หลังจากที่เมื่อวานไปดอยสุเทพเที่ยวชมพระธาตุ แล้วกลับมาพักผ่อน ก็มาถึงวันนี่ 2 ของการมาเชียงใหม่ วันนี้ผมก็กะจะไปจุดสูงสุดของแดนสยามนั้นก็คือ ดอยอินทนนท์
ดอยอินทนนท์มีชื่อว่า เป็นดอยภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ ในเขตพื้นที่ ป่าดงดิบ ดอยอินทนนท์อำเภอจอมทอง อำเภอสันป่าตอง และอำเภอแม่แจ่ม มีเนื้อที่ทั้งหมด 301,500 ไร่ ระยะทางจากตัวเมืองขึ้นไปจนถึงยอดดอยอินทนนท์ ประมาณ 106 กม. ยอดดอยอินทนนท์ เป็นถนนลาดยางอย่างดีแต่ค่อนข้างสูงชัน คนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว รถจะต้องมีสภาพดี ผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถเช่ารถสองแถวได้ ส่วนการนำรถขึ้นไปเองนั้น จะต้องเสียค่าผ่านทาง ตรงด่านตรวจและจำหน่ายบัตรค่าธรรมเนียมบริเวณทางขึ้น ส่วนวันนี้เนื่องจากต้องขึ้นเขาค่อนข้างสูงและไปไกล ผมเลยคิดว่าเช่าคนพร้อมคนขับเลยดีกว่า สรุปก็ได้เช่ารถตู้มาในราคา 1,800 บาท
ผมได้ออกจากโรงแรมประมาณ 8.30 น. นอนหลับมาเกือบตลอดทางก็มาถึงทางขึ้นที่เป็นด่านตรวจและจำหน่ายบัตรค่าธรรมเนียม
ก็ต้องเสียค่าขึ้นยอดดอยที่เป็นจุดสูงสุดของแดนสยามคนละ 40 บาท แต่ถ้าเด็กคนละ 20 บาท และต้องเสียค่านำรถเข้าไปอีกคันละ 30 บาท
เส้นทางที่จะขึ้นไปยอดดอยใครที่ไม่ชินทางแนะนำว่าให้เช่ารถที่มีคนขับชำนาญทางจะดีกว่าเพราะหมอกหนามาก อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ เลย ผมมองออกไปนอกรถเห็ตุแต่หมอกขาวโพลนไม่เห็นอะไรเลยนอกจากไฟท้ายรถคันหน้ากันไฟหน้ารถที่สวนทางมา
หลังจากนั่งรถขึ้นมาได้เกือบชั่วโมงตอนนี้เวลา 10.00 น. ก็มาถึงยอดดอยอินทนนท์ ข้างบนนี้ค่อนข้างอากาศหนาว ลงมายืนแปปเดียวนี้สั่นเลยก้าวขาไม่ออก >o< เนื่องจากที่จอดรถเป็นที่โล่ง คนยังไม่ค่อยเยอะสงสัยชาวบ้านเค้าจะมากันตั้งแต่เช้าแล้ว เรามันตื่นสายเอง 5555
ใครที่คิดว่าขึ้นมาชมวิว บอกเลยไม่เห็นอะไรหรอกมีแต่หมอกขาวไปหมดเลย
ด้านบนนี้ก็เป็นที่ตั้งของกองทัพอากาศ สถานีรายงานดอยอินทนนท์ พี่ทหารที่อยู่บริเวณนั้นเค้าบอกไม่หนาวหรอก(แต่มีแอบสั่นนะพี่555)
จุดบนสุดของดอยอินทนนท์เป็นที่ตั้งของพระสถูป ให้คนที่มีเที่ยวได้ขึ้นไปไหว้กัน
ทางขึ้นเป็นบันไดเดินสบาย
ทางเดินที่ขึ้นไปนั้นได้ถางทางทำเป็นรั้วอยากดี แต่เขาห้ามปีนออกไปนอกรั้วนะครับ(แต่ใครมันจะบ้าข้างไปเนอะ ^o^)
