ญี่ปุ่นกับเสรีภาพในการแสดงออกทางศาสนา ยุโรป-อเมริกายังชิดซ้าย

Saint Young Man เมื่อศาสดาสององค์ลงมาบนโลกบุดด้าและจีซัสความฮาจึงบังเกิด ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนต้องสร้างเป็นอนิเมะ
https://www.youtube.com/watch?v=-P4BJdOMce8
รู้สึกว่าจะมีละครสั้นตลกๆแต่ผมจำไม่ได้ มีเรื่องอื่นๆอีกใครรู้ก็เอามาแชร์ได้

สิ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นเมินเฉยต่อศาสนาก็เป็นผลมาจากลัทธิโอมชินริเคียว ที่มีผู้นำและสาวกครั่งสุดโต่งวางแก๊สพิษซารินไว้รถไฟใต้ดินทำให้คน 12 คนเสียชีวิต และบาดเจ็บ 5,510 คน หลายคนกลายเป็นอัมพาตและหลายคนหลับไม่ได้สติ จึงทำคนญี่ปุ่นจำนวนมากตื่นตัวและลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับความเชื่อและศาสนา และเกิดการแยกความเชื่อออกจากอุดมการณ์อันจะนำไปสู่แนวคิดที่สุดโต่ง ทำให้การล้อเลียนศาสนาหรือศาสดาในญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่คนญี่ปุ่นรับได้ไม่ต่างจะการล้อเลียนการเมืองหรือบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลต่ออุดมการณ์หรือแนวคิดของคนญี่ปุ่น การล้อเลียนนั้นก็มีผลทำให้สิ่งเหล่านั้นถูกตั้งคำถามแทนที่จะนับถือไปโดยไร้เหตุผล และทำให้สิ่งที่คิดศักดิ์สิทธิ์ถูกลดระดับลงมากลายเป็นสิ่งธรรมดาในที่สุด

เป็นไปไม่ได้เลยที่ มนุษย์ ในสังคมจะไม่ถูกชี้นำโดย อุดมการณ์ทางรัฐชาติ อุดมการณ์ทางการเมือง หรือแม้แต่อุดมการณ์ทางศาสนา ซึ่งอุดมการณ์เหล่านี้ส่งผลต่อสังคมทั้งสิ้น หากเรายกให้อุดมการณ์บางอย่างกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถละเมิดได้ ในสังคมที่มาความหลากหลายทางความคิด หากอุดมการณ์นั้นถูกทำให้เป็นรูปธรรมขึ้นมาในสังคมแล้วไปขัดแย้งแนวคิดหรืออุดมการณ์อื่น อาจก่อปัญหาให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาในสังคมเราได้ โดยเฉพาะ อุดมการณ์ทางศาสนา ศาสนาบางศาสนาไม่ได้มีแค่พิธีกรรมแต่ยังรวมไปถึงการเมืองและรัฐชาติด้วย ซึ้งก่อให้เกิดกลุ่มสุดโต่งทางความคิด ที่ต้องยัดเยียดแนวความคิดและกำจัดผู้เห็นต่าง เพราะถือว่าศาสนาของตนคือธรรมะที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว ดังเช่นยุคมืดที่เคยเกิดขึ้นกับยุโรป ทุกแนวคิดที่ส่งผลกระทบต่อสังคมมนุษย์ เราจึงไม่ควรที่จะให้ความสำคัญกับแนวคิดหรืออุดมการณ์ใดหนึ่งกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถละเมิดได้ เพราะมันจะไปละเมิดต่อคนกลุ่มอื่น

ในแนวคิดสมัยใหม่ที่มีวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือในการทำความเข้าใจในสังคมของมนุษย์ และในยุคแห่งวิทยาศาสตร์บุคคลผู้ก่อกำเนิดอุดมการณ์ทางความคิดต่อสังคมจึงไม่ใช้ผู้วิเศษเหนือมนุษย์เช่น กาลิเลโอหนึ่งในผู้ที่ริเริ่มแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ คาร์ลมากซ์หนึ่งในผู้ที่ริเริ่มแนวคิดความเท่าเทียมทางสังคม(สังคมนิยม) ฮิตเลอร์ผู้ริเริ่มแนวคิดเผ่าพันธุ์อารยันบริสุทธิ์ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถในทุกด้านเหนือกว่ามนุษย์เผ่าพันธุ์บนโลก ซึ่งต่างจากบุคคลในอดีตเช่น พุทธเจ้า เยซู มูฮัมหมัด ที่สร้างอุดมการณ์ทางความคิดต่อสังคม โดยต้องอาศัยอภิปรัชญาในการมาอธิบายเรื่องจิตวิญาน ธรรมชาติ และจักรวาล จึงจะทำให้แนวคิดนั้นสมบูรณ์แบบ

และในปัจจุบันกลุ่มคนที่มีแนวคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์เช่น อศาสนา เอธิส นักวิทฯ นักสังคมนิยม จึงมองศาสดาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่ทรงอิทธิพลทางความคิดหรืออุดมการณ์ และเมื่อเป็นเช่นนั้นบุคคลใดก็ตามไม่ว่าจะเป็น พุทธเจ้า เยซู มูฮัมหมัด กาลิเลโอ คาร์ลมากซ์ ฮิตเลอร์ ที่ส่งผลกระทบทางสังคมก็ต้องสามารถยิบยกขึ้นมา ถกเถียง วิภาควิจารณ์ ได้ในสังคม
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
การไม่นับถือศาสนาของคนญี่ปุ่น ถ้าจะสืบไปถึงหลังสงครามโลกครั้งที่2 ที่สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะทรงประกาศยอมแพ้สงครามแล้ว กองทัพสัมพันธมิตรจึงประกาศยกเลิกศาสนาชินโตจากการเป็นศาสนาประจำชาติ และได้ยุบชินโตแห่งรัฐที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองการปกครอง ความเชื่อ และพิธีกรรมของพระราชวงศ์เป็นหลัก อันจะนำไปสู่การกลับมาของรัฐชินโต โดยกลุ่มผู้มีแนวคิดสุดโต่ง แต่ยังคงชินโตของราษฎรไว้เนื่องจากไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองการปกครอง และไม่ได้มีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสงคราม จึงยังคงดำเนินประกอบพิธีกรรมได้ตามศรัทธา

ถึงแม้ชินโตของราษฎรยังคงอยู่แต่ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ เพราะเป็นแค่พิธีกรรม บวงสรวงเซ่นไหว้ ทรงเจ้าเข้าผี ศาลเจ้าหรือซุ้มเจ้าพ่อเจ้าแม่แบบจำกัดอยู่แค่ในวงแคบๆตามเมืองตามหมู่บ้าน คล้ายความเชื่อพื้นถิ่นของประเทศไทย จึงทำให้ศาสนาชินโตเกิดการแตกออกเป็นนิกายย่อยหลายนิกายหรือตั้งเป็นศาสนาใหม่ในนิกายที่ต่างกัน เป็นผลทำให้ศาสนาชินโตเสื่อมลง จากเดิมทีมีผู้นับถือศาสนาชินโตในญี่ปุ่นประมาณ 79 ล้านคน ในปัจจุบันมีผู้นับถือศาสนาชินโตเหลืออยู่ประมาณ 3.2 ล้านคน เนื่องจากญี่ปุ่นต้องการปรับปรุงพัฒนาประเทศให้ทันสมัยอย่างประเทศตะวันตกนำโดยอเมริกาเป็นสนับสนุน จึงทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคทุนนิยมอย่างเต็มรูปแบบจึงเริ่มฟื้นฟูอุตสาหกรรม บริการ และธุรกิจ ด้วยความต้องแรงจำนวนมากทำให้พลเมืองญี่ปุ่นจำนวนมากเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงโตเกียว เมื่อสามารถลงหลักปักฐานมีความมั่นคงกลายเป็นชนชั้นกลางในเมืองหลวงทำให้ผู้คนมีความเป็นปัจเจกชน ด้วยความที่ญี่ปุ่นเปิดเสรีทางความเชื่อศาสนา แม้แต่สามารถตั้งศาสนาใหม่ขึ้นมาได้ จึงมีศาสนาหรือลัทธิใหม่ๆเกิดขึ้นมาจำนวนมาก จึงทำให้ศาสนาเก่าๆค่อยๆเสื่อมลงเพราะศาสนาใหม่สามารถตอบโจทย์ทางความเชื่อได้ดีกว่าหรือสอดคล้องกับแนวคิดวิถีชีวิตได้มากกว่า ศาสนาหรือความเชื่อก็เริ่มมีความเป็นปัจเจกและมีทางเลือกมากขึ้น ผู้คนก็เริ่มเปลี่ยนไปสู่ศาสนาใหม่หรือไม่ก็หันตัวออกจากศาสนาเป็นอศาสนิก ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อจะนับถือหรือไม่นับถือก็เป็นเรื่องของปัจเจก

จนมีเหตุการณ์ลัทธิโอมชินริเคียว ที่ก่อการสังหารหมู่ในรถไฟใต้ดินนั้นแหละ สังคมในญี่ปุ่นถึงได้เริ่มมีการตั้งคำถามเกี่ยวศาสนาหรือความเชื่อ จนนำไปสู่การล้อเลียนการตั้งคำถามผ่านทาง วรรณกรรม มังงะ อนิเมะ หนัง ละคร ดนตี หรือสื่ออื่นๆ จนตอนนี้ญี่ปุ่นมีคนไม่นับถือศาสนา 51.8% เกินครึ่งหนึ่งของประเทศแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่