ตอนนี้เราอายุ18 อยู่ม.6 เรียนปีนี้เป็นปีสุดท้าย
หลังจากอัดอั้นตันใจอยู่ถึงสองปีเต็ม เลยตัดสินใจสมัครยูสพันทิปแล้วมาเล่าประสบการณ์ให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ฟังกันค่ะ
ตั้งแต่ตอนเราขึ้นม.4 เราจำเป็นต้องปรับสังคมใหม่ เจอเพื่อนใหม่ๆ ซึ่งจุดนี้เราก็มั่นใจค่ะว่าเราทำได้ดี ไม่ได้บกพร่อง
ตอนนั้นก็คิดบวกค่ะว่าชีวิตจะดี เพื่อนแต่ละคนก็ดูเป็นมิตร จบมาจากโรงเรียนดีๆ กันทั้งนั้น แม้จะยังไม่ได้หันหน้าพูดคุยกันอย่างจริงจัง
แต่ก็มั่นใจว่าสักวันก็คงมาบรรจบกันเหมือนตอนมัธยมต้น
และเราได้จับกลุ่มกับเพื่อนอีกห้าคน รวมเราเป็นหก เป็นกลุ่มที่แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง
มีคนชอบอ่านนิยาย มีคนชอบวาดรูป มีคนชอบอ่านการ์ตูนวาย มีคนติ่งเกาหลี รวมๆ กันอยู่เป็นก้อนๆ ใช้เวลาอยู่นานค่ะถึงจะปรับเข้าหากันได้
เราเรียนไปครึ่งเทอม มีงานโรงเรียนมอบหมายมาให้ทำอยู่เรื่อยๆ ตอนแรกๆ ก็คิดในแง่ดีว่าคงเป็นเพราะเพื่อนในห้องไว้วางใจให้ทำ
แต่ไปๆ มาๆ ชักเอะใจ เพราะเพื่อนไม่ค่อยให้ความร่วมมือ กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มีแต่พวกเราหกคนลงแรงทำกัน
แถมพอไม่ได้อย่างที่เพื่อนๆ คาดหวังก็โดนเบลมโดนด่า เราเคยถามพวกเขาด้วยซ้ำค่ะว่า " แล้วทำไมถึงไม่ทำเอง มาให้พวกเราทำทำไม? "
สุดท้ายไม่ได้อะไรนอกจากการเพิกเฉย ซึ่งจุดนั้นเราก็ปล่อยเลยตามเลย เพราะคิดว่ามันคงไม่มีอีกแล้ว
แต่...
ในความเป็นจริงที่เรากับเพื่อนประสบคือสิ่งที่เราคิดมันผิดทั้งหมด เรากับเพื่อนยังคงทำงานและใช้ชีวิตอยู่ภายใต้คำครหาของคนในห้อง
บางคนบอกพวกเราทำงานไม่โปร่งใส ทั้งๆ ที่เราก็แจงไปทุกครั้งแล้วว่าเราจ่ายเงินซื้ออะไรไปบ้าง
และเราสาบานได้ค่ะว่าเราไม่เคยนำเงินไปใช้ส่วนตัวอย่างแน่นอน
ม.4ผ่านไปแบบกระท่อนกระแท่น ความแรงมันยังมาไม่หมด ตอนนั้นห้องเราแบ่งเป็นก๊กเรียบร้อย คือมีกลุ่มเรา มีกลุ่มหลังห้อง และกลุ่มของพวกผู้ชาย ที่เรามีเรื่องด้วยประจำคือกลุ่มหลังห้องค่ะ
พอขึ้นม.5 เราว่าอะดรีนาลินคงหลั่ง อยู่กันมาหนึ่งปีคงไม่มีความเกรงใจอะไรแล้ว อีกครั้งค่ะที่กลุ่มเรารับงานโรงเรียนมาทำ
แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเราไม่แบ่งงานให้คนอื่นนะคะ เพราะเราเคยแบ่งไปแล้วค่ะ สุดท้ายมันจะตีกลับมาหาเราก่อนวันส่งผลงาน 1 วันทุกที = =
แล้วก็เหมือนเดิม ใช้ชีวิตภายใต้คำครหา เหมือนเวรกรรมจะยังไม่ผ่านพ้น เรากับเพื่อนก็เครียดค่ะ เพราะมันคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้กลุ่มเรากลายเป็นกลุ่มที่โดนแบนอย่างสมบูรณ์
เราโชคดีที่ยังมีคุณครูที่ปรึกษาตอนม.4 เขาคอยช่วยเหลือเราตลอด แต่เขาไม่ได้ลงพื้นที่มาจัดการอะไรให้เราหรอกนะคะ ส่วนมากจะรู้ทีหลังมากกว่า เขาก็คอยบอกว่าให้เปิดใจ เพื่อนทำอะไรมาก็ยิ้มรับ ซึ่งเราก็ทำค่ะ พยายามอยู่หลายครั้งก็ล้มเหลว เพราะพวกเขาเหล่านั้นทำให้เราหมดกำลังใจ
อย่างเช่นว่างานกินเลี้ยงวันเด็ก สั่งอาหารกันอย่างอลังการ สุดท้ายกินเหลือทิ้งขว้าง เสร็จเรื่องสะบัดก้นหนี ทิ้งให้พวกเราเก็บ ตามล้างตามเช็ดให้
ห้องเราแผนภาษาญี่ปุ่น มีคาบที่ได้ทำโอโคโนมิยากิ แต่มีเวลาจำกัดคือ 2 คาบ ตอนแรกก็นั่งทำๆ กันอยู่วงเบ้อเริ่มเลยค่ะ แต่พอหมดคาบเท่านั้นล่ะ สะบัดก้นตามฟอร์ม ทิ้งข้าวทิ้งของตัวเองไว้ให้เราเก็บล้าง เราจะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะครูสั่งให้ทำ สุดท้ายเพื่อนเราหยิบตะหลิวสลับกันกับของคนกลุ่มนั้นก็ถูกด่าว่าขี้ขโมย
หมดค่ะหมด เราไม่เอาแล้ว เราเข็ด เราเลิก เขาทำไม่ดีกับเราทำไมเราต้องทำดีกับเขา แค่สองปีเรายังต้องทนรับขนาดนี้ แล้วปีสุดท้ายเราจะแย่ขนาดไหน
แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ค่ะ ปีสุดท้ายวายชีวา โดนสารพัด
และพวกเขาก็หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ตีสนิทกับครูที่ปรึกษาคนปัจจุบัน (ม.6) ของเราจนเขาถือหางฟังความอยู่ข้างเดียว เราทำดียังไงก็ไม่ขึ้น
ควิซในห้องเปิดโทรศัพท์หาคำตอบกันหน้าด้านๆ ครูก็ไม่ว่า เอาโพยเข้าห้องสอบบ้าง ลอกข้อสอบกันบ้าง แต่ก็ยังลอยนวลมาตลอด
ลอกข้อสอบเพื่อนเรา เอางานของพวกเราไปดู ทั้งๆ ที่ปากพูดว่าเกลียดพวกเราหนักหนา นำไปด่าลับหลัง ชนิดที่ว่าพวกเขาเคยไปทำบุญปัดรังควาญพวกเราเลย ตลกดีเหมือนกันค่ะ จู่ๆ ก็ได้บุญฟรี
มีอยู่ครั้งนึงเพื่อนเราจับได้ว่าพวกเขาลอกข้อสอบ พอไปบอกครูก็เจอพวกปากสว่าง เข้าห้องแล้วก็รุมกันใหญ่จนเพื่อนเราร้องไห้ วุ่นวายต้องลากออกมาปลอบ ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ยืนอยู่อย่างภูมิใจได้ยังไงคะบนจุดนั้น ? เราสงสัยในตรรกะของพวกเขาจริงๆ ค่ะ
แล้วมีอีกครั้ง คราวนี้เราจับได้เอง ควิซภาษาไทย ง่ายๆ ไม่ตั้งใจเรียนยังสอบได้เลย เนียนมากกกกกกกเลยค่ะ เดินมาส่งงานซ่อมละไปเปิดกระดาษคำตอบช่วงชุลมุน ถึงเราจะไม่ใช่เจ้าของคำตอบนั้นแต่เรายอมไม่ได้ เราเลยพูดออกไปเสียงดังๆ ตั้งใจให้อาจารย์ได้ยิน
" เห้ยแก อย่าลอกดิ มันสอบนะ "
" กูไม่ได้ลอก กูแค่ดูหลักธรรมเฉยๆ " ( ข้อสอบสามัคคีเภทฯ ค่ะ มีให้เขียนอปริหานิยธรรม )
ซึ่งเราเห็นว่านางวางกระดาษแล้วลอกจะๆ ตรงนั้นเลย
" ก็เค้าเห็นอยู่ว่าแกลอก "
" กูไม่ได้ลอก ! "
เริ่มตะคอกเพราะคนมองเยอะ
" แต่เค้าเห็นว่าแกลอก "
" กูลอกนิดเดียว ! "
ผ่าง ! สุดท้ายครูหันมาแล้วก็เก็บกระดาษคำตอบค่ะ นางเดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปที่ละก็นินทาเราให้เพื่อนนางฟัง เรานี่ปลงเลย
แล้วเหตุการณ์ล่าสุด วันนี้ มีเคลียร์งานเก่าในคาบเรียน มีคนที่เคยว่าว่าเพื่อนเราเป็นขโมยมาขอกระดาษเอสี่จากพวกเรา แต่เราไม่มี เลยปฏิเสธไป
ถามไปเรื่อยจนถึงเพื่อนเราสองคนสุดท้าย ซึ่งกำลังอธิบายงานกันอยู่ นางก็เข้าไปขัด ไปขอกระดาษ เพื่อนเราก็ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่มีพร้อมหันไปอธิบายงานต่อ นางเดธแอร์อยู่ตรงนั้นประมานหนึ่งนาที ก่อนจากไปด้วยประโยคที่ว่า
" ไม่มีจริงๆ หรือ
ว่าไม่มี "
เราฟังเรายังเอ๋อไปเลย คนแบบนี้หรือคะที่เราควรประพฤติดี ประพฤติชอบด้วย หน้าไหว้หลังหลอก พูดอีกอย่าง คิดอีกอย่าง
เวลามีงานก็เสนอหน้าเข้ามาทำดีด้วย พอหมดประโยชน์ก็เอาไปนินทากันสนุกปาก
นั่งเรียนในห้องก็เสียงดังโวยวาย รบกวน
เราโชคดีค่ะที่ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของการเรียนที่นี่ จบจากนี้เราคงหมดเรื่องหมดราว
เราอยากทราบว่ามีใครที่เคยเจอคนแบบนี้มาวนเวียนอยู่ในชีวิตบ้างไหมคะ แล้วรับมือยังไง จะจัดการอย่างเด็ดขาดยังไง
เพิกเฉยก็แล้ว ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็แล้ว แต่ยังระรานไม่เลิกเลย
ขอความเห็นของทุกๆ คนด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ปล.เพิ่งตั้งกระทู้แรก ผิดพลาดหรืออ่านยากยังไง ขออภัยด้วยนะคะ
มนุษย์เพื่อนร่วมห้องตรรกะป่วย
หลังจากอัดอั้นตันใจอยู่ถึงสองปีเต็ม เลยตัดสินใจสมัครยูสพันทิปแล้วมาเล่าประสบการณ์ให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ฟังกันค่ะ
ตั้งแต่ตอนเราขึ้นม.4 เราจำเป็นต้องปรับสังคมใหม่ เจอเพื่อนใหม่ๆ ซึ่งจุดนี้เราก็มั่นใจค่ะว่าเราทำได้ดี ไม่ได้บกพร่อง
ตอนนั้นก็คิดบวกค่ะว่าชีวิตจะดี เพื่อนแต่ละคนก็ดูเป็นมิตร จบมาจากโรงเรียนดีๆ กันทั้งนั้น แม้จะยังไม่ได้หันหน้าพูดคุยกันอย่างจริงจัง
แต่ก็มั่นใจว่าสักวันก็คงมาบรรจบกันเหมือนตอนมัธยมต้น
และเราได้จับกลุ่มกับเพื่อนอีกห้าคน รวมเราเป็นหก เป็นกลุ่มที่แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง
มีคนชอบอ่านนิยาย มีคนชอบวาดรูป มีคนชอบอ่านการ์ตูนวาย มีคนติ่งเกาหลี รวมๆ กันอยู่เป็นก้อนๆ ใช้เวลาอยู่นานค่ะถึงจะปรับเข้าหากันได้
เราเรียนไปครึ่งเทอม มีงานโรงเรียนมอบหมายมาให้ทำอยู่เรื่อยๆ ตอนแรกๆ ก็คิดในแง่ดีว่าคงเป็นเพราะเพื่อนในห้องไว้วางใจให้ทำ
แต่ไปๆ มาๆ ชักเอะใจ เพราะเพื่อนไม่ค่อยให้ความร่วมมือ กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มีแต่พวกเราหกคนลงแรงทำกัน
แถมพอไม่ได้อย่างที่เพื่อนๆ คาดหวังก็โดนเบลมโดนด่า เราเคยถามพวกเขาด้วยซ้ำค่ะว่า " แล้วทำไมถึงไม่ทำเอง มาให้พวกเราทำทำไม? "
สุดท้ายไม่ได้อะไรนอกจากการเพิกเฉย ซึ่งจุดนั้นเราก็ปล่อยเลยตามเลย เพราะคิดว่ามันคงไม่มีอีกแล้ว
แต่...
