื่อยแค่ไหน หน้าฝน ต้องขี่มอไซด์ตากฝน
   โดยต้องไม่ให้ นสพ.เปียก, หน้าหนาว ก็ต้องขี่มอไซด์ฝ่าหิมะ รถลื่นล้มก็หลายครั้งเพราะถนนลื่นมาก
   ต้องลำบากแบบนี้ถึงสี่ปี ถึงเรียนจบตามที่ตั้งใจ
7. กลับมาทำงานที่เมืองไทย เมื่อสิบปีก่อน ก็ได้เงินเริ่มต้นแค่ 17,000 บาท แล้วก็ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆ
    จนถึงปัจจุบัน

ดังนั้น ที่ผมอยากจะบอกก็คือ อย่ามองแค่ปัจจุบัน กว่าที่คนเค้าจะได้เงินเดือนสูงๆ เค้าก็ต้องผ่านอะไร
มาเยอะพอสมควรครับ ถ้าคุณรู้สึกว่าทำไมคุณได้เงินน้อย คุณก็ต้องมองก่อนว่า คุณได้พยายามเท่า
พวกเค้าเหล่านั้นรึยัง???
แต่อย่าไปเปรียบกับพวกลูกท่านหลานเธอนะครับ เพราะเค้าเหล่านั้นทำบุญสะสมมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
แล้วครับ
ความคิดเห็นที่ 2
สุดท้ายผมคิดว่า มนุษย์เรา เกิดมาบนโลกนี้เพียงชั่วเวลาหนึ่ง
การวิ่งไล่ ไขว่คว้าสิ่งนอกกายนั้น ไม่มีวันเพียงพอ
ความสุขที่แท้จริงคืออะไร ผมว่าบางคนคงคิดว่า การมีทุกอย่างที่จับต้องได้
แต่ส่วนตัวผมว่า ความรู้สึกทางใจ แม้ไม่ได้มา และต้องมีแต่สูญเสียไป
อย่างที่พ่อแม่ทุ่มเท ทุกอย่างให้ลูก โดยที่ลูกไม่ได้ตระหนักเลย จนวันพ่อแม่จากไป
อันนั้นละครับ ความสุขที่แท้จริง
ความคิดเห็นที่ 16
ข้อ 5 ไม่เห็นด้วย

อย่าทำตัวเป็นเจ้าของบริษัท แต่จงทำตัวเป็น ลูกจ้างมืออาชีพ

ต่อให้คุณทำงานหนัก ทุ่มเทสุดใจ คุณก็ไม่มีวันได้เป็นเจ้าของบริษัท การไปยึดติดแบบนั้นรังแต่จะถ่วงความเจริญตัวเอง ยิ่งบางบริษัทไม่ค่อยเห็นคุณค่าพนักงานอะไรมาก ทำงานให้แทบตาย แต่ผลตอบแทนไม่ขึ้น หรือไม่เยอะเท่าที่ควร รายได้มันไม่ได้ขึ้นกับตัวคุณ มันขึ้นกับนายจ้างคุณว่าเค้าจะจ่ายคุณเท่าไหร่ เพราะงั้นไม่ได้หมายความว่าคุณทุ่มเททำงานหนักแล้วจะได้เงินเยอะเสมอไป ตราบใดที่ไม่ใช่กิจการของคุณเอง

จงทำตัวเป็นลูกจ้างมืออาชีพ ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดและที่สำคัญจงเรียนรู้จากงานที่ทำให้มากที่สุด รักงานที่ทำให้มากแต่ไม่ต้องรักบริษัท เรากับบริษัทเหมือนคู่ค้าคู่สัญญากัน มีผลประโยชน์ต่างตอบแทน ไม่มีใครทำให้ใครฟรีๆ หน้าที่คือทำให้คุ้มกับสิ่งที่เค้าจ่ายเราอย่างซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา เมื่อใดที่คิดว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่ซื่อสัตย์หรือเริ่มเอาเปรียบเรา อย่ายึดติด ให้มองหาที่ใหม่ที่เค้าจะยินดีจ่ายให้อย่างยุติธรรมกับความสามารถที่เรามี แล้วย้ายตัวเองไปอยู่ซะ

จำไว้ บริษัทไม่ใช่ของคุณ แต่งานและความสามารถเป็นของคุณ จงเป็นมืออาชีพในสิ่งที่ตัวเองทำ และทำงานให้กับคนที่เห็นคุณค่าของความเป็นมืออาชีพของเรา
ความคิดเห็นที่ 3
อ่านแล้ว เหมือน เข้าอบรมสัมนาขายตรงเลย
ความคิดเห็นที่ 1
อืมม์ ผมว่า ทุกขั้นตอนมันปรับแก้ได้ ตั้งแต่เลือกเรียนผิดแล้ว จบมาการวางตัวก็อีกแบบ ความคิดก็อีกแบบ คนจบมาทำงานไม่ตรงกับสายที่จบก็เจริญรุ่งเรืองกันไป คนสอบได้ เกียรตินิยม ไปเป็นคนใช้ตามบ้านผมก็เคยเจอ มันอยู่ที่การปรับตัว ทัศนคตินะผมว่า

แล้วก็ดวงด้วย สารพัดปัจจัย ไม่มีอะไรแน่นอน

เพียงแต่ การมีเงินเดือนมาก หรือเงินเดือนน้อยนั้น มันพอเพียงแก่ชีวิต และจิตใจของเราหรือไม่ ความสุขไม่ได้อยู่ที่เงินเยอะอย่างเดียว

ผมเห็นครอบครัวยากจน พ่อ แม่ลูก อยู่กันแบบ ชักหน้าไม่ค่อยถึงหลัง แต่เค้าก็มีความสุขดี
บางคนร่ำรวยเต็มที่ แต่ไม่มีคนรอบข้างเลย มันก็เหงาอ่ะนะ เศร้าด้วยละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่