ถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังคู่กรณี ที่นักร้องหนุ่ม ‘เม้าส์’ณัชชา จันทพันธ์ ขับรถชนร้านจนพังเสียหายและมีผู้รับบาดเจ็บ แต่ตัวหนุ่มเม้าส์ไม่ออกมารับผิดชอบ ซึ่งนักร้องหนุ่มได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า
“ตอนนี้กำลังอยู่ในกระบวนการขึ้นศาล เพราะเขาเรียกร้องค่าเสียหายมาประมาณ 2.5 ล้านบาท คือผมมีประกันวงเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมอยู่แล้ว แต่อีกฝั่งหนึ่งเขาไม่มีหลักฐานพอที่จะเรียกร้องเงินตรงนั้น เพราะว่าเงินมันสูงกว่าที่ประกันเขาให้ไว้ ถามว่ามีการไกล่เกลี่ยกันนอกรอบไหม ก็มีครับ คือตลอดเวลาก่อนที่จะออกข่าวก็ได้คุยกับอีกฝั่งหนึ่งมาตลอด”
เขาบอกว่าเราเงียบหายไปเลย “ส่วนใหญ่ผมจะให้ทางทนายและทางคุณแม่จัดการ แต่ผมก็มีรับเรื่องบ้างครับ”
เห็นเขาบอกว่าเราหายไปเลย และเราก็ไปเยี่ยมแค่ครั้งเดียวและไม่ติดต่อมาอีกเลย “คือตั้งแต่เกิดเหตุผมจำได้ว่าผมไปเยี่ยมประมาณ 3-4 ครั้ง”
ตรงนี้คือเกิดข้อผิดพลาดอะไรรึเปล่า เขาถึงว่าเราไม่ได้ติดต่อเลย “ก็คือตอนที่เกิดเหตุกว่าที่เขาจะหายเขาต้องรักษาตัวอยู่ประมาณ 5-6 เดือน ตอนที่เกิดเหตุสักประมาณ 2-3 เดือน ผมก็เข้าไปหาเขาเรื่อยๆ ถ้าผมมีเวลาว่างผมก็จะไปกับคุณแม่”
ข่าวที่ออกมา มันทำให้เราดูเหมือนว่าไม่มีความรับผิดชอบ ซีเรียสไหม “คือที่จริง ผมไม่ได้ซีเรียสนะ ผมรับผิดชอบทุกๆอย่างที่แบบว่าควรจะรับผิดชอบ เพราะเขาเสียหายใช่ไหมครับ เขาก็เรียกร้องมา แต่อย่างที่บอกว่าสิ่งที่เขาเรียกร้องมา เขาไม่มีหลักฐานเพียงพอสำหรับเงินตรงนั้น”
ที่ผ่านมาเราได้มีการรับผิดชอบอะไรบ้าง “ผมได้ให้ประกันเข้าไปคุยเรื่องเงิน แล้วผมก็มีให้เขาเพิ่มนอกจากที่ประกันให้ เป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่ว่าเขาไม่รับครับ”
เห็นคุณแม่บอกว่าอาจจะสู้ให้ถึงที่สุด “ก็ไม่ได้เชิงสู้ให้ถึงที่สุดครับ ที่จริงเราก็เห็นใจเขาอยู่แล้ว อุบัติเหตุเราไม่ได้อยากให้เกิด มันเป็นสิ่งที่คาดคิดไม่ได้ แต่พอมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ให้ทางคุณแม่ ทางทนาย ทางประกันเขารับผิดชอบให้มากที่สุด”
เครียดมั้ย “ถ้าพูดถึงเรื่องเครียด ตอนแรกๆ เครียดแน่นอนอยู่แล้ว ตอนเกิดอุบัติเหตุ รถผมก็เสียเหมือนกันผมก็ซ่อมรถเหมือนกัน คนในรถก็เจ็บ และที่ผมไปชนร้านค้าอะไรมันก็เกิดความเสียหาย คือก็โล่งใจนะที่ตอนนั้นไม่มีใครเสียชีวิต แต่ก็เครียดเหมือนกัน พอเขาหายดีกลับมาทำงานได้ตามปกติแล้ว ผมก็โล่งใจมากขึ้น”
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU1UTTVOVEkzTVE9PQ%3D%3D
เม้าส์-ณัชชา ยันรับผิดชอบคดีรถชน แต่ข้อเรียกร้องต้องสมเหตุผล
“ตอนนี้กำลังอยู่ในกระบวนการขึ้นศาล เพราะเขาเรียกร้องค่าเสียหายมาประมาณ 2.5 ล้านบาท คือผมมีประกันวงเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมอยู่แล้ว แต่อีกฝั่งหนึ่งเขาไม่มีหลักฐานพอที่จะเรียกร้องเงินตรงนั้น เพราะว่าเงินมันสูงกว่าที่ประกันเขาให้ไว้ ถามว่ามีการไกล่เกลี่ยกันนอกรอบไหม ก็มีครับ คือตลอดเวลาก่อนที่จะออกข่าวก็ได้คุยกับอีกฝั่งหนึ่งมาตลอด”
เขาบอกว่าเราเงียบหายไปเลย “ส่วนใหญ่ผมจะให้ทางทนายและทางคุณแม่จัดการ แต่ผมก็มีรับเรื่องบ้างครับ”
เห็นเขาบอกว่าเราหายไปเลย และเราก็ไปเยี่ยมแค่ครั้งเดียวและไม่ติดต่อมาอีกเลย “คือตั้งแต่เกิดเหตุผมจำได้ว่าผมไปเยี่ยมประมาณ 3-4 ครั้ง”
ตรงนี้คือเกิดข้อผิดพลาดอะไรรึเปล่า เขาถึงว่าเราไม่ได้ติดต่อเลย “ก็คือตอนที่เกิดเหตุกว่าที่เขาจะหายเขาต้องรักษาตัวอยู่ประมาณ 5-6 เดือน ตอนที่เกิดเหตุสักประมาณ 2-3 เดือน ผมก็เข้าไปหาเขาเรื่อยๆ ถ้าผมมีเวลาว่างผมก็จะไปกับคุณแม่”
ข่าวที่ออกมา มันทำให้เราดูเหมือนว่าไม่มีความรับผิดชอบ ซีเรียสไหม “คือที่จริง ผมไม่ได้ซีเรียสนะ ผมรับผิดชอบทุกๆอย่างที่แบบว่าควรจะรับผิดชอบ เพราะเขาเสียหายใช่ไหมครับ เขาก็เรียกร้องมา แต่อย่างที่บอกว่าสิ่งที่เขาเรียกร้องมา เขาไม่มีหลักฐานเพียงพอสำหรับเงินตรงนั้น”
ที่ผ่านมาเราได้มีการรับผิดชอบอะไรบ้าง “ผมได้ให้ประกันเข้าไปคุยเรื่องเงิน แล้วผมก็มีให้เขาเพิ่มนอกจากที่ประกันให้ เป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่ว่าเขาไม่รับครับ”
เห็นคุณแม่บอกว่าอาจจะสู้ให้ถึงที่สุด “ก็ไม่ได้เชิงสู้ให้ถึงที่สุดครับ ที่จริงเราก็เห็นใจเขาอยู่แล้ว อุบัติเหตุเราไม่ได้อยากให้เกิด มันเป็นสิ่งที่คาดคิดไม่ได้ แต่พอมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ให้ทางคุณแม่ ทางทนาย ทางประกันเขารับผิดชอบให้มากที่สุด”
เครียดมั้ย “ถ้าพูดถึงเรื่องเครียด ตอนแรกๆ เครียดแน่นอนอยู่แล้ว ตอนเกิดอุบัติเหตุ รถผมก็เสียเหมือนกันผมก็ซ่อมรถเหมือนกัน คนในรถก็เจ็บ และที่ผมไปชนร้านค้าอะไรมันก็เกิดความเสียหาย คือก็โล่งใจนะที่ตอนนั้นไม่มีใครเสียชีวิต แต่ก็เครียดเหมือนกัน พอเขาหายดีกลับมาทำงานได้ตามปกติแล้ว ผมก็โล่งใจมากขึ้น”
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU1UTTVOVEkzTVE9PQ%3D%3D