บรรยากาศรอบ ๆ ที่เดินมาคิดว่าฝนตก เสียงซ่า ๆ มีหยดน้ำตกลงมาตลอดเวลา ที่แท้เป็นน้ำค้าง ถ้าใครมาเช้าๆโชคดีคงได้เห็นน้ำค้างแข็งกันบ้าง แต่ผมมาเจอแต่น้ำค้างตกใส่หัวอะ
เดินมาสักพักผมก็มาถึงจุดที่สูงสุดของแดนสยามแล้ว เย้!! บนนี้หมอกขาวเวอร์อะ มองไปได้ไกลเลยมีแต่หมอกกับหมอก
บริเวณใกล้เป็นที่ตั้งของพระสถูปดอยอินทนนท์ มีผู้คนที่ขึ้นมานำดอกไม้ธูปเทียนมาวางบูชากันแต่ไ่มีใครจุดธูปเทียนกันเลย สงสัยจุดกันไม่ติด 555 จุดปุ๊บดับปั๊บ
บนนี้น้ำค้างเยอะขนาดรูปปั้นช้างตัวขาว ๆ นี้ทั้งมอสทั้งตะไคร่ขึ้นจนเขียนทั้งตัวเลย
หลังจากเดินต่อไปอีกหน่อยก็มีร้านค้าไว้คอยรับรองผู้คนที่ขึ้นมาซื้อของกินของฝากได้มีซื้อถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอที่นี้ด้วยเผื่อใครลืมเอามาละหนาว
ผมก็เข้าดูของมาเล่นเหมือนกัน ชอบถุงมืออันนี้อะน่ารักเชียว 555
เดินเที่ยวมาสักพักก็ขอเข้าห้องน้ำแปป ไปสร้างแลนด์มาร์ก(ฉี่สูงสุดในแดนสยาม 555)
ต่อมาจุดแลนด์มาร์กนี้เป็นจุดที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องแวะถ่ายรูปเป็นที่ระทึกเกือบทุกคน มีบอกด้วยว่าตอนนี้อากาศหนาวเท่าไร ตอนที่ผมไปถึงว่าอากาศยังไม่หนาวมากแค่ 11 องศาเองอยากให้หนาวกว่านี้จัง
หลังจากรับลมหนาวบนยอดดอยเสร็จก็แวะลงไปหน่อยก็จะเป็นพระธาตุที่อยู่บนดอยอินทนนท์ คือ พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างขึ้นโดยกองทัพกอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปี พ.ศ. 2530 และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปีพ.ศ. 2535 พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน คือมีฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปบูชา รอบบริเวณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างสวยงาม
เส้นทางที่จะไปพระธาตุห่างจากยอดดอยไม่มากขับย้อนลงไปอยู่ทางขวามือ ตลอดทางยังคงมีหมอกหนาตลอดทาง
ใครที่ขับรถขึ้นมาควรขับด้วยความระมัดระวังด้วย
พอมาถึงพระธาตุที่นี้ก็ยังมีหมอกหนาเหมือนกับบนยอดดอย ทำให้ได้บรรยากาศดี ๆ
ที่นี้จะมีพระธาตุอยู่สององค์อยู่คนละฝั่ง ทั้งพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริจะมีลักษณะคล้ายเลย แต่วันที่นี้หมอกค่อนข้างเยอะทำให้มองไม่ค่อยชัด มีหมอกบังอยู่ตลอด
บรรยากาศที่นี้ผมว่าสวยกว่าบนยอดดอยเพราะว่ามีการปลูกดอกไม้ไว้รอบบริเวณให้คนมีเที่ยวชม
ขนาดผมมองขึ้นไปข้างบนยังเห็นดอกไม้ปลูกเป็นแถว ๆ งามมาก
เมื่อเดินขึ้นมาด้านบนที่ตั้งของพระธาตุ รอบบริเวณก็มีดอกไม้หลากหลายชนิดให้เลือกเด็ด เอ๊ย!! เลือกชม (จะเอาเอาดอกไม้กลับบ้านละ)
ส่วนด้านในขงพระธาตุมีการวาดภาพบนเพดานสวยมากและมีพระพุทธรูปปางเปิดโลกอยู่ตรงกลางของพระธาตุ
พอออกมาดูวิวรอนอกของพระธาตุก็ให้มองออกไปไกลๆก็มองไม่เห็นอะไรเลย(ก็สายตาสั้นอะ555)
แต่ส่องลงมาข้างล่างข้าง ๆ พระธาตุยังมีสวนให้ลงไปชมอีกนะ
ถ้ามองไปอีกฝั่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามก็จะเห็นพระธาตุอยู๋องค์อยู่ริบ ๆ ราง ๆเนื่องจากหมอกบางหมดเลย
หลังจากเที่ยวชมเกือบบ่ายโมงยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยก็เลยกลับลงจากพระธาตุก็ของแถมอีกซักรูปสองรูปเนอะก่อนกลับ
หลังจากลงมาจากยอดดอยจนมาชมพระธาตุเสร็จก็แวะทานข้าวเช้าก่อน(ข้าวเช้าจริงๆนะตื่นมายังไม่กินข้าวเลย)ระหว่างวิ่งกะจะไปทานข้าวก็มาเจอตลาดขายของ ตอนแรกก็ว่าจะไม่แวะลงแต่จอดลงไปดูเกือบครึ่งชั่วโมงกว่า 555
ที่นี้มีทั้งของสดและของแห้งขายทั้งสตอเบอร์รี่องุ่นสด ๆ จากไร่ สตอเบอร์รี่จิ๋วหวานกรอบมาก
หรือพวกของอบแห้งให้เกือบไว้ได้นานเปนของฝากก็ได้
แต่พอเดินดูขอวงอยู๋ได้พักเดียวเท่านั้นแหละ ฝนดันลงเม็ดซะแล้ว มาเที่ยวแต่ดันฝนตกซะงั้นแหละ เซ็งเลย T^T (ร้อยวันพันปีไม่เคยตกตอนหน้าหนาวพอได้มาเที่ยวดันตก ซวยจริง ๆ เลย) พอซื้อของเสร็จก็รีบขึ้นรถไปหาร้านอาหารกิน ที่ผมไปกินคือ โครงการหลวงดอยอินทนนท์
ที่นี้ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาทด้วยแต่สามารถนำบัตรไปเป็นส่วนลดในร้านอาหารข้างในได้ใบละ 20 บาทเหมือนกัน
บรรยากาศภายในโครงการหลวงมีการจัดดอกไม้สวยมากแต่ฝนดันตกผมเลยไม่มีโอกาสแวะไปถ่ายรูปเลยเสียใจจุง เลยได้แต่แวะไปทานอาหารในร้าน สลัดผักที่นี้สดมากเนื่องจากปลูกเองผักนี้หวานกรอบเลย พูดแล้วอยากกินอีก
เสียอย่างเดียวรอนานมากจะสั่งอะไรก็ต้องตามแล้วตามอีกกว่าจะได้ เอาอาหารมาช้อมส้อมก็ไม่มีผมเลยเดินไปหยิบเองเลย ขนาดสั่งน้ำเปล่ายังรอเป็นสิบนาทีกินข้าวจนหมดแล้วน้ำยังไม่ได้ แต่บ่นไปก็เท่านั้นไปเที่ยวต่อดีกว่าครับ
หลังจากทานข้าวจนอิ่มที่ต่อไปตอนแรกผมว่าจะไปชมต้นนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทย(ที่ญี่ปุ่นไม่เห็นเรียกต้นซากุระว่าต้นพญาเสือโคร่งญี่ปุ่นเลยแห่ะ)แต่ไปได้ครึ่งทางหมอกลงจัดมากคนขับรถขับลำบากทำให้ต้องวกกลับไปเที่ยวที่อื่นแทนอดดูดอกสวย ๆ สีชมพูเลย เสียเวลาวนไปวนมาเป็นชั่วโมงเลยผมก็เลยไปอีกที่ก็คือ น้ำตกวชิรธาร
เที่ยวเชียงใหม่ แอ่วภาคเหนือ 4 วัน - วันที่ 2
ดอยอินทนนท์มีชื่อว่า เป็นดอยภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ ในเขตพื้นที่ ป่าดงดิบ ดอยอินทนนท์อำเภอจอมทอง อำเภอสันป่าตอง และอำเภอแม่แจ่ม มีเนื้อที่ทั้งหมด 301,500 ไร่ ระยะทางจากตัวเมืองขึ้นไปจนถึงยอดดอยอินทนนท์ ประมาณ 106 กม. ยอดดอยอินทนนท์ เป็นถนนลาดยางอย่างดีแต่ค่อนข้างสูงชัน คนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว รถจะต้องมีสภาพดี ผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถเช่ารถสองแถวได้ ส่วนการนำรถขึ้นไปเองนั้น จะต้องเสียค่าผ่านทาง ตรงด่านตรวจและจำหน่ายบัตรค่าธรรมเนียมบริเวณทางขึ้น ส่วนวันนี้เนื่องจากต้องขึ้นเขาค่อนข้างสูงและไปไกล ผมเลยคิดว่าเช่าคนพร้อมคนขับเลยดีกว่า สรุปก็ได้เช่ารถตู้มาในราคา 1,800 บาท
ผมได้ออกจากโรงแรมประมาณ 8.30 น. นอนหลับมาเกือบตลอดทางก็มาถึงทางขึ้นที่เป็นด่านตรวจและจำหน่ายบัตรค่าธรรมเนียม
ก็ต้องเสียค่าขึ้นยอดดอยที่เป็นจุดสูงสุดของแดนสยามคนละ 40 บาท แต่ถ้าเด็กคนละ 20 บาท และต้องเสียค่านำรถเข้าไปอีกคันละ 30 บาท
เส้นทางที่จะขึ้นไปยอดดอยใครที่ไม่ชินทางแนะนำว่าให้เช่ารถที่มีคนขับชำนาญทางจะดีกว่าเพราะหมอกหนามาก อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ เลย ผมมองออกไปนอกรถเห็ตุแต่หมอกขาวโพลนไม่เห็นอะไรเลยนอกจากไฟท้ายรถคันหน้ากันไฟหน้ารถที่สวนทางมา
หลังจากนั่งรถขึ้นมาได้เกือบชั่วโมงตอนนี้เวลา 10.00 น. ก็มาถึงยอดดอยอินทนนท์ ข้างบนนี้ค่อนข้างอากาศหนาว ลงมายืนแปปเดียวนี้สั่นเลยก้าวขาไม่ออก >o< เนื่องจากที่จอดรถเป็นที่โล่ง คนยังไม่ค่อยเยอะสงสัยชาวบ้านเค้าจะมากันตั้งแต่เช้าแล้ว เรามันตื่นสายเอง 5555
ใครที่คิดว่าขึ้นมาชมวิว บอกเลยไม่เห็นอะไรหรอกมีแต่หมอกขาวไปหมดเลย
ด้านบนนี้ก็เป็นที่ตั้งของกองทัพอากาศ สถานีรายงานดอยอินทนนท์ พี่ทหารที่อยู่บริเวณนั้นเค้าบอกไม่หนาวหรอก(แต่มีแอบสั่นนะพี่555)
จุดบนสุดของดอยอินทนนท์เป็นที่ตั้งของพระสถูป ให้คนที่มีเที่ยวได้ขึ้นไปไหว้กัน
ทางขึ้นเป็นบันไดเดินสบาย
ทางเดินที่ขึ้นไปนั้นได้ถางทางทำเป็นรั้วอยากดี แต่เขาห้ามปีนออกไปนอกรั้วนะครับ(แต่ใครมันจะบ้าข้างไปเนอะ ^o^)
บรรยากาศรอบ ๆ ที่เดินมาคิดว่าฝนตก เสียงซ่า ๆ มีหยดน้ำตกลงมาตลอดเวลา ที่แท้เป็นน้ำค้าง ถ้าใครมาเช้าๆโชคดีคงได้เห็นน้ำค้างแข็งกันบ้าง แต่ผมมาเจอแต่น้ำค้างตกใส่หัวอะ
เดินมาสักพักผมก็มาถึงจุดที่สูงสุดของแดนสยามแล้ว เย้!! บนนี้หมอกขาวเวอร์อะ มองไปได้ไกลเลยมีแต่หมอกกับหมอก
บริเวณใกล้เป็นที่ตั้งของพระสถูปดอยอินทนนท์ มีผู้คนที่ขึ้นมานำดอกไม้ธูปเทียนมาวางบูชากันแต่ไ่มีใครจุดธูปเทียนกันเลย สงสัยจุดกันไม่ติด 555 จุดปุ๊บดับปั๊บ
บนนี้น้ำค้างเยอะขนาดรูปปั้นช้างตัวขาว ๆ นี้ทั้งมอสทั้งตะไคร่ขึ้นจนเขียนทั้งตัวเลย
หลังจากเดินต่อไปอีกหน่อยก็มีร้านค้าไว้คอยรับรองผู้คนที่ขึ้นมาซื้อของกินของฝากได้มีซื้อถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอที่นี้ด้วยเผื่อใครลืมเอามาละหนาว
ผมก็เข้าดูของมาเล่นเหมือนกัน ชอบถุงมืออันนี้อะน่ารักเชียว 555
เดินเที่ยวมาสักพักก็ขอเข้าห้องน้ำแปป ไปสร้างแลนด์มาร์ก(ฉี่สูงสุดในแดนสยาม 555)
ต่อมาจุดแลนด์มาร์กนี้เป็นจุดที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องแวะถ่ายรูปเป็นที่ระทึกเกือบทุกคน มีบอกด้วยว่าตอนนี้อากาศหนาวเท่าไร ตอนที่ผมไปถึงว่าอากาศยังไม่หนาวมากแค่ 11 องศาเองอยากให้หนาวกว่านี้จัง
หลังจากรับลมหนาวบนยอดดอยเสร็จก็แวะลงไปหน่อยก็จะเป็นพระธาตุที่อยู่บนดอยอินทนนท์ คือ พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างขึ้นโดยกองทัพกอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปี พ.ศ. 2530 และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปีพ.ศ. 2535 พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน คือมีฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปบูชา รอบบริเวณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างสวยงาม
เส้นทางที่จะไปพระธาตุห่างจากยอดดอยไม่มากขับย้อนลงไปอยู่ทางขวามือ ตลอดทางยังคงมีหมอกหนาตลอดทาง
ใครที่ขับรถขึ้นมาควรขับด้วยความระมัดระวังด้วย
พอมาถึงพระธาตุที่นี้ก็ยังมีหมอกหนาเหมือนกับบนยอดดอย ทำให้ได้บรรยากาศดี ๆ
ที่นี้จะมีพระธาตุอยู่สององค์อยู่คนละฝั่ง ทั้งพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริจะมีลักษณะคล้ายเลย แต่วันที่นี้หมอกค่อนข้างเยอะทำให้มองไม่ค่อยชัด มีหมอกบังอยู่ตลอด
บรรยากาศที่นี้ผมว่าสวยกว่าบนยอดดอยเพราะว่ามีการปลูกดอกไม้ไว้รอบบริเวณให้คนมีเที่ยวชม
ขนาดผมมองขึ้นไปข้างบนยังเห็นดอกไม้ปลูกเป็นแถว ๆ งามมาก
เมื่อเดินขึ้นมาด้านบนที่ตั้งของพระธาตุ รอบบริเวณก็มีดอกไม้หลากหลายชนิดให้เลือกเด็ด เอ๊ย!! เลือกชม (จะเอาเอาดอกไม้กลับบ้านละ)
ส่วนด้านในขงพระธาตุมีการวาดภาพบนเพดานสวยมากและมีพระพุทธรูปปางเปิดโลกอยู่ตรงกลางของพระธาตุ
พอออกมาดูวิวรอนอกของพระธาตุก็ให้มองออกไปไกลๆก็มองไม่เห็นอะไรเลย(ก็สายตาสั้นอะ555)
แต่ส่องลงมาข้างล่างข้าง ๆ พระธาตุยังมีสวนให้ลงไปชมอีกนะ
ถ้ามองไปอีกฝั่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามก็จะเห็นพระธาตุอยู๋องค์อยู่ริบ ๆ ราง ๆเนื่องจากหมอกบางหมดเลย
หลังจากเที่ยวชมเกือบบ่ายโมงยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยก็เลยกลับลงจากพระธาตุก็ของแถมอีกซักรูปสองรูปเนอะก่อนกลับ
หลังจากลงมาจากยอดดอยจนมาชมพระธาตุเสร็จก็แวะทานข้าวเช้าก่อน(ข้าวเช้าจริงๆนะตื่นมายังไม่กินข้าวเลย)ระหว่างวิ่งกะจะไปทานข้าวก็มาเจอตลาดขายของ ตอนแรกก็ว่าจะไม่แวะลงแต่จอดลงไปดูเกือบครึ่งชั่วโมงกว่า 555
ที่นี้มีทั้งของสดและของแห้งขายทั้งสตอเบอร์รี่องุ่นสด ๆ จากไร่ สตอเบอร์รี่จิ๋วหวานกรอบมาก
หรือพวกของอบแห้งให้เกือบไว้ได้นานเปนของฝากก็ได้
แต่พอเดินดูขอวงอยู๋ได้พักเดียวเท่านั้นแหละ ฝนดันลงเม็ดซะแล้ว มาเที่ยวแต่ดันฝนตกซะงั้นแหละ เซ็งเลย T^T (ร้อยวันพันปีไม่เคยตกตอนหน้าหนาวพอได้มาเที่ยวดันตก ซวยจริง ๆ เลย) พอซื้อของเสร็จก็รีบขึ้นรถไปหาร้านอาหารกิน ที่ผมไปกินคือ โครงการหลวงดอยอินทนนท์
ที่นี้ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาทด้วยแต่สามารถนำบัตรไปเป็นส่วนลดในร้านอาหารข้างในได้ใบละ 20 บาทเหมือนกัน
บรรยากาศภายในโครงการหลวงมีการจัดดอกไม้สวยมากแต่ฝนดันตกผมเลยไม่มีโอกาสแวะไปถ่ายรูปเลยเสียใจจุง เลยได้แต่แวะไปทานอาหารในร้าน สลัดผักที่นี้สดมากเนื่องจากปลูกเองผักนี้หวานกรอบเลย พูดแล้วอยากกินอีก
เสียอย่างเดียวรอนานมากจะสั่งอะไรก็ต้องตามแล้วตามอีกกว่าจะได้ เอาอาหารมาช้อมส้อมก็ไม่มีผมเลยเดินไปหยิบเองเลย ขนาดสั่งน้ำเปล่ายังรอเป็นสิบนาทีกินข้าวจนหมดแล้วน้ำยังไม่ได้ แต่บ่นไปก็เท่านั้นไปเที่ยวต่อดีกว่าครับ
หลังจากทานข้าวจนอิ่มที่ต่อไปตอนแรกผมว่าจะไปชมต้นนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทย(ที่ญี่ปุ่นไม่เห็นเรียกต้นซากุระว่าต้นพญาเสือโคร่งญี่ปุ่นเลยแห่ะ)แต่ไปได้ครึ่งทางหมอกลงจัดมากคนขับรถขับลำบากทำให้ต้องวกกลับไปเที่ยวที่อื่นแทนอดดูดอกสวย ๆ สีชมพูเลย เสียเวลาวนไปวนมาเป็นชั่วโมงเลยผมก็เลยไปอีกที่ก็คือ น้ำตกวชิรธาร