เห็นข่าวแล้วน่าสนใจโดยเฉาพะคนที่ชอบเดินทางไปท่องเที่ยวตามป่าเขา ต้องระมัดระวังให้มาก ๆ เพราะอาจจะถูกเห็บเข้ามาเกาะและกัดตามร่างกายก็เป็นได้ อย่างเช่นในกรณีนี้
โดยในเฟซบุ้ค ที่ชื่อว่า เอร์ พีรพรรณ ได้ให้ข้อมูลที่เป็นอุทาหรณ์ว่า ลูกสาวบ่นว่าเจ็บที่หางตา จากนั้นจึงพาไปพบแพทย์ก็พบว่า ามันคือ"เห็บ" ที่กินเลือดจนตัวโต เห็บตัวนี้ไม่ใช่เห็บจากสัตว์เลี้ยง แต่เป็นเห็บที่จากการท่องเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร ซึ่งโชคดีที่หมดคีบเห็บตัวนี้ออกมาได้ โดยในข้อความระบุว่า
อุทาหรณ์สอนคนเป็นพ่อแม่ โดยเฉพาะชั้น จุดเริ่มต้น ลูกสาวบ่นว่าเจ็บที่หางตา แม่ดูแล้วเห็นเพียงจุดสีดำเท่าหัวปากกา0.5 จะจับดู ลูกก้บอกเจ็บ เลยไม่กล้าจับเพราะใกล้ตามาก คิดเองเออเองว่าคงเป็นแผลอะไรสักอย่าง ถามลูกว่าโดนอะไรมา ก้บอกว่าไม่รู้
ผ่านไป3วัน จากการท่องเที่ยวป่า เขา ดอย สู่บ้านที่เมืองกรุง ลูกยังเจ็บอยู่ ตอนเช้า 6/1/2558 ก้ยังเห็นจุดเท่าเดิมรึมากกว่าเพราะไม่ทันสังเกต แต่พอตกตอนเย็น ไปรับลูกที่โรงเรียน ลูกบ่นเจ็บมากขึ้น แม่ก้สังเกตเห็นว่าเหมือนเป็นหนอง มีเลือดไหลเล็กน้อย หางตาในลูกตาแดง คิดเองอีกแล้ว ว่าจุดดำ ๆ ที่เห็นนั้นอักเสบ ไม่รีรอพาไปหาหมอเฉพาะทาง
อุแม่เจ้า!!! คุณหมอบอกว่ามันคือ"เห็บ" ที่กินเลือดจนตัวโต จากตอนเช้าสังเกตไม่เห็น ตอนเย็นไม่ต้องสังเกต เห็นชัดเลย ใจตกลงไปถึงตาตุ่ม โชคยังดีที่มันไม่ไต่เข้าเปลือกตาด้านในรึลูกนัยย์ตา ไม่ได้เป็นเห็บจากสัตว์เลี้ยง คงเป็นเห็บจากการท่องเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร นั่นแหละ
คุณหมอใช้วิธีการคีบออก แต่ยากลำบากเพราะมันฝังเขี้ยวไว้ลึก ลูกร้องเจ็บมาก แต่เธอมีความอดทนที่ดีเยี่ยม ร่วมมือกับหมอ กัดฟันข่มความเจ็บ เพราะไม่อย่างนั้น อาจต้องผ่าตัดแน่ๆ เลยทำให้ลูกมีแผลเล็กน้อยจากรอยเขี้ยวนั้น
พอเห็บหลุดออก ลูกสาวบอกว่าโอเคแต่ยังมีเคืองที่หางตาอยู่บ้าง คุณหมอให้หยอดตาและกินยาปฏิชีวนะ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม้เป็นเพียงจุดเล็กน้อยที่เกิดกับลูก คนเป็นพ่อแม่อย่าได้นิ่งนอนใจเด็ดขาด ถ้าลูกบอกว่าเจ็บแสดงว่า สิ่งนั้นผิดปกติแน่นอน