ในความเป็นจริงที่เรากับเพื่อนประสบคือสิ่งที่เราคิดมันผิดทั้งหมด เรากับเพื่อนยังคงทำงานและใช้ชีวิตอยู่ภายใต้คำครหาของคนในห้อง
บางคนบอกพวกเราทำงานไม่โปร่งใส ทั้งๆ ที่เราก็แจงไปทุกครั้งแล้วว่าเราจ่ายเงินซื้ออะไรไปบ้าง
และเราสาบานได้ค่ะว่าเราไม่เคยนำเงินไปใช้ส่วนตัวอย่างแน่นอน
ม.4ผ่านไปแบบกระท่อนกระแท่น ความแรงมันยังมาไม่หมด ตอนนั้นห้องเราแบ่งเป็นก๊กเรียบร้อย คือมีกลุ่มเรา มีกลุ่มหลังห้อง และกลุ่มของพวกผู้ชาย ที่เรามีเรื่องด้วยประจำคือกลุ่มหลังห้องค่ะ
พอขึ้นม.5 เราว่าอะดรีนาลินคงหลั่ง อยู่กันมาหนึ่งปีคงไม่มีความเกรงใจอะไรแล้ว อีกครั้งค่ะที่กลุ่มเรารับงานโรงเรียนมาทำ
แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเราไม่แบ่งงานให้คนอื่นนะคะ เพราะเราเคยแบ่งไปแล้วค่ะ สุดท้ายมันจะตีกลับมาหาเราก่อนวันส่งผลงาน 1 วันทุกที = =
แล้วก็เหมือนเดิม ใช้ชีวิตภายใต้คำครหา เหมือนเวรกรรมจะยังไม่ผ่านพ้น เรากับเพื่อนก็เครียดค่ะ เพราะมันคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้กลุ่มเรากลายเป็นกลุ่มที่โดนแบนอย่างสมบูรณ์
เราโชคดีที่ยังมีคุณครูที่ปรึกษาตอนม.4 เขาคอยช่วยเหลือเราตลอด แต่เขาไม่ได้ลงพื้นที่มาจัดการอะไรให้เราหรอกนะคะ ส่วนมากจะรู้ทีหลังมากกว่า เขาก็คอยบอกว่าให้เปิดใจ เพื่อนทำอะไรมาก็ยิ้มรับ ซึ่งเราก็ทำค่ะ พยายามอยู่หลายครั้งก็ล้มเหลว เพราะพวกเขาเหล่านั้นทำให้เราหมดกำลังใจ
อย่างเช่นว่างานกินเลี้ยงวันเด็ก สั่งอาหารกันอย่างอลังการ สุดท้ายกินเหลือทิ้งขว้าง เสร็จเรื่องสะบัดก้นหนี ทิ้งให้พวกเราเก็บ ตามล้างตามเช็ดให้
ห้องเราแผนภาษาญี่ปุ่น มีคาบที่ได้ทำโอโคโนมิยากิ แต่มีเวลาจำกัดคือ 2 คาบ ตอนแรกก็นั่งทำๆ กันอยู่วงเบ้อเริ่มเลยค่ะ แต่พอหมดคาบเท่านั้นล่ะ สะบัดก้นตามฟอร์ม ทิ้งข้าวทิ้งของตัวเองไว้ให้เราเก็บล้าง เราจะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะครูสั่งให้ทำ สุดท้ายเพื่อนเราหยิบตะหลิวสลับกันกับของคนกลุ่มนั้นก็ถูกด่าว่าขี้ขโมย
หมดค่ะหมด เราไม่เอาแล้ว เราเข็ด เราเลิก เขาทำไม่ดีกับเราทำไมเราต้องทำดีกับเขา แค่สองปีเรายังต้องทนรับขนาดนี้ แล้วปีสุดท้ายเราจะแย่ขนาดไหน
แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ค่ะ ปีสุดท้ายวายชีวา โดนสารพัด
และพวกเขาก็หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ตีสนิทกับครูที่ปรึกษาคนปัจจุบัน (ม.6) ของเราจนเขาถือหางฟังความอยู่ข้างเดียว เราทำดียังไงก็ไม่ขึ้น
ควิซในห้องเปิดโทรศัพท์หาคำตอบกันหน้าด้านๆ ครูก็ไม่ว่า เอาโพยเข้าห้องสอบบ้าง ลอกข้อสอบกันบ้าง แต่ก็ยังลอยนวลมาตลอด
ลอกข้อสอบเพื่อนเรา เอางานของพวกเราไปดู ทั้งๆ ที่ปากพูดว่าเกลียดพวกเราหนักหนา นำไปด่าลับหลัง ชนิดที่ว่าพวกเขาเคยไปทำบุญปัดรังควาญพวกเราเลย ตลกดีเหมือนกันค่ะ จู่ๆ ก็ได้บุญฟรี
มีอยู่ครั้งนึงเพื่อนเราจับได้ว่าพวกเขาลอกข้อสอบ พอไปบอกครูก็เจอพวกปากสว่าง เข้าห้องแล้วก็รุมกันใหญ่จนเพื่อนเราร้องไห้ วุ่นวายต้องลากออกมาปลอบ ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ยืนอยู่อย่างภูมิใจได้ยังไงคะบนจุดนั้น ? เราสงสัยในตรรกะของพวกเขาจริงๆ ค่ะ
แล้วมีอีกครั้ง คราวนี้เราจับได้เอง ควิซภาษาไทย ง่ายๆ ไม่ตั้งใจเรียนยังสอบได้เลย เนียนมากกกกกกกเลยค่ะ เดินมาส่งงานซ่อมละไปเปิดกระดาษคำตอบช่วงชุลมุน ถึงเราจะไม่ใช่เจ้าของคำตอบนั้นแต่เรายอมไม่ได้ เราเลยพูดออกไปเสียงดังๆ ตั้งใจให้อาจารย์ได้ยิน
" เห้ยแก อย่าลอกดิ มันสอบนะ "
" กูไม่ได้ลอก กูแค่ดูหลักธรรมเฉยๆ " ( ข้อสอบสามัคคีเภทฯ ค่ะ มีให้เขียนอปริหานิยธรรม )
ซึ่งเราเห็นว่านางวางกระดาษแล้วลอกจะๆ ตรงนั้นเลย
" ก็เค้าเห็นอยู่ว่าแกลอก "
" กูไม่ได้ลอก ! "
เริ่มตะคอกเพราะคนมองเยอะ
" แต่เค้าเห็นว่าแกลอก "
" กูลอกนิดเดียว ! "
ผ่าง ! สุดท้ายครูหันมาแล้วก็เก็บกระดาษคำตอบค่ะ นางเดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปที่ละก็นินทาเราให้เพื่อนนางฟัง เรานี่ปลงเลย
แล้วเหตุการณ์ล่าสุด วันนี้ มีเคลียร์งานเก่าในคาบเรียน มีคนที่เคยว่าว่าเพื่อนเราเป็นขโมยมาขอกระดาษเอสี่จากพวกเรา แต่เราไม่มี เลยปฏิเสธไป
ถามไปเรื่อยจนถึงเพื่อนเราสองคนสุดท้าย ซึ่งกำลังอธิบายงานกันอยู่ นางก็เข้าไปขัด ไปขอกระดาษ เพื่อนเราก็ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่มีพร้อมหันไปอธิบายงานต่อ นางเดธแอร์อยู่ตรงนั้นประมานหนึ่งนาที ก่อนจากไปด้วยประโยคที่ว่า
" ไม่มีจริงๆ หรือว่าไม่มี "
เราฟังเรายังเอ๋อไปเลย คนแบบนี้หรือคะที่เราควรประพฤติดี ประพฤติชอบด้วย หน้าไหว้หลังหลอก พูดอีกอย่าง คิดอีกอย่าง
เวลามีงานก็เสนอหน้าเข้ามาทำดีด้วย พอหมดประโยชน์ก็เอาไปนินทากันสนุกปาก
นั่งเรียนในห้องก็เสียงดังโวยวาย รบกวน
เราโชคดีค่ะที่ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของการเรียนที่นี่ จบจากนี้เราคงหมดเรื่องหมดราว
เราอยากทราบว่ามีใครที่เคยเจอคนแบบนี้มาวนเวียนอยู่ในชีวิตบ้างไหมคะ แล้วรับมือยังไง จะจัดการอย่างเด็ดขาดยังไง
เพิกเฉยก็แล้ว ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็แล้ว แต่ยังระรานไม่เลิกเลย
ขอความเห็นของทุกๆ คนด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ปล.เพิ่งตั้งกระทู้แรก ผิดพลาดหรืออ่านยากยังไง ขออภัยด้วยนะคะ