ขอเล่าวิธีการของตัวเองนะคะ
เนื่องจากเรามีแผนจะไปเรียนต่อต่างประเทศและมัวแต่ลอยชาย สบายใจ ทำให้มีเวลาเตรียมตัวแค่ 1 เดือน ก่อนยื่นเอกสาร โดยใน 1 เดือนนี้เราจัดตารางเอาไว้เลยว่าในแต่ละวันเราจะฝึกพาร์ทไหนบ้าง เราจบม.ปลายโรงเรียนไทย จบมหาวิทยาลัยอินเตอร์ในภาคเหนือ TOEIC เรา 800 กว่า เพราะฉะนั้นบอกไว้ก่อนว่าเราค่อนข้างชินกับภาษาอังกฤษแต่อ่อน writing มากๆ เรียกว่าเขียนไม่ได้เรื่องเลยดีกว่า
เราสอบ 2 ครั้งนะคะ รอบแรกอ่านแบบผ่านๆเตรียมตัวแบบชิลๆเพราะมั่นในสกิลภาษาของตัวเองมาก สุดท้ายเงิบค่ะ ได้ Overall 6.5 พลาด writing ไป ได้แค่ 6 เอง รู้สึกว่าถ้ายื่นไปแค่นี้ยูคงไม่รับเราแน่ๆ เราเลยสู้ใหม่ค่ะ รอบสองเราได้ Overall 7 (L 7.5, R 7, W 6.5, S 7)
ในเวลา 1 เดือน เราใช้หนังสือ 5 เล่มในการเตรียมตัว และอ่านตามเว็บไซต์อีก 2-3 เว็บค่ะ
เล่มแรกๆที่คนจะสอบ IELTS ต้องมีคือ Cambridge IELTS เราใช้เล่ม 8 และ 9 เพราะข้อสอบจะค่อนข้างอัพเดท (รอบแรกใช้แค่ 8 เล่มเดียวและมั่นมาก ฮ่าๆ)
ส่วนอีกเล่มที่อยากแนะนำคือ target band 7 ค่ะ ตารางการเตรียมตัวของเราเป็นไปตามเล่มนี้ มีปรับเองบ้างนิดหน่อยเพื่อเสริมส่วนที่เราอ่อน เล่มนี้ต้องซื้อออนไลน์นะคะลองไปหาดูได้หรือใครหาไม่ได้หลังไมค์มาค่ะ เล่มนี้จะรวมทริคและวิธีตอบในแต่ละพาร์ทให้ค่ะ อารมณ์เหมือนเวลาไปเรียนติวเตอร์ แต่ !!!! ขอเตือนว่าอย่าจำแพทเทิร์นในหนังสือไปสอบนะคะ เพราะเคยอ่านเจอในกระทู้ที่ต่างประเทศคนจำไปสอบได้แบนด์ 5.5 ค่ะ คือ examiner เค้าก็อัพเดทหนังสือในตลาดนะ เตือนแล้วนะ อ่านเพื่อเป็นไกด์ที่เหลือเราต้องจัดการเอง
ส่วนอีกเล่มคือ IELTS ของ Barron ค่ะ เล่มนี้ไม่ค่อยแนะนำเพราะค่อนข้างง่าย ไม่มีพาร์ทยากเลย แต่เฉลย writing ดีนะคะ มีคำสวยๆให้เราเลือกหยิบไปใช้ได้เยอะ
อีกเล่มนี่สารภาพว่าจำไม่ได้น่าจะเป็น writing ซึ่งเราอ่านไปแค่ 2-3 บท แล้วรู้สึกว่าไม่ใช่เลยเก็บใส่กล่องไป
ส่วนเว็บที่เราอ่านบ่อยๆคือ simon ielts เค้าอธิบายได้ค่อนข้างเข้าใจง่ายเลย แต่เสียที่เค้าไม่ค่อยตอบคำถามนะคะ
รวมแล้วเราอ่านหนังสือ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน อ่าน แล้วทำข้อสอบค่ะ ทำเสร็จแล้วอ่านเฉลย จดศัพท์หรือ idioms ที่คิดว่าน่าสนใจ โดยเราบังคับตัวเองให้ได้ศัพท์ที่บอกวันละ 7-10 คำ
อาทิตย์แรก
เราจะเน้นไล่เก็บแกรมม่าตัวเองค่ะ ทวนแกรมม่า 2-3 วัน หลังจากนั้นจะไปตามเก็บทริคต่างๆตามหนังสือเล่มข้างบน
อาทิตย์ที่ 2
เริ่มทำข้อสอบ 2 วันแรกเราไล่ทำข้อสอบให้ครบทุกพาร์ทแล้วดูว่าพาร์ทไหนอ่อนสุด แน่นอนหนีไม่พ้น writing หลังจากนั้นเราก็ตะลุย writing เลยค่ะ มีสลับไปอย่างอื่นบ้างถ้าเบื่อ ช่วงปลายๆอาทิตย์เราจะเริ่มอ่านตาม target band 7 ค่ะ เก็บทุกพาร์ทโดยให้เวลามากกว่าเวลาในห้องสอบให้รู้จัก ให้มั่นใจพอที่จะทำ ที่จะฝึกก่อน ค่อยไปเล่นกับเวลา
อาทิตย์ที่ 3
ตะลุยทุกพาร์ทค่ะ เหมือนคนบ้า ไม่พูดไม่จาทำแต่โจทย์ แต่ไม่ได้ทำทั้งวันนะคะ คงเครียดเกินไป ยังคงใช้เวลาหลังเลิกงาน 2-3 ชั่วโมงอยู่ดี วันเสาร์จะเพิ่มให้ เป็น 5 ชั่วโมง ส่วนวันอาทิตย์จะแค่ไล่อ่านสิ่งที่เราทำมาทั้งอาทิตย์ค่ะ
อาทิตย์สุดท้าย
อาทิตย์สุดท้ายความเครียดมาเยือน เริ่มทำโจทย์แบบฟูล ทำเหมือนนั่งในห้องสอบ จับเวลาทุกพาร์ท และรู้สึกว่ายังทำ reading ไม่ค่อยทัน คือไม่มีเวลาอ่านทวน เราเลยสร้างกติกาให้ตัวเอง เนื่องจากต้องบริหารเวลา 60 นาทีให้คุ้มที่สุดเราเลยแบ่ง ให้เวลา แต่ละพาร์ทแบบ 15-20-25 นาที โดยแต่ละพาร์ทจะต้องมีเวลาให้ทวนและเขียนคำตอบ 3 นาที เท่ากับว่าเวลาทำข้อสอบจริงๆเหลือแค้ 12-17-22 บอกเลยแรกๆยากมากแต่ทำแบบนี้สัก3-4 ครั้งแล้วจะโอเคค่ะเรารับรอง
ส่วน writing เรารู้สึกไม่ขยับเท่าไหร่ เราไม่ชอบเขียนแนว argument ด้วย แต่พยายามเก็บศัพท์อ่าน essay สวยๆเยอะ แล้วมันช่วยนะคะอย่างน้อยก็ขยับขึ้น 0.5
สุดท้ายเข้าเว็บมหาวิทยาลัยอีก 1 ครั้ง เรียกแรงบันดาลใจ ดันไปอ่านเจอว่าถ้าจบหลักสูตรภาษาอังกฤษมาไม่ต้องใช้ IELTS คือตอนนั้นทุกอย่างว่างมาก เวลา 1 เดือนของชั้นล่ะ ค่าสมัครสอบอีกล่ะ กรีดร้องไป 2 วัน เสียค่าโง่ไปหลักหมื่น แต่สบายใจขึ้นค่ะอย่างน้อยก็การันตีว่าถ้าคะแนนรอบนี้ไม่ถึงชั้นจะไม่ต้องสอบอีกรอบนะ
ก่อนวันสอบ 1 วัน เราไปดูหนังลั้ลลา เอาวะไม่ต้องใช้ละ แต่สอบดูเสียดายเวลาเตรียมตัว ทำให้ตัวเองสบายใจที่สุด แล้วเช้าวันสอบก็มาถึง
เตรียมทุกอย่างที่ศูนย์สอบแจ้งในอีเมลล์ เตรียมใจ แล้วไปลุยค่ะ เราสอบชิลๆมาก พาร์ท reading มีเวลาเหลือเข้าห้องน้ำด้วย ขำตัวเอง
ช่วงระยะเวลาอ่านหนังสือบอกเลยว่าทรมานมาก เพราะเราทำงานตอนกลางวัน กลับถึงบ้านมืดแล้วต้องอ่านหนังสืออีก เหนื่อยมากค่ะแต่สู้เพราะเรามีเป้าหมายที่จะไปเรียน (จริงๆจะไปตามหาเนื้อคู่ด้วย 5555) โชคดีอีกหน่อยที่สบายใจวันท้ายๆว่าถึงแม้จะได้น้อยแต่ก็ไม่ต้องใช้แล้วนะ เลยทำให้ทำข้อสอบได้ดีค่ะ
ตอนแรกคิดหนักเหมือนกันจะเขียนดีไหมเพราะมีหลายคนได้คะแนนเยอะกว่าเรา แบบไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย แต่คิดว่าน่าจะมีคนเหมือนเราอีกหลายคนเลยแชร์กันดีกว่า อย่างน้อยก็ได้รู้นะว่าหนังสือเล่มไหนควรไปล่ามา ใครกำลังจะสอบ สู้ๆน้า
แบ่งปันประสบการณ์เตรียมตัวสอบ IELTS band 7.0 ใน 1 เดือน
เนื่องจากเรามีแผนจะไปเรียนต่อต่างประเทศและมัวแต่ลอยชาย สบายใจ ทำให้มีเวลาเตรียมตัวแค่ 1 เดือน ก่อนยื่นเอกสาร โดยใน 1 เดือนนี้เราจัดตารางเอาไว้เลยว่าในแต่ละวันเราจะฝึกพาร์ทไหนบ้าง เราจบม.ปลายโรงเรียนไทย จบมหาวิทยาลัยอินเตอร์ในภาคเหนือ TOEIC เรา 800 กว่า เพราะฉะนั้นบอกไว้ก่อนว่าเราค่อนข้างชินกับภาษาอังกฤษแต่อ่อน writing มากๆ เรียกว่าเขียนไม่ได้เรื่องเลยดีกว่า
เราสอบ 2 ครั้งนะคะ รอบแรกอ่านแบบผ่านๆเตรียมตัวแบบชิลๆเพราะมั่นในสกิลภาษาของตัวเองมาก สุดท้ายเงิบค่ะ ได้ Overall 6.5 พลาด writing ไป ได้แค่ 6 เอง รู้สึกว่าถ้ายื่นไปแค่นี้ยูคงไม่รับเราแน่ๆ เราเลยสู้ใหม่ค่ะ รอบสองเราได้ Overall 7 (L 7.5, R 7, W 6.5, S 7)
ในเวลา 1 เดือน เราใช้หนังสือ 5 เล่มในการเตรียมตัว และอ่านตามเว็บไซต์อีก 2-3 เว็บค่ะ
เล่มแรกๆที่คนจะสอบ IELTS ต้องมีคือ Cambridge IELTS เราใช้เล่ม 8 และ 9 เพราะข้อสอบจะค่อนข้างอัพเดท (รอบแรกใช้แค่ 8 เล่มเดียวและมั่นมาก ฮ่าๆ)
ส่วนอีกเล่มที่อยากแนะนำคือ target band 7 ค่ะ ตารางการเตรียมตัวของเราเป็นไปตามเล่มนี้ มีปรับเองบ้างนิดหน่อยเพื่อเสริมส่วนที่เราอ่อน เล่มนี้ต้องซื้อออนไลน์นะคะลองไปหาดูได้หรือใครหาไม่ได้หลังไมค์มาค่ะ เล่มนี้จะรวมทริคและวิธีตอบในแต่ละพาร์ทให้ค่ะ อารมณ์เหมือนเวลาไปเรียนติวเตอร์ แต่ !!!! ขอเตือนว่าอย่าจำแพทเทิร์นในหนังสือไปสอบนะคะ เพราะเคยอ่านเจอในกระทู้ที่ต่างประเทศคนจำไปสอบได้แบนด์ 5.5 ค่ะ คือ examiner เค้าก็อัพเดทหนังสือในตลาดนะ เตือนแล้วนะ อ่านเพื่อเป็นไกด์ที่เหลือเราต้องจัดการเอง
ส่วนอีกเล่มคือ IELTS ของ Barron ค่ะ เล่มนี้ไม่ค่อยแนะนำเพราะค่อนข้างง่าย ไม่มีพาร์ทยากเลย แต่เฉลย writing ดีนะคะ มีคำสวยๆให้เราเลือกหยิบไปใช้ได้เยอะ
อีกเล่มนี่สารภาพว่าจำไม่ได้น่าจะเป็น writing ซึ่งเราอ่านไปแค่ 2-3 บท แล้วรู้สึกว่าไม่ใช่เลยเก็บใส่กล่องไป
ส่วนเว็บที่เราอ่านบ่อยๆคือ simon ielts เค้าอธิบายได้ค่อนข้างเข้าใจง่ายเลย แต่เสียที่เค้าไม่ค่อยตอบคำถามนะคะ
รวมแล้วเราอ่านหนังสือ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน อ่าน แล้วทำข้อสอบค่ะ ทำเสร็จแล้วอ่านเฉลย จดศัพท์หรือ idioms ที่คิดว่าน่าสนใจ โดยเราบังคับตัวเองให้ได้ศัพท์ที่บอกวันละ 7-10 คำ
อาทิตย์แรก
เราจะเน้นไล่เก็บแกรมม่าตัวเองค่ะ ทวนแกรมม่า 2-3 วัน หลังจากนั้นจะไปตามเก็บทริคต่างๆตามหนังสือเล่มข้างบน
อาทิตย์ที่ 2
เริ่มทำข้อสอบ 2 วันแรกเราไล่ทำข้อสอบให้ครบทุกพาร์ทแล้วดูว่าพาร์ทไหนอ่อนสุด แน่นอนหนีไม่พ้น writing หลังจากนั้นเราก็ตะลุย writing เลยค่ะ มีสลับไปอย่างอื่นบ้างถ้าเบื่อ ช่วงปลายๆอาทิตย์เราจะเริ่มอ่านตาม target band 7 ค่ะ เก็บทุกพาร์ทโดยให้เวลามากกว่าเวลาในห้องสอบให้รู้จัก ให้มั่นใจพอที่จะทำ ที่จะฝึกก่อน ค่อยไปเล่นกับเวลา
อาทิตย์ที่ 3
ตะลุยทุกพาร์ทค่ะ เหมือนคนบ้า ไม่พูดไม่จาทำแต่โจทย์ แต่ไม่ได้ทำทั้งวันนะคะ คงเครียดเกินไป ยังคงใช้เวลาหลังเลิกงาน 2-3 ชั่วโมงอยู่ดี วันเสาร์จะเพิ่มให้ เป็น 5 ชั่วโมง ส่วนวันอาทิตย์จะแค่ไล่อ่านสิ่งที่เราทำมาทั้งอาทิตย์ค่ะ
อาทิตย์สุดท้าย
อาทิตย์สุดท้ายความเครียดมาเยือน เริ่มทำโจทย์แบบฟูล ทำเหมือนนั่งในห้องสอบ จับเวลาทุกพาร์ท และรู้สึกว่ายังทำ reading ไม่ค่อยทัน คือไม่มีเวลาอ่านทวน เราเลยสร้างกติกาให้ตัวเอง เนื่องจากต้องบริหารเวลา 60 นาทีให้คุ้มที่สุดเราเลยแบ่ง ให้เวลา แต่ละพาร์ทแบบ 15-20-25 นาที โดยแต่ละพาร์ทจะต้องมีเวลาให้ทวนและเขียนคำตอบ 3 นาที เท่ากับว่าเวลาทำข้อสอบจริงๆเหลือแค้ 12-17-22 บอกเลยแรกๆยากมากแต่ทำแบบนี้สัก3-4 ครั้งแล้วจะโอเคค่ะเรารับรอง
ส่วน writing เรารู้สึกไม่ขยับเท่าไหร่ เราไม่ชอบเขียนแนว argument ด้วย แต่พยายามเก็บศัพท์อ่าน essay สวยๆเยอะ แล้วมันช่วยนะคะอย่างน้อยก็ขยับขึ้น 0.5
สุดท้ายเข้าเว็บมหาวิทยาลัยอีก 1 ครั้ง เรียกแรงบันดาลใจ ดันไปอ่านเจอว่าถ้าจบหลักสูตรภาษาอังกฤษมาไม่ต้องใช้ IELTS คือตอนนั้นทุกอย่างว่างมาก เวลา 1 เดือนของชั้นล่ะ ค่าสมัครสอบอีกล่ะ กรีดร้องไป 2 วัน เสียค่าโง่ไปหลักหมื่น แต่สบายใจขึ้นค่ะอย่างน้อยก็การันตีว่าถ้าคะแนนรอบนี้ไม่ถึงชั้นจะไม่ต้องสอบอีกรอบนะ
ก่อนวันสอบ 1 วัน เราไปดูหนังลั้ลลา เอาวะไม่ต้องใช้ละ แต่สอบดูเสียดายเวลาเตรียมตัว ทำให้ตัวเองสบายใจที่สุด แล้วเช้าวันสอบก็มาถึง
เตรียมทุกอย่างที่ศูนย์สอบแจ้งในอีเมลล์ เตรียมใจ แล้วไปลุยค่ะ เราสอบชิลๆมาก พาร์ท reading มีเวลาเหลือเข้าห้องน้ำด้วย ขำตัวเอง
ช่วงระยะเวลาอ่านหนังสือบอกเลยว่าทรมานมาก เพราะเราทำงานตอนกลางวัน กลับถึงบ้านมืดแล้วต้องอ่านหนังสืออีก เหนื่อยมากค่ะแต่สู้เพราะเรามีเป้าหมายที่จะไปเรียน (จริงๆจะไปตามหาเนื้อคู่ด้วย 5555) โชคดีอีกหน่อยที่สบายใจวันท้ายๆว่าถึงแม้จะได้น้อยแต่ก็ไม่ต้องใช้แล้วนะ เลยทำให้ทำข้อสอบได้ดีค่ะ
ตอนแรกคิดหนักเหมือนกันจะเขียนดีไหมเพราะมีหลายคนได้คะแนนเยอะกว่าเรา แบบไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย แต่คิดว่าน่าจะมีคนเหมือนเราอีกหลายคนเลยแชร์กันดีกว่า อย่างน้อยก็ได้รู้นะว่าหนังสือเล่มไหนควรไปล่ามา ใครกำลังจะสอบ สู้ๆน้า