US Box Office January 9-11, 2015
(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
ถือว่าเป็นการปิดฉากได้อย่างงดงาม เมื่อหนังเรื่องสุดท้ายของ Taken ซึ่งเป็นภาคที่ 3 เปิดตัวในอันดับ 1 ด้วยรายได้สวยสด 39.2 ล้านเหรียญ ส่วนหนังว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่สร้างจากเรื่องจริง Selma เปิดตัวมาแบบเนิบๆ ขณะที่ Inherent Vice เปิดตัวได้ต่ำกว่าหนังเรื่องก่อนของผู้กำกับพอล โธมัส แอนเดอร์สัน The Master สำหรับรายได้รวมกันของหนัง 12 อันดับแรกในสุดสัปดาห์นี้อยู่ที่ 110.2 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีก่อน 10%
รายได้ของ Taken 3 39.2 ล้านเหรียญ ถือว่าน้อยกว่าภาคที่ 2 ที่ทำไว้ 49 ล้านเหรียญ 21% แต่เมื่อมองดูว่า หนังได้รับการตอบรับที่แย่แค่ไหน รายได้ในระดับนี้จึงถือว่า "ดี" และยังมากกว่าหนังของเลียม นีสัน เรื่อง Non-Stop (28.9 ล้านเหรียญ) แถมเหนือกว่า Lone Survivor ที่เปิดตัวในสุดสัปดาห์เดียวกันนี้ของปีกลาย 37.8 ล้านเหรียญ เล็กน้อย และเอาเข้าจริงๆ Taken 3 ก็เป็นหนังเดือนมกราคมที่เปิดตัวมากที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับ 3 เลยทีเดียว โดยเป็นรองแค่ Ride Along เมื่อปีก่อน กับ Cloverfield เมื่อปี 2008 คนดูหนังนั้น 54% เป็นชาย และ 65% อายุมากกว่า 25 ปี คะแนนจากซีนีมาสกอร์ B+ พอๆ กันกับ Taken 2 ถ้าหนังTaken 3 เดินหน้าไปในแบบเดียวกัน รายได้สุดท้ายก็น่าจะไปจบที่แถวๆ 110 ล้านเหรียญ
ตามมาห่างๆ ในอันดับ 2 คือ Selma ที่เพิ่มโรงไปถึงเกือบๆ 2,200 โรง และได้เงินมา 11.3 ล้านเหรียญ หากเทียบกับ Lee Daniels' The Butler ซึ่งเนื้อหาและเหตุการณ์ คล้ายกัน และอยู่ในในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน หนังเรื่องหลังทำเงินได้มากกว่า Selma กว่า 2 เท่า ด้วยตัวเลข 24.6 ล้านเหรียญ และหากมองว่านี่คือหนังการเมือง หนังก็เปิดตัวได้น่าผิดหวังในระดับเดียวกับ J. Edgar (11.2 ล้านเหรียญ) และ W. (10.5 ล้านเหรียญ) แน่นอนว่า รายได้เปิดตัวในสัปดาห์แรกไม่สามารถสรุปทุกอย่างได้ เพราะหนังได้เสียงวิจารณ์ที่ดีมากๆ 98% จากเว็บมะเขือเน่า ปากต่อปากก็น่าจะดี เมื่อได้คะแนน A+ จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งหาได้ยากมากๆ แล้วหนังก็เป็นงานสำหรับคนดูผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ใช่กลุ่มที่จะรีบดูหนังกันตั้งแต่สัปดาห์แรก หากได้แรงหนุนจากการเข้าชิงรางวัลออสการ์ บวกกับหนังยืนระยะได้ดีในสุดสัปดาห์ที่สอง แล้วก็ไปได้จนถึงช่วงวันหยุดรำลึกถึง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ หนังน่าจะทำรายได้เกิน 50 ล้านเหรียญ
Into the Woods รายได้ลดลง 49% ได้เงินสุดสัปดาห์นี้ 9.55 ล้านเหรียญ หนังผ่านร้อยล้านไปแล้วเมื่อวันเสาร์ และน่าจะจบรายได้ที่ราวๆ 120 – 130 ล้านเหรียญ ส่วน The Hobbit: The Battle of the Five Armies ที่ครองอันดับ 1 มา 3 สัปดาห์รวด ตกมาอยู่ที่ 4 รายได้ลดลง 57% ทำเงินมาอีก 9.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมตอนนี้ไปถึง 236.5 ล้านเหรียญแล้ว และมีโอกาสไม่มากนักที่จะหนีการเป็นรายได้น้อยที่สุดในชุดนี้ เมื่อยังตาม 258.4 ล้านเหรียญของ The Desolation of Smaug อยู่
หนัง Unbroken ของแองเจลินา โจลี อยู่ในอันดับ 5 รายได้ 8.2 ล้านเหรียญซึ่งตกจากสัปดาห์ก่อน 55% หนังผ่านร้อยล้านเรียบร้อยตั้งแต่วันอาทิตย์ และน่าจะปิดตัวด้วยตัวเลขราวๆ 115 ล้านเหรียญขึ้นไป
The Imitation Game เพิ่มโรงเป็น 1,566 โรง ซึ่งมากกว่าเดิมเป็น 2 เท่า รายได้ลดลงแค่ 7% ทำเงินในสัปดาห์นี้ 7.2 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังทำได้ดีกว่า The King's Speech โดยที่ยังไม่มีแรงส่งจากรางวัลออสการ์มาช่วย ด้วยรายได้ 40.4 ล้านเหรียญตอนนี้ หนังหวังรายได้ระดับร้อยล้านได้เลย
Night at the Museum: Secret of the Tomb จบสุดสัปดาห์นี้ด้วยตัวเลขรายได้รวม 99.5 ล้านเหรียญ และน่าจะผ่านร้อยล้านในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่ The Woman in Black 2: Angel of Death รายได้ร่วงถึง 69% ทำเงินอีก 4.65 ล้านเหรียญ เทียบกันแล้ว รายได้ตกมากกว่า Paranormal Activity: The Marked Ones ที่รายได้ตก 66% ในสัปดาห์เดียวกันของปีที่แล้ว ผ่าน 10 วันหนังรับทรัพย์ไป 22.2 ล้านเหรียญ และน่าจะทำรายได้ไม่มากกว่า 30 ล้านเหรียญ
หนัง Inherent Vice ของพอล โธมัส แอนเดอร์สัน เพิ่มโรงเป็น 645 โรง และทำเงินมาได้ 2.77 ล้านในสุดสัปดาห์นี้ เทียบกันแล้วน้อยกว่าที่ The Master ทำได้ 4.4 ล้านเหรียญจากการเปิดฉายในวงกว้างเมื่อปี 2012 ส่วนหนังของวาควิน ฟีนิกซ์ Her ก็ทำรายได้ถึง 5.4 ล้านเหรียญจากการเปิดฉายวงกว้างในสัปดาห์เดียวกันนี้ของปีที่แล้ว แต่ถ้ามองเฉพาะหนังเรื่องนี้ นี่ไม่ถึงกับเป็นการเปิดตัวที่แย่ แต่ก็น่าประหลาดใจถ้าหนังจะยืนระยะได้ดี เพราะเสียงวิจารณ์ก็ก้ำกึ่ง ซึ่งปากต่อปากก็เป็นไปในทางเดียวกัน แถมมีแววว่าจะไม่ได้เข้าชิงรางวัลสำคัญๆ บนเวทีออสการ์อีก เป็นไปได้มากว่าหนังจะทำรายได้แค่แถวๆ 10 ล้านเหรียญ
กับสัปดาห์ที่สามในการฉาย American Sniper ทำได้เยี่ยมจากการฉายแค่ 4 โรง (สองในนิว ยอร์ค และ หนึ่งที่แอลเอ กับอีกหนึ่งที่ดัลลัส) หนังได้เงินมาอีก 579,518 เหรียญ ซึ่งคิดเป็น 144,880 เหรียญต่อโรง หนังจะขยายโรงไปอีกกว่า 3,200 โรงในสัปดาห์หน้า ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าหนังจะทำรายได้ในวงกว้างสัปดาห์แรกทาบรายได้เปิดตัวของ Lone Survivor ที่ 37.8 ล้านเหรียญได้
กับตลาดนอกอเมริกา หลังเปิดตัวแค่ 2 พื้นที่ในสุดสัปดาห์ก่อนได้อย่างงดงาม Taken 3 เพิ่มตลาดอัก 33 แห่ง และทำเงินได้ถึง 40.1 ล้านในสุดสัปดาห์นี้ หนังเปิดตัวได้อย่างสวยงามที่อังกฤษ 10.9 ล้านเหรียญ และทำได้ดีในออสเตรเลีย กับเยอรมันนี ที่ 4.8 กับ 4 ล้านเหรียญตามลำดับ ตอนนี้ในตลาดนอกอเมริกา หนังทำรายได้ไปถึง 51.4 ล้านเหรียญ โดยที่ยังมีตลาดหลักๆ รอให้เปิดตัวอีกเพียบ เช่น รัสเซีย, สเปน ในสัปดาห์หน้า
Night at the Museum: Secret of the Tomb เปิดตัวที่จีนแล้ว และทำรายได้ไป 26.7 ล้านเหรียญ ส่วนในที่อื่นๆ ที่เพิ่งเปิดตัว หนังได้เงินมา 6.2 ล้านเหรียญที่รัสเซีย ตอนนี้หนังทำเงินรวม 147.3 ล้านเหรียญ และเตรียมจะเปิดตัวในเกาหลีใต้สัปดาห์หน้า ขณะที่ The Hobbit: The Battle of the Five Armies ได้เงินมาอีก 21.8 ล้านเหรียญ รายได้รวมนอกอเมริกาขยับเป็น 545.3 ล้านเหรียญ ส่วนรายได้ทั่วโลกพุ่งเป็น 782 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 2 หนังในปี 2014 ที่ทำเงินทั่วโลกมากสุด แซงหน้า Guardians of the Galaxy แต่ตามหลัง Transformers: Age of Extinction มาถึงตอนนี้หนังภาคสุดท้ายของ The Hobbit น่าจะทำเงินได้ราวๆ 850 ล้านเหรียญทั่วโลก และถ้าต้องการรายได้ในระดับพันล้าน จะต้องทำเงินในระดับมหาศาลที่จีน ซึ่งจะเปิดตัวในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า โดยหนัง The Desolation of Smaug ทำรายได้ที่นี่ 75 ล้านเหรียญ หากต้องการพันล้าน The Battle of Five Armies ต้องทำรายได้ให้มากเป็นสองเท่า ซึ่งดูแล้ว ยาก!!!
Exodus: Gods and Kings ทำเงินไปอีก 15 ล้านเหรียญ และรายได้รวมเป็น 167.1 ล้านเหรียญ ส่วน Big Hero 6 ได้เงินอีก 12.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 194.5 ล้านเหรียญ
ให้กำลังใจด้วยการกด Like เพจสะเด่าส์ได้ ที่นี่
www.facebook.com/Sadaos
เปิดแรง Taken 3 ทำสถิติหนังเปิดตัวเดือนมกราฯ มากสุดอันดับ 3 หนัง Selma เริ่มต้นแบบเนิบๆ
(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
ถือว่าเป็นการปิดฉากได้อย่างงดงาม เมื่อหนังเรื่องสุดท้ายของ Taken ซึ่งเป็นภาคที่ 3 เปิดตัวในอันดับ 1 ด้วยรายได้สวยสด 39.2 ล้านเหรียญ ส่วนหนังว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่สร้างจากเรื่องจริง Selma เปิดตัวมาแบบเนิบๆ ขณะที่ Inherent Vice เปิดตัวได้ต่ำกว่าหนังเรื่องก่อนของผู้กำกับพอล โธมัส แอนเดอร์สัน The Master สำหรับรายได้รวมกันของหนัง 12 อันดับแรกในสุดสัปดาห์นี้อยู่ที่ 110.2 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีก่อน 10%
รายได้ของ Taken 3 39.2 ล้านเหรียญ ถือว่าน้อยกว่าภาคที่ 2 ที่ทำไว้ 49 ล้านเหรียญ 21% แต่เมื่อมองดูว่า หนังได้รับการตอบรับที่แย่แค่ไหน รายได้ในระดับนี้จึงถือว่า "ดี" และยังมากกว่าหนังของเลียม นีสัน เรื่อง Non-Stop (28.9 ล้านเหรียญ) แถมเหนือกว่า Lone Survivor ที่เปิดตัวในสุดสัปดาห์เดียวกันนี้ของปีกลาย 37.8 ล้านเหรียญ เล็กน้อย และเอาเข้าจริงๆ Taken 3 ก็เป็นหนังเดือนมกราคมที่เปิดตัวมากที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับ 3 เลยทีเดียว โดยเป็นรองแค่ Ride Along เมื่อปีก่อน กับ Cloverfield เมื่อปี 2008 คนดูหนังนั้น 54% เป็นชาย และ 65% อายุมากกว่า 25 ปี คะแนนจากซีนีมาสกอร์ B+ พอๆ กันกับ Taken 2 ถ้าหนังTaken 3 เดินหน้าไปในแบบเดียวกัน รายได้สุดท้ายก็น่าจะไปจบที่แถวๆ 110 ล้านเหรียญ
ตามมาห่างๆ ในอันดับ 2 คือ Selma ที่เพิ่มโรงไปถึงเกือบๆ 2,200 โรง และได้เงินมา 11.3 ล้านเหรียญ หากเทียบกับ Lee Daniels' The Butler ซึ่งเนื้อหาและเหตุการณ์ คล้ายกัน และอยู่ในในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน หนังเรื่องหลังทำเงินได้มากกว่า Selma กว่า 2 เท่า ด้วยตัวเลข 24.6 ล้านเหรียญ และหากมองว่านี่คือหนังการเมือง หนังก็เปิดตัวได้น่าผิดหวังในระดับเดียวกับ J. Edgar (11.2 ล้านเหรียญ) และ W. (10.5 ล้านเหรียญ) แน่นอนว่า รายได้เปิดตัวในสัปดาห์แรกไม่สามารถสรุปทุกอย่างได้ เพราะหนังได้เสียงวิจารณ์ที่ดีมากๆ 98% จากเว็บมะเขือเน่า ปากต่อปากก็น่าจะดี เมื่อได้คะแนน A+ จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งหาได้ยากมากๆ แล้วหนังก็เป็นงานสำหรับคนดูผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ใช่กลุ่มที่จะรีบดูหนังกันตั้งแต่สัปดาห์แรก หากได้แรงหนุนจากการเข้าชิงรางวัลออสการ์ บวกกับหนังยืนระยะได้ดีในสุดสัปดาห์ที่สอง แล้วก็ไปได้จนถึงช่วงวันหยุดรำลึกถึง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ หนังน่าจะทำรายได้เกิน 50 ล้านเหรียญ
Into the Woods รายได้ลดลง 49% ได้เงินสุดสัปดาห์นี้ 9.55 ล้านเหรียญ หนังผ่านร้อยล้านไปแล้วเมื่อวันเสาร์ และน่าจะจบรายได้ที่ราวๆ 120 – 130 ล้านเหรียญ ส่วน The Hobbit: The Battle of the Five Armies ที่ครองอันดับ 1 มา 3 สัปดาห์รวด ตกมาอยู่ที่ 4 รายได้ลดลง 57% ทำเงินมาอีก 9.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมตอนนี้ไปถึง 236.5 ล้านเหรียญแล้ว และมีโอกาสไม่มากนักที่จะหนีการเป็นรายได้น้อยที่สุดในชุดนี้ เมื่อยังตาม 258.4 ล้านเหรียญของ The Desolation of Smaug อยู่
หนัง Unbroken ของแองเจลินา โจลี อยู่ในอันดับ 5 รายได้ 8.2 ล้านเหรียญซึ่งตกจากสัปดาห์ก่อน 55% หนังผ่านร้อยล้านเรียบร้อยตั้งแต่วันอาทิตย์ และน่าจะปิดตัวด้วยตัวเลขราวๆ 115 ล้านเหรียญขึ้นไป
The Imitation Game เพิ่มโรงเป็น 1,566 โรง ซึ่งมากกว่าเดิมเป็น 2 เท่า รายได้ลดลงแค่ 7% ทำเงินในสัปดาห์นี้ 7.2 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังทำได้ดีกว่า The King's Speech โดยที่ยังไม่มีแรงส่งจากรางวัลออสการ์มาช่วย ด้วยรายได้ 40.4 ล้านเหรียญตอนนี้ หนังหวังรายได้ระดับร้อยล้านได้เลย
Night at the Museum: Secret of the Tomb จบสุดสัปดาห์นี้ด้วยตัวเลขรายได้รวม 99.5 ล้านเหรียญ และน่าจะผ่านร้อยล้านในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่ The Woman in Black 2: Angel of Death รายได้ร่วงถึง 69% ทำเงินอีก 4.65 ล้านเหรียญ เทียบกันแล้ว รายได้ตกมากกว่า Paranormal Activity: The Marked Ones ที่รายได้ตก 66% ในสัปดาห์เดียวกันของปีที่แล้ว ผ่าน 10 วันหนังรับทรัพย์ไป 22.2 ล้านเหรียญ และน่าจะทำรายได้ไม่มากกว่า 30 ล้านเหรียญ
หนัง Inherent Vice ของพอล โธมัส แอนเดอร์สัน เพิ่มโรงเป็น 645 โรง และทำเงินมาได้ 2.77 ล้านในสุดสัปดาห์นี้ เทียบกันแล้วน้อยกว่าที่ The Master ทำได้ 4.4 ล้านเหรียญจากการเปิดฉายในวงกว้างเมื่อปี 2012 ส่วนหนังของวาควิน ฟีนิกซ์ Her ก็ทำรายได้ถึง 5.4 ล้านเหรียญจากการเปิดฉายวงกว้างในสัปดาห์เดียวกันนี้ของปีที่แล้ว แต่ถ้ามองเฉพาะหนังเรื่องนี้ นี่ไม่ถึงกับเป็นการเปิดตัวที่แย่ แต่ก็น่าประหลาดใจถ้าหนังจะยืนระยะได้ดี เพราะเสียงวิจารณ์ก็ก้ำกึ่ง ซึ่งปากต่อปากก็เป็นไปในทางเดียวกัน แถมมีแววว่าจะไม่ได้เข้าชิงรางวัลสำคัญๆ บนเวทีออสการ์อีก เป็นไปได้มากว่าหนังจะทำรายได้แค่แถวๆ 10 ล้านเหรียญ
กับสัปดาห์ที่สามในการฉาย American Sniper ทำได้เยี่ยมจากการฉายแค่ 4 โรง (สองในนิว ยอร์ค และ หนึ่งที่แอลเอ กับอีกหนึ่งที่ดัลลัส) หนังได้เงินมาอีก 579,518 เหรียญ ซึ่งคิดเป็น 144,880 เหรียญต่อโรง หนังจะขยายโรงไปอีกกว่า 3,200 โรงในสัปดาห์หน้า ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าหนังจะทำรายได้ในวงกว้างสัปดาห์แรกทาบรายได้เปิดตัวของ Lone Survivor ที่ 37.8 ล้านเหรียญได้
กับตลาดนอกอเมริกา หลังเปิดตัวแค่ 2 พื้นที่ในสุดสัปดาห์ก่อนได้อย่างงดงาม Taken 3 เพิ่มตลาดอัก 33 แห่ง และทำเงินได้ถึง 40.1 ล้านในสุดสัปดาห์นี้ หนังเปิดตัวได้อย่างสวยงามที่อังกฤษ 10.9 ล้านเหรียญ และทำได้ดีในออสเตรเลีย กับเยอรมันนี ที่ 4.8 กับ 4 ล้านเหรียญตามลำดับ ตอนนี้ในตลาดนอกอเมริกา หนังทำรายได้ไปถึง 51.4 ล้านเหรียญ โดยที่ยังมีตลาดหลักๆ รอให้เปิดตัวอีกเพียบ เช่น รัสเซีย, สเปน ในสัปดาห์หน้า
Night at the Museum: Secret of the Tomb เปิดตัวที่จีนแล้ว และทำรายได้ไป 26.7 ล้านเหรียญ ส่วนในที่อื่นๆ ที่เพิ่งเปิดตัว หนังได้เงินมา 6.2 ล้านเหรียญที่รัสเซีย ตอนนี้หนังทำเงินรวม 147.3 ล้านเหรียญ และเตรียมจะเปิดตัวในเกาหลีใต้สัปดาห์หน้า ขณะที่ The Hobbit: The Battle of the Five Armies ได้เงินมาอีก 21.8 ล้านเหรียญ รายได้รวมนอกอเมริกาขยับเป็น 545.3 ล้านเหรียญ ส่วนรายได้ทั่วโลกพุ่งเป็น 782 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 2 หนังในปี 2014 ที่ทำเงินทั่วโลกมากสุด แซงหน้า Guardians of the Galaxy แต่ตามหลัง Transformers: Age of Extinction มาถึงตอนนี้หนังภาคสุดท้ายของ The Hobbit น่าจะทำเงินได้ราวๆ 850 ล้านเหรียญทั่วโลก และถ้าต้องการรายได้ในระดับพันล้าน จะต้องทำเงินในระดับมหาศาลที่จีน ซึ่งจะเปิดตัวในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า โดยหนัง The Desolation of Smaug ทำรายได้ที่นี่ 75 ล้านเหรียญ หากต้องการพันล้าน The Battle of Five Armies ต้องทำรายได้ให้มากเป็นสองเท่า ซึ่งดูแล้ว ยาก!!!
Exodus: Gods and Kings ทำเงินไปอีก 15 ล้านเหรียญ และรายได้รวมเป็น 167.1 ล้านเหรียญ ส่วน Big Hero 6 ได้เงินอีก 12.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 194.5 ล้านเหรียญ
ให้กำลังใจด้วยการกด Like เพจสะเด่าส์ได้ ที่นี่ www.facebook.com/Sadaos