**ขอรับรองว่าเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นความจริง**
ขอเกริ่นนำก่อนว่า เรื่องนี้ผ่านมาแล้วประมาณ 2 ปี มีเหตุการณ์สืบเนื่องต่อๆกันมา โดยเราจะพยายามเล่าโดยละเอียด
เหตุผลที่เรามาตั้งกระทู้เอาป่านนี้ก็เพราะเมื่อวานได้ทราบถึงเหตุการณ์ของญาติผู้ใหญ่ (น้องสาวของคุณยายเข้าไอซียูโดยไม่ทราบสาเหตุ)
เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ
ย้อนไปเมื่อประมาณ 2ปีก่อน คุณยายป่วยเข้าโรงบาลด้วยโรคเบาหวานเพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูง จากการรับประทานฟต.น้ำแดงขวดลิตรไปหลายลิตร
จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของน้าชายเราที่ดูแลคุณยายนะคะ น้าสาวได้ไลน์มาบอกข่าวนี้กับเรา แต่ด้วยความที่เราคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะมักเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นกับคุณยายค่ะ เพราะน้าชายเราเป็นคนสะเพร่า ขี้รำคาญ แต่คุณยายรักน้าชายเราที่สุดค่ะเพราะเป็นลูกชายคนเดียว ยายจึงชอบที่จะให้เขาเป็นคนดูแล หลายครั้งคุณยายมักจะงอแงตามประสาคนแก่และป่วยอะค่ะ บ้างก็เพราะเรียกร้องความสนใจ บ้างก็เพราะทานนู่นทานนี้ไม่ได้ ซึ่งน้าชายเราก็มักจะแก้ปัญหาแบบขอไปทีก็คือ อยากกินอะไรก็จะไปหามาให้กินเลย จะได้เลิกงี่เง่างอแงสักที แล้วคนป่วยอ่ะก็ขอกินแต่ของที่หมอเขาห้ามอ่ะค่ะ น้ำหวานเอย น้ำอัดลมเอย ทุเรียนเอย เมื่อรำคาญมากมากเข้าก็เลยให้กินไปเลย โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมา
แต่ครั้งนี้กับต่างกัน คุณยายเรานอนโรงบาลเกือบเดือน น้าสาวเราก็ไลน์มาบอกเราว่า เออแก ยายยังไม่ดีขึ้นเลยนะ ไม่รู้จะทำยังไงดี โรงบาลก็ดูไม่ค่อยสนใจอ่า ขนาดโรงบาลเอกชนนะ เหมือนพอเรียกหมอหมอก็ไม่ค่อยมาตรวจ ส่วนใหญ่เป็นพยาบาล บลาๆ (น้าสาวคนนี้เป็นคนสุดท้องค่ะ สนิทกับเราที่สุด คุยกันบ่อย น้าจึงเลือกที่จะบอกเรามากกว่าบอกแม่เราตรงๆ แม่เราเป็นคนดุค่ะ ถ้ารู้ก็จะโวยวายใหญ่โต ส่วนพี่เราเป็นคนเงียบค่ะ และตรงกับช่วงใกล้สอบทำให้ไม่สามารถติดต่อกับนางได้เลยค่ะ) พอเราได้ฟังแล้วพบว่าปัญหามันมาถึงขนาดนี้แล้ว เราจึงตัดสินใจบอกแม่ค่ะ ครั้งแรกที่แม่รู้ แม่โทรไปเลยค่ะ โทรหาญาติทุกคน ถามว่านานเท่าไหร่แล้ว แล้วตอนนี้เป็นไง อยู่โรงบาลไหน ยังไง แล้วตัดสินใจว่าจะกลับต่างจังหวัดในอีกสัปดาห์ต่อมาค่ะ แต่หลังจากที่ทราบเรื่องสามวัน น้าสาวเราก็โทรมาบอกแม่เราว่า เออเธอ แม่อาการทรุดหนักนะ หมอบอกอารมณ์แบบว่าคงไม่รอดอ่ะ ทั้งน้าและแม่เราก็ร้องไห้ค่ะ แม่เราตัดสินใจบินไปเลยค่ะ แล้วทำเรื่องย้ายคุณยายมาที่โรงบาลประจำจังหวัดแทน หมอเจ้าของไข้ก็ถามว่า ให้ไปนอนที่ไหนมา แล้วทำไมน้ำตาลสูงขนาดนี้ เป็นคนอื่นน่ะไม่รอดแล้วนะคุณ (แต่ยายเรารอดค่ะ ถึงจะร่อแร่ก็ตาม) หมอก็ทำการรักษาค่ะ อีกไม่กี่วันต่อมายายเราก็ฟื้นค่ะ แต่ไม่สามารถพูดได้นะ แค่ลืมตาได้มองเห็นรู้สึกพยักหน้าได้ขยับได้บ้าง อาจจะช้ากว่าคนปกติเล็กน้อย แต่ถือว่าดีกว่าตอนอยู่โรงบาลเดิมมากค่ะ
อีกสองวันต่อมา เรากับพี่ค่ะ หลังจากเสร็จกิจจากม.จากรร. ก็บินตามไปค่ะ พี่เราเป็นหลานที่สนิทกับยายที่สุดค่ะ ก็จะทำหน้าที่อยู่เฝ้า ยายดูดีใจมากที่เห็นที่เรามาก็ยิ้มพยักหน้า ประมาณนี้ค่ะ แต่อีกไม่ถึงสัปดาห์ต่อมาอาการก็ทรุดลงอีก ทรุดจนถึงขั้นที่หมอต้องปรึกษาญาติว่า เลือดไม่ไปเลี้ยงขาขวาของคุณยายนะ แล้วมันจะเน่าทำให้ลามไปส่วนอื่นด้วยถ้าไม่ตัด มันจะเป็นเหมือนบ่อเชื้อโรค ญาติๆก็มาปรึกษาหารือกันค่ะ แม่เรากับน้าชาย ยืนยันจะไม่ให้ตัดค่ะ เพราะตอนถามยายว่าตัดได้ไหมขาน่ะ ยายก็ส่ายหน้าอย่างเดียวเลยค่ะ ทำเหมือนจะร้องไห้ ยายเราเป็นคนรักสวยรักงามค่ะ แกเป็นคนมีเพื่อนมีฝูงมีหน้ามีตาในสังคม แกคงคิดค่ะ ไม่มีขาแล้วแกก็ไม่สวยค่ะ ต้องนั่งรถเข็น เป็นภาระลูกอะไรทำนองนี้ แต่น้าสาวอีกสองคนก็ยังไม่ให้ความเห็นอะไร ก็ยังไม่มีใครให้คำตอบหมอค่ะ ทุกคนตึงเครียดกันมาก
เอาล่ะค่ะ ความสนุกปนหลอนเริ่มมาถึงแล้วค่ะ น้าสาวคนที่สนิทกับเรา (ขอเรียกว่าน้า อ. แล้วกันนะคะ) วันดีคืนดีก็ชวนเราออกไปไหว้พระเวสสุวรรณค่ะ แถวๆศาลหลักเมือง ระหว่างทางเราก็ได้คุยกับน้า โดยเราเป็นคนเริ่มชวนคุย
เรา: เออนี่เจ๊ คือฉันเคยได้ยินมาว่ายายอ่ะเคยขายหมูที่ตลาดใช่ปะ
น้าอ.: อือใช่ รายใหญ่ด้วยนะ
เรา: เจ๊ว่ามันเกี่ยวปะ ฉันเคยดูพวกรายการอ่ะ เคยอ่านในเว็บไรงี้ แบบโรคกรรมอ่ะ ที่วัวมันร้องตอนเราฆ่ามัน ตอนเราตายเราร้องแบบวัวไรงี้
น้าอ.: งั้นเอาไงดีอ่ะ
เรา: ลองบอกแม่ดีปะ?
จากนั้นน้าอ.กับเราก็รีบขับรถกลับบ้าน ปรากฎว่า คนเต็มบ้านเลยจ้า เราก็ถามว่ามีไรกันหรอ แม่เราก็บอกว่า ไปเซนต์ให้หมอตัดขายายแล้ว พรุ่งนี้ถึงไปเยี่ยมได้ ได้อย่างงั้นเราก็เก็บประเด็นที่สงสัยกับน้าไว้เป็นความลับกันสองคน เพราะคิดว่าเออไม่เกี่ยวหรอกมั้ง ช่างมันเถอะ
รุ่งขึ้น เราก็ไปเยี่ยมยายกันตามปกติ ยายดูเศร้ามากเลย ดูพยายามขยับช่วงขาตลอดเวลา เหมือนโหวงมั้ง ขาหายไปแล้ว หายใจหอบบ่อยๆ หรือถอนหายใจก็ไม่รู้นะ ทุกคนก้พยายามไม่พูดเรื่องขา พยายามพูดแต่เรื่องที่ว่า ยายจะได้กลับบ้านแล้วนะๆ แบบนี้
เราออกมายืนรอด้านนอก ตรงระเบียงโรงบาลกับน้า ก้คุยกันเกี่ยวกับเรื่องฆ่าหมูอีก(ยังไม่จบ) สักพักแม่ก้เดินมาแบบอิดโรยยืนข้างๆเราพอดิบพอดีเราก็เลยตัดสินใจว่าเออจะถามแม่ ว่าแม่เชื่อไหม แม่ว่าเกี่ยวไหม
(ต้องบอกก่อนว่า แม่เราเนี่ยโคตรเชื่อเรื่องที่มองไม่เห็นเลยครับ เชื่อแบบหัวชนฝา ห้ามเถียง ใครลบหลู่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย (งมงายนั่นแล))
เรา: แม่ ยายขายหมูหรอตอนสมัยสาวๆ
แม่: ใช่ ยายแกอ่ะ ผ่าขาหมูสวยที่สุดในตลาดเลยนะ (เสียงภูมิใจมากๆ)
สักพักหมอเดินออกมาครับ
หมอ: ญาติคนไข้ครับ เคสผ่าตัดเรียบร้อยดีนะครับไม่มีผลข้างเคียงอะไรกับการผ่าตัด ส่วนแผลเนี่ย หมอต้องบอกเลยว่า เป็นเคสผ่าขาที่แผลออกมาสวยที่สุดเลย ไม่เหวอะน่าเกลียดแน่นอนครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ (หมอพูดเยอะ ออกเกย์ๆ เราจำได้ประมาณนี้อ่ะ)
ช็อคสิคะ! O_O ยายเราเป็นเคสผ่าขาที่แผลสวยที่สุดเหมือนหมูที่ยายเราสับขาเขาขายเลยสวยที่สุดในตลาด …
ตกเย็นของวันนั้น เรากับน้าอ.ก็ได้ตกลงจะไปหาพี่บุ๋มหมอดูไพ่ยิปซีกัน เราต้องหาความจริงให้ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นว่ามันเกี่ยวไหม
พอเราเดินไปกับพี่บุ๋มเท่านั้นแหละ แกก็ทำหน้าเหมือนหน้าถอดสีอ่ะ เหมือนเห็นอะไรสักอย่าง พอเรากับน้าถาม แกก้บอกไม่มีอะไร
พอเปิดไพ่จ้า ไพ่ที่ประกบหน้าไพ่แทนตัวคุณยายเรา เป็นทาวเวอร์ กับ เดวิล จ้า พี่บุ๋มก็อธิบายประมาณว่า ทาวเวอร์เนี่ยเจ้ากรรมนายเวรนะ แต่เขาอะมาเอาคืนไปแล้ว ส่วนที่ไม่ดีขึ้นน่ะ พี่ว่าไพ่ใบนี้ แต่ไม่รู้คืออะไรนะ (เรากับน้ายังไม่เล่าจ้าว่ายายเป็นร่างทรง) แล้วแกก็หลับตาสวดอะไรสักอย่างสักพักแกก็ลืมตามาแบบหน้าตื่นเลย ตาโปนแบบเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง แล้วแกก็บอกว่า เค้าไม่ให้เห็นนะตอนแรก แต่พอบอกจะช่วยคุยกับพวกเธอให้ เมื่อกี้เห็นเป็นผู้หญิงใส่หมวกสามเหลี่ยม เปลี่ยนเสื้อยาวผ่าข้าง (ชุดอ๋าวหญ่ายอ่า) แต่ไม่ใช่ชุดจีนนะ แกน่ากลัวมากเลย พวกเธอเคยเห็นหรือว่ารู้ไหมว่าคืออะไร เรากับน้าอ.ก็มองหน้ากันตาปริบๆ น้าเราก้บอกพี่บุ๋มไปว่า ต้นตระกูลเราเคยทรงเจ้ามาก่อน ทำต่อกันมาตั้งแต่สมัยทวด คือทวดเคยไปขอไว้ว่า ขอให้ร่ำรวยๆ ลูกหลานร่ำรวยๆ แล้วจะเป็นร่างทรงให้ อารมณ์เหมือนพอทวดเสีย ยายเราก็ต้องต่อ พอยายเราเสีย ไม่ลูกยายก็น้องสาวยายต้องต่อ และถ้าสมมติว่าเจ้าเขาเลือกใครให้ต่อ แล้วเราไม่ยอมทรงก็จะป่วยหรือจนถึงขั้นมีอันเป็นไปค่ะ
ต่อมา พี่บุ๋มก็เปิดไพ่พรหมญาณแทนค่ะ เพื่อสื่อสารระหว่างเรากับผญคนนั้น โดยให้เราตั้งคำถาม พี่บุ๋มจะเปิดไพ่แล้วตอบให้ตามที่เห็นจากไพ่ค่ะ
คำถาม: ทำแบบนี้กับยายเราทำไม ต้องการอะไรกันแน่?
คำตอบ: มันไม่ยอมมาทรงให้กู กูหิว กูไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว มันไม่รักษาสัญญา!! พวกไม่รักษาสัญญา!!
คำถาม: ถ้ายายทรงล่ะ จะให้ยายหายไหม?
คำตอบ: มันทรงให้กูไม่ได้แล้ว มันทรงให้กูไม่ได้ (เราคิดว่าเป็นเพราะยายเราตัดขาไปแล้วนะคะ ทรงนี่ต้องมีรำ เดิน วิ่งด้วย)
คำถาม: ไม่ทรงได้ไหม เอาเป็นนั่งวิปัสนาแทนได้ไหม 7วัน
คำตอบ: กูไม่เอา
คำถาม: เดือนนึงได้ไหม แล้วจะทำบุญไปให้
คำตอบ: กูไม่เอา
คำถาม: แล้วจะเอายังไงอ่ะ จะให้ทำไง (อันนี้เราโพร่งถามเอง เรารำคาญ55)
คำตอบ: พวกต้องรักษาสัญญา ต้องมีคนมาทรงต่อมัน มาทรงให้กู
เราก็ลุกออกเลยค่ะ ไม่เอาละ คุยไม่รู้เรื่องค่ะ โมโหมากแบบว่าเป็นใครเนี่ย มีจริงไหมกูก็ไม่รู้ ดื้อด้านอีก (เราอารมณ์ขึ้น แล้วก็ไม่คิดว่าจะเชื่อแล้วค่ะ ตามประสาเด็กยุคใหม่อ่ะเนอะ) พอกลับบ้านเราก็คุยกับแม่ค่ะ เล่าทุกอย่างในวันนี้ให้แม่ฟัง แม่เราก็ยินยอมเลยค่ะที่จะเป็นคนทรงต่อจ้า ญาติอีกสามคนก็ไม่มีใครปฏิเสธค่ะ คะยั้นคะยอให้แม่เราไปทรงต่อเลย วันนั้นเราร้องไห้เลยค่ะ คือถ้าแม่เราทรงต่อ คนต่อก็คือ ไม่เราก็พี่ใช่ไหมคะ แล้วคนอย่างพี่เราอ่ะ ไม่แน่ๆ แล้วเราอ่ะเป็นพวกปากร้ายแต่ใจดีค่ะ เข้าตาจลเราก็ต้องยอมค่ะ แล้วลูกเราล่ะคะ ต้องมาเข้าทรงเป็นผีบ้าแบบนี้หรอ เราก็ไม่ยอมค่ะ แต่ทำไรไม่ได้
วันต่อมา แม่เราไปที่วัดญวนทันทีค่ะ ปรึกษากับคนที่ดูแลเรื่องทรง เค้าก็บอกให้จุดธูปบอกนะว่าจะทรงต่อจากใครชื่ออะไรเป็นอะไรกับเรา
แล้วแม่เราก็ยื่นธูปให้เรากับพี่ค่ะ บอกว่า แกสองคนต้องบอกนะว่ายินยอมที่จะทรงต่อ อธิษฐานบอกเจ้าไป มันจะได้จบๆสักที
ค่ะ พอเราได้ธูปมา สิ่งที่เราอธิษฐานนะคะ 'นี่คุณ เราไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใคร ทำแบบนี้ทำไม แต่เราไม่มีทางทรงให้คุณแน่นอน อยากเลือกแม่เราทรงก็เลือกไปเลยแต่รู้ไว้นะ ต่อจากแม่เราไม่มีใครทรงต่อให้หรอก จะให้เราป่วย จะเอาชีวิตมาเอาไปเลย ไม่กลัว กลัวแต่ต้องทำเรื่องบ้าๆนี่ต่อ เราไม่อยากให้ลูกหลานเรามาซวย เพราะเราเป็นต้นเหตุยอมทำเรื่องบ้าๆนี่ พอกันที จบ' ปักธูปค่ะ กระถางกลาง จำได้แม่น 555555 มีน้ำโหมาก น้ำตาจะไหล พอเสี่ยงทายออกมา แม่เราทรงให้ไม่ได้ค่ะ ไม่เลือกแม่เรา ในใจเราแอบสะใจนะคะ แบบว่า หึหึ แกทำไรฉันไม่ได้หรอก ร่างฉัน! ตัวฉัน!
** การทรงเจ้าของญวนก็คือ ไปทำพิธีที่วัดญวนค่ะ ใช้เวลาเป็นวัน ให้เจ้าสิงเข้าร่างเราเพื่อกินของค่ะ บ้างก็สูบบุหรี่ บ้านไหนทรงบ้างเราก็จะทำมาหากินสบายค่ะ เหมือนว่าเจ้าจะคอยช่วยค่ะ เรื่องจะไปคล้ายๆกับผีกระสืออ่ะค่ะ มีกินมีใช้ร่ำรวย แต่ต้องแลกมากับเรื่องโสมมพวกนี้
มีต่อนะคะ เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแน่ๆ ตอนแรกจะน่าเบื่อหน่อยเพราะปูเรื่องยายป่วยอ่ะค่า ^^
ต้นตระกูลเราเคยรับทรงเจ้าเข้าผีตามความเชื่อของญวน(เวียดนาม) จนกระทั่งลูกหลานต้องเดือดร้อน
ขอเกริ่นนำก่อนว่า เรื่องนี้ผ่านมาแล้วประมาณ 2 ปี มีเหตุการณ์สืบเนื่องต่อๆกันมา โดยเราจะพยายามเล่าโดยละเอียด
เหตุผลที่เรามาตั้งกระทู้เอาป่านนี้ก็เพราะเมื่อวานได้ทราบถึงเหตุการณ์ของญาติผู้ใหญ่ (น้องสาวของคุณยายเข้าไอซียูโดยไม่ทราบสาเหตุ)
เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ
ย้อนไปเมื่อประมาณ 2ปีก่อน คุณยายป่วยเข้าโรงบาลด้วยโรคเบาหวานเพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูง จากการรับประทานฟต.น้ำแดงขวดลิตรไปหลายลิตร
จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของน้าชายเราที่ดูแลคุณยายนะคะ น้าสาวได้ไลน์มาบอกข่าวนี้กับเรา แต่ด้วยความที่เราคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะมักเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นกับคุณยายค่ะ เพราะน้าชายเราเป็นคนสะเพร่า ขี้รำคาญ แต่คุณยายรักน้าชายเราที่สุดค่ะเพราะเป็นลูกชายคนเดียว ยายจึงชอบที่จะให้เขาเป็นคนดูแล หลายครั้งคุณยายมักจะงอแงตามประสาคนแก่และป่วยอะค่ะ บ้างก็เพราะเรียกร้องความสนใจ บ้างก็เพราะทานนู่นทานนี้ไม่ได้ ซึ่งน้าชายเราก็มักจะแก้ปัญหาแบบขอไปทีก็คือ อยากกินอะไรก็จะไปหามาให้กินเลย จะได้เลิกงี่เง่างอแงสักที แล้วคนป่วยอ่ะก็ขอกินแต่ของที่หมอเขาห้ามอ่ะค่ะ น้ำหวานเอย น้ำอัดลมเอย ทุเรียนเอย เมื่อรำคาญมากมากเข้าก็เลยให้กินไปเลย โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมา
แต่ครั้งนี้กับต่างกัน คุณยายเรานอนโรงบาลเกือบเดือน น้าสาวเราก็ไลน์มาบอกเราว่า เออแก ยายยังไม่ดีขึ้นเลยนะ ไม่รู้จะทำยังไงดี โรงบาลก็ดูไม่ค่อยสนใจอ่า ขนาดโรงบาลเอกชนนะ เหมือนพอเรียกหมอหมอก็ไม่ค่อยมาตรวจ ส่วนใหญ่เป็นพยาบาล บลาๆ (น้าสาวคนนี้เป็นคนสุดท้องค่ะ สนิทกับเราที่สุด คุยกันบ่อย น้าจึงเลือกที่จะบอกเรามากกว่าบอกแม่เราตรงๆ แม่เราเป็นคนดุค่ะ ถ้ารู้ก็จะโวยวายใหญ่โต ส่วนพี่เราเป็นคนเงียบค่ะ และตรงกับช่วงใกล้สอบทำให้ไม่สามารถติดต่อกับนางได้เลยค่ะ) พอเราได้ฟังแล้วพบว่าปัญหามันมาถึงขนาดนี้แล้ว เราจึงตัดสินใจบอกแม่ค่ะ ครั้งแรกที่แม่รู้ แม่โทรไปเลยค่ะ โทรหาญาติทุกคน ถามว่านานเท่าไหร่แล้ว แล้วตอนนี้เป็นไง อยู่โรงบาลไหน ยังไง แล้วตัดสินใจว่าจะกลับต่างจังหวัดในอีกสัปดาห์ต่อมาค่ะ แต่หลังจากที่ทราบเรื่องสามวัน น้าสาวเราก็โทรมาบอกแม่เราว่า เออเธอ แม่อาการทรุดหนักนะ หมอบอกอารมณ์แบบว่าคงไม่รอดอ่ะ ทั้งน้าและแม่เราก็ร้องไห้ค่ะ แม่เราตัดสินใจบินไปเลยค่ะ แล้วทำเรื่องย้ายคุณยายมาที่โรงบาลประจำจังหวัดแทน หมอเจ้าของไข้ก็ถามว่า ให้ไปนอนที่ไหนมา แล้วทำไมน้ำตาลสูงขนาดนี้ เป็นคนอื่นน่ะไม่รอดแล้วนะคุณ (แต่ยายเรารอดค่ะ ถึงจะร่อแร่ก็ตาม) หมอก็ทำการรักษาค่ะ อีกไม่กี่วันต่อมายายเราก็ฟื้นค่ะ แต่ไม่สามารถพูดได้นะ แค่ลืมตาได้มองเห็นรู้สึกพยักหน้าได้ขยับได้บ้าง อาจจะช้ากว่าคนปกติเล็กน้อย แต่ถือว่าดีกว่าตอนอยู่โรงบาลเดิมมากค่ะ
อีกสองวันต่อมา เรากับพี่ค่ะ หลังจากเสร็จกิจจากม.จากรร. ก็บินตามไปค่ะ พี่เราเป็นหลานที่สนิทกับยายที่สุดค่ะ ก็จะทำหน้าที่อยู่เฝ้า ยายดูดีใจมากที่เห็นที่เรามาก็ยิ้มพยักหน้า ประมาณนี้ค่ะ แต่อีกไม่ถึงสัปดาห์ต่อมาอาการก็ทรุดลงอีก ทรุดจนถึงขั้นที่หมอต้องปรึกษาญาติว่า เลือดไม่ไปเลี้ยงขาขวาของคุณยายนะ แล้วมันจะเน่าทำให้ลามไปส่วนอื่นด้วยถ้าไม่ตัด มันจะเป็นเหมือนบ่อเชื้อโรค ญาติๆก็มาปรึกษาหารือกันค่ะ แม่เรากับน้าชาย ยืนยันจะไม่ให้ตัดค่ะ เพราะตอนถามยายว่าตัดได้ไหมขาน่ะ ยายก็ส่ายหน้าอย่างเดียวเลยค่ะ ทำเหมือนจะร้องไห้ ยายเราเป็นคนรักสวยรักงามค่ะ แกเป็นคนมีเพื่อนมีฝูงมีหน้ามีตาในสังคม แกคงคิดค่ะ ไม่มีขาแล้วแกก็ไม่สวยค่ะ ต้องนั่งรถเข็น เป็นภาระลูกอะไรทำนองนี้ แต่น้าสาวอีกสองคนก็ยังไม่ให้ความเห็นอะไร ก็ยังไม่มีใครให้คำตอบหมอค่ะ ทุกคนตึงเครียดกันมาก
เอาล่ะค่ะ ความสนุกปนหลอนเริ่มมาถึงแล้วค่ะ น้าสาวคนที่สนิทกับเรา (ขอเรียกว่าน้า อ. แล้วกันนะคะ) วันดีคืนดีก็ชวนเราออกไปไหว้พระเวสสุวรรณค่ะ แถวๆศาลหลักเมือง ระหว่างทางเราก็ได้คุยกับน้า โดยเราเป็นคนเริ่มชวนคุย
เรา: เออนี่เจ๊ คือฉันเคยได้ยินมาว่ายายอ่ะเคยขายหมูที่ตลาดใช่ปะ
น้าอ.: อือใช่ รายใหญ่ด้วยนะ
เรา: เจ๊ว่ามันเกี่ยวปะ ฉันเคยดูพวกรายการอ่ะ เคยอ่านในเว็บไรงี้ แบบโรคกรรมอ่ะ ที่วัวมันร้องตอนเราฆ่ามัน ตอนเราตายเราร้องแบบวัวไรงี้
น้าอ.: งั้นเอาไงดีอ่ะ
เรา: ลองบอกแม่ดีปะ?
จากนั้นน้าอ.กับเราก็รีบขับรถกลับบ้าน ปรากฎว่า คนเต็มบ้านเลยจ้า เราก็ถามว่ามีไรกันหรอ แม่เราก็บอกว่า ไปเซนต์ให้หมอตัดขายายแล้ว พรุ่งนี้ถึงไปเยี่ยมได้ ได้อย่างงั้นเราก็เก็บประเด็นที่สงสัยกับน้าไว้เป็นความลับกันสองคน เพราะคิดว่าเออไม่เกี่ยวหรอกมั้ง ช่างมันเถอะ
รุ่งขึ้น เราก็ไปเยี่ยมยายกันตามปกติ ยายดูเศร้ามากเลย ดูพยายามขยับช่วงขาตลอดเวลา เหมือนโหวงมั้ง ขาหายไปแล้ว หายใจหอบบ่อยๆ หรือถอนหายใจก็ไม่รู้นะ ทุกคนก้พยายามไม่พูดเรื่องขา พยายามพูดแต่เรื่องที่ว่า ยายจะได้กลับบ้านแล้วนะๆ แบบนี้
เราออกมายืนรอด้านนอก ตรงระเบียงโรงบาลกับน้า ก้คุยกันเกี่ยวกับเรื่องฆ่าหมูอีก(ยังไม่จบ) สักพักแม่ก้เดินมาแบบอิดโรยยืนข้างๆเราพอดิบพอดีเราก็เลยตัดสินใจว่าเออจะถามแม่ ว่าแม่เชื่อไหม แม่ว่าเกี่ยวไหม
(ต้องบอกก่อนว่า แม่เราเนี่ยโคตรเชื่อเรื่องที่มองไม่เห็นเลยครับ เชื่อแบบหัวชนฝา ห้ามเถียง ใครลบหลู่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย (งมงายนั่นแล))
เรา: แม่ ยายขายหมูหรอตอนสมัยสาวๆ
แม่: ใช่ ยายแกอ่ะ ผ่าขาหมูสวยที่สุดในตลาดเลยนะ (เสียงภูมิใจมากๆ)
สักพักหมอเดินออกมาครับ
หมอ: ญาติคนไข้ครับ เคสผ่าตัดเรียบร้อยดีนะครับไม่มีผลข้างเคียงอะไรกับการผ่าตัด ส่วนแผลเนี่ย หมอต้องบอกเลยว่า เป็นเคสผ่าขาที่แผลออกมาสวยที่สุดเลย ไม่เหวอะน่าเกลียดแน่นอนครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ (หมอพูดเยอะ ออกเกย์ๆ เราจำได้ประมาณนี้อ่ะ)
ช็อคสิคะ! O_O ยายเราเป็นเคสผ่าขาที่แผลสวยที่สุดเหมือนหมูที่ยายเราสับขาเขาขายเลยสวยที่สุดในตลาด …
ตกเย็นของวันนั้น เรากับน้าอ.ก็ได้ตกลงจะไปหาพี่บุ๋มหมอดูไพ่ยิปซีกัน เราต้องหาความจริงให้ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นว่ามันเกี่ยวไหม
พอเราเดินไปกับพี่บุ๋มเท่านั้นแหละ แกก็ทำหน้าเหมือนหน้าถอดสีอ่ะ เหมือนเห็นอะไรสักอย่าง พอเรากับน้าถาม แกก้บอกไม่มีอะไร
พอเปิดไพ่จ้า ไพ่ที่ประกบหน้าไพ่แทนตัวคุณยายเรา เป็นทาวเวอร์ กับ เดวิล จ้า พี่บุ๋มก็อธิบายประมาณว่า ทาวเวอร์เนี่ยเจ้ากรรมนายเวรนะ แต่เขาอะมาเอาคืนไปแล้ว ส่วนที่ไม่ดีขึ้นน่ะ พี่ว่าไพ่ใบนี้ แต่ไม่รู้คืออะไรนะ (เรากับน้ายังไม่เล่าจ้าว่ายายเป็นร่างทรง) แล้วแกก็หลับตาสวดอะไรสักอย่างสักพักแกก็ลืมตามาแบบหน้าตื่นเลย ตาโปนแบบเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง แล้วแกก็บอกว่า เค้าไม่ให้เห็นนะตอนแรก แต่พอบอกจะช่วยคุยกับพวกเธอให้ เมื่อกี้เห็นเป็นผู้หญิงใส่หมวกสามเหลี่ยม เปลี่ยนเสื้อยาวผ่าข้าง (ชุดอ๋าวหญ่ายอ่า) แต่ไม่ใช่ชุดจีนนะ แกน่ากลัวมากเลย พวกเธอเคยเห็นหรือว่ารู้ไหมว่าคืออะไร เรากับน้าอ.ก็มองหน้ากันตาปริบๆ น้าเราก้บอกพี่บุ๋มไปว่า ต้นตระกูลเราเคยทรงเจ้ามาก่อน ทำต่อกันมาตั้งแต่สมัยทวด คือทวดเคยไปขอไว้ว่า ขอให้ร่ำรวยๆ ลูกหลานร่ำรวยๆ แล้วจะเป็นร่างทรงให้ อารมณ์เหมือนพอทวดเสีย ยายเราก็ต้องต่อ พอยายเราเสีย ไม่ลูกยายก็น้องสาวยายต้องต่อ และถ้าสมมติว่าเจ้าเขาเลือกใครให้ต่อ แล้วเราไม่ยอมทรงก็จะป่วยหรือจนถึงขั้นมีอันเป็นไปค่ะ
ต่อมา พี่บุ๋มก็เปิดไพ่พรหมญาณแทนค่ะ เพื่อสื่อสารระหว่างเรากับผญคนนั้น โดยให้เราตั้งคำถาม พี่บุ๋มจะเปิดไพ่แล้วตอบให้ตามที่เห็นจากไพ่ค่ะ
คำถาม: ทำแบบนี้กับยายเราทำไม ต้องการอะไรกันแน่?
คำตอบ: มันไม่ยอมมาทรงให้กู กูหิว กูไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว มันไม่รักษาสัญญา!! พวกไม่รักษาสัญญา!!
คำถาม: ถ้ายายทรงล่ะ จะให้ยายหายไหม?
คำตอบ: มันทรงให้กูไม่ได้แล้ว มันทรงให้กูไม่ได้ (เราคิดว่าเป็นเพราะยายเราตัดขาไปแล้วนะคะ ทรงนี่ต้องมีรำ เดิน วิ่งด้วย)
คำถาม: ไม่ทรงได้ไหม เอาเป็นนั่งวิปัสนาแทนได้ไหม 7วัน
คำตอบ: กูไม่เอา
คำถาม: เดือนนึงได้ไหม แล้วจะทำบุญไปให้
คำตอบ: กูไม่เอา
คำถาม: แล้วจะเอายังไงอ่ะ จะให้ทำไง (อันนี้เราโพร่งถามเอง เรารำคาญ55)
คำตอบ: พวกต้องรักษาสัญญา ต้องมีคนมาทรงต่อมัน มาทรงให้กู
เราก็ลุกออกเลยค่ะ ไม่เอาละ คุยไม่รู้เรื่องค่ะ โมโหมากแบบว่าเป็นใครเนี่ย มีจริงไหมกูก็ไม่รู้ ดื้อด้านอีก (เราอารมณ์ขึ้น แล้วก็ไม่คิดว่าจะเชื่อแล้วค่ะ ตามประสาเด็กยุคใหม่อ่ะเนอะ) พอกลับบ้านเราก็คุยกับแม่ค่ะ เล่าทุกอย่างในวันนี้ให้แม่ฟัง แม่เราก็ยินยอมเลยค่ะที่จะเป็นคนทรงต่อจ้า ญาติอีกสามคนก็ไม่มีใครปฏิเสธค่ะ คะยั้นคะยอให้แม่เราไปทรงต่อเลย วันนั้นเราร้องไห้เลยค่ะ คือถ้าแม่เราทรงต่อ คนต่อก็คือ ไม่เราก็พี่ใช่ไหมคะ แล้วคนอย่างพี่เราอ่ะ ไม่แน่ๆ แล้วเราอ่ะเป็นพวกปากร้ายแต่ใจดีค่ะ เข้าตาจลเราก็ต้องยอมค่ะ แล้วลูกเราล่ะคะ ต้องมาเข้าทรงเป็นผีบ้าแบบนี้หรอ เราก็ไม่ยอมค่ะ แต่ทำไรไม่ได้
วันต่อมา แม่เราไปที่วัดญวนทันทีค่ะ ปรึกษากับคนที่ดูแลเรื่องทรง เค้าก็บอกให้จุดธูปบอกนะว่าจะทรงต่อจากใครชื่ออะไรเป็นอะไรกับเรา
แล้วแม่เราก็ยื่นธูปให้เรากับพี่ค่ะ บอกว่า แกสองคนต้องบอกนะว่ายินยอมที่จะทรงต่อ อธิษฐานบอกเจ้าไป มันจะได้จบๆสักที
ค่ะ พอเราได้ธูปมา สิ่งที่เราอธิษฐานนะคะ 'นี่คุณ เราไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใคร ทำแบบนี้ทำไม แต่เราไม่มีทางทรงให้คุณแน่นอน อยากเลือกแม่เราทรงก็เลือกไปเลยแต่รู้ไว้นะ ต่อจากแม่เราไม่มีใครทรงต่อให้หรอก จะให้เราป่วย จะเอาชีวิตมาเอาไปเลย ไม่กลัว กลัวแต่ต้องทำเรื่องบ้าๆนี่ต่อ เราไม่อยากให้ลูกหลานเรามาซวย เพราะเราเป็นต้นเหตุยอมทำเรื่องบ้าๆนี่ พอกันที จบ' ปักธูปค่ะ กระถางกลาง จำได้แม่น 555555 มีน้ำโหมาก น้ำตาจะไหล พอเสี่ยงทายออกมา แม่เราทรงให้ไม่ได้ค่ะ ไม่เลือกแม่เรา ในใจเราแอบสะใจนะคะ แบบว่า หึหึ แกทำไรฉันไม่ได้หรอก ร่างฉัน! ตัวฉัน!
** การทรงเจ้าของญวนก็คือ ไปทำพิธีที่วัดญวนค่ะ ใช้เวลาเป็นวัน ให้เจ้าสิงเข้าร่างเราเพื่อกินของค่ะ บ้างก็สูบบุหรี่ บ้านไหนทรงบ้างเราก็จะทำมาหากินสบายