แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเชื่อนะครับ
เรื่อง ห้ามผิวปากเวลากลางคืน เดี๋ยวผีจะมาเอาวิญญาณไป
- คิดว่าความเชื่อดั้งเดิมบางอย่าง เหตุอาจจะไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ผลที่ได้รับอาจจะเหมือนกัน แสดงว่าเมื่อก่อนใครทำสิ่งนี้อาจจะส่งผลถึงตาย ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งโดยคนโบราณโยนความผิดให้ผีเป็นผู้กระทำ
- จากการที่ผมชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเดินป่า ล่าสัตว์ สมัยก่อน เช่น ล่องไพร เพชรพระอุมา และเรื่องเกี่ยวกับพรานป่าต่างๆ จะพบข้อความประมาณว่า ห้ามผิวปากในป่าเวลากลางคืนเป็นการเรียกผี อยู่บ่อยๆ จึงคิดว่าสถานที่ซึ่งความเชื่อนี้มีผล น่าจะต้องเกี่ยวข้องกับป่า
- เนื่องจากผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเดินป่าบ่อยๆ (โดยหน้าที่การงาน) ซึ่งเสียงที่ได้ยินในป่าเวลากลางคืนบ่อยๆ ก็มีเสียง "จุ๊งง จุ๊งง" อันนี้เสียงนกตบยุงไม่มีอะไร แต่มีเสียงที่น่าสนใจอีกเสียงที่ได้ยินบ่อย คือ เสียง " ปิ้วว ปิ้วว" คล้ายกับเสียงผิวปาก สมัยเด็กๆผมก็ไม่รู้ว่าเสียงอะไร พอได้ยินบ่อยๆก็ถาม ทั้งครูฝึกและชาวบ้านในพื้นที่ ก็ได้รับคำตอบไปในทิศทางเดียวกันว่าเป็นเสียงงู บางคนถึงขนาดลงละเอียดว่าเป็นงูจงอาง
- งูเป็นสัตว์สันโดษ และไม่ค่อยส่งเสียง ดังนั้นเสียงที่ออกมาจึงมีความหมายที่เป็นไปได้ไม่กี่อย่าง อันนี้ผมวิเคราะห์ว่าเป็นการร้องหาคู่ เพื่อผสมพันธุ์
- ดังนั้นการผิวปากเสียงคล้ายกับเสียงงู ในพื้นที่ที่มีงู จึงเหมือนกับเป็นการเรียกงูเข้ามา ถึงแม้ว่าอาจจะไม่โดนกับผู้ผิวปากเองโดยตรง แต่การที่งูเข้ามาในพื้นที่ที่คนอยู่แล้ว มันอาจจะยังไม่ออกไป ดังนั้นใครที่ออกไปทำอะไรแถวนั้นเวลากลางคืน หรือเช้ามืด จึงมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะโดนงูกัด
- สรุป ใครที่ไปเที่ยวป่า หรือไปพักบ้านพักตากอากาศบริเวณชายป่า หรือมีที่รกร้างใกล้ๆ ไม่ควรผิวปากเสียงดังกล่าวเวลากลางคืน อาจจะส่งผลให้คนที่เขาต้องออกมาทำอะไรตอนเช้ามืด เช่น แม่บ้าน คนสวน หรือเพื่อนคุณบางคนที่ออกมารอดูพระอาทิตย์ขึ้น มีความเสี่ยงมากขึ้น ถ้าความคิดผมเป็นจริง
เกี่ยวกับความเชื่อ ห้ามผิวปากเวลากลางคืน
เรื่อง ห้ามผิวปากเวลากลางคืน เดี๋ยวผีจะมาเอาวิญญาณไป
- คิดว่าความเชื่อดั้งเดิมบางอย่าง เหตุอาจจะไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ผลที่ได้รับอาจจะเหมือนกัน แสดงว่าเมื่อก่อนใครทำสิ่งนี้อาจจะส่งผลถึงตาย ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งโดยคนโบราณโยนความผิดให้ผีเป็นผู้กระทำ
- จากการที่ผมชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเดินป่า ล่าสัตว์ สมัยก่อน เช่น ล่องไพร เพชรพระอุมา และเรื่องเกี่ยวกับพรานป่าต่างๆ จะพบข้อความประมาณว่า ห้ามผิวปากในป่าเวลากลางคืนเป็นการเรียกผี อยู่บ่อยๆ จึงคิดว่าสถานที่ซึ่งความเชื่อนี้มีผล น่าจะต้องเกี่ยวข้องกับป่า
- เนื่องจากผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเดินป่าบ่อยๆ (โดยหน้าที่การงาน) ซึ่งเสียงที่ได้ยินในป่าเวลากลางคืนบ่อยๆ ก็มีเสียง "จุ๊งง จุ๊งง" อันนี้เสียงนกตบยุงไม่มีอะไร แต่มีเสียงที่น่าสนใจอีกเสียงที่ได้ยินบ่อย คือ เสียง " ปิ้วว ปิ้วว" คล้ายกับเสียงผิวปาก สมัยเด็กๆผมก็ไม่รู้ว่าเสียงอะไร พอได้ยินบ่อยๆก็ถาม ทั้งครูฝึกและชาวบ้านในพื้นที่ ก็ได้รับคำตอบไปในทิศทางเดียวกันว่าเป็นเสียงงู บางคนถึงขนาดลงละเอียดว่าเป็นงูจงอาง
- งูเป็นสัตว์สันโดษ และไม่ค่อยส่งเสียง ดังนั้นเสียงที่ออกมาจึงมีความหมายที่เป็นไปได้ไม่กี่อย่าง อันนี้ผมวิเคราะห์ว่าเป็นการร้องหาคู่ เพื่อผสมพันธุ์
- ดังนั้นการผิวปากเสียงคล้ายกับเสียงงู ในพื้นที่ที่มีงู จึงเหมือนกับเป็นการเรียกงูเข้ามา ถึงแม้ว่าอาจจะไม่โดนกับผู้ผิวปากเองโดยตรง แต่การที่งูเข้ามาในพื้นที่ที่คนอยู่แล้ว มันอาจจะยังไม่ออกไป ดังนั้นใครที่ออกไปทำอะไรแถวนั้นเวลากลางคืน หรือเช้ามืด จึงมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะโดนงูกัด
- สรุป ใครที่ไปเที่ยวป่า หรือไปพักบ้านพักตากอากาศบริเวณชายป่า หรือมีที่รกร้างใกล้ๆ ไม่ควรผิวปากเสียงดังกล่าวเวลากลางคืน อาจจะส่งผลให้คนที่เขาต้องออกมาทำอะไรตอนเช้ามืด เช่น แม่บ้าน คนสวน หรือเพื่อนคุณบางคนที่ออกมารอดูพระอาทิตย์ขึ้น มีความเสี่ยงมากขึ้น ถ้าความคิดผมเป็นจริง