ขอบคุณข่าวจาก Bugaboo.TV
เตือนภัย เห็บสยอง! เกาะหางตา ดูดเลือดจนตัวโต
โดยในเฟซบุ้ค ที่ชื่อว่า เอร์ พีรพรรณ ได้ให้ข้อมูลที่เป็นอุทาหรณ์ว่า ลูกสาวบ่นว่าเจ็บที่หางตา จากนั้นจึงพาไปพบแพทย์ก็พบว่า ามันคือ"เห็บ" ที่กินเลือดจนตัวโต เห็บตัวนี้ไม่ใช่เห็บจากสัตว์เลี้ยง แต่เป็นเห็บที่จากการท่องเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร ซึ่งโชคดีที่หมดคีบเห็บตัวนี้ออกมาได้ โดยในข้อความระบุว่า
อุทาหรณ์สอนคนเป็นพ่อแม่ โดยเฉพาะชั้น จุดเริ่มต้น ลูกสาวบ่นว่าเจ็บที่หางตา แม่ดูแล้วเห็นเพียงจุดสีดำเท่าหัวปากกา0.5 จะจับดู ลูกก้บอกเจ็บ เลยไม่กล้าจับเพราะใกล้ตามาก คิดเองเออเองว่าคงเป็นแผลอะไรสักอย่าง ถามลูกว่าโดนอะไรมา ก้บอกว่าไม่รู้
ผ่านไป3วัน จากการท่องเที่ยวป่า เขา ดอย สู่บ้านที่เมืองกรุง ลูกยังเจ็บอยู่ ตอนเช้า 6/1/2558 ก้ยังเห็นจุดเท่าเดิมรึมากกว่าเพราะไม่ทันสังเกต แต่พอตกตอนเย็น ไปรับลูกที่โรงเรียน ลูกบ่นเจ็บมากขึ้น แม่ก้สังเกตเห็นว่าเหมือนเป็นหนอง มีเลือดไหลเล็กน้อย หางตาในลูกตาแดง คิดเองอีกแล้ว ว่าจุดดำ ๆ ที่เห็นนั้นอักเสบ ไม่รีรอพาไปหาหมอเฉพาะทาง
อุแม่เจ้า!!! คุณหมอบอกว่ามันคือ"เห็บ" ที่กินเลือดจนตัวโต จากตอนเช้าสังเกตไม่เห็น ตอนเย็นไม่ต้องสังเกต เห็นชัดเลย ใจตกลงไปถึงตาตุ่ม โชคยังดีที่มันไม่ไต่เข้าเปลือกตาด้านในรึลูกนัยย์ตา ไม่ได้เป็นเห็บจากสัตว์เลี้ยง คงเป็นเห็บจากการท่องเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร นั่นแหละ
คุณหมอใช้วิธีการคีบออก แต่ยากลำบากเพราะมันฝังเขี้ยวไว้ลึก ลูกร้องเจ็บมาก แต่เธอมีความอดทนที่ดีเยี่ยม ร่วมมือกับหมอ กัดฟันข่มความเจ็บ เพราะไม่อย่างนั้น อาจต้องผ่าตัดแน่ๆ เลยทำให้ลูกมีแผลเล็กน้อยจากรอยเขี้ยวนั้น
พอเห็บหลุดออก ลูกสาวบอกว่าโอเคแต่ยังมีเคืองที่หางตาอยู่บ้าง คุณหมอให้หยอดตาและกินยาปฏิชีวนะ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม้เป็นเพียงจุดเล็กน้อยที่เกิดกับลูก คนเป็นพ่อแม่อย่าได้นิ่งนอนใจเด็ดขาด ถ้าลูกบอกว่าเจ็บแสดงว่า สิ่งนั้นผิดปกติแน่นอน
ขอบคุณข่าวจาก Bugaboo.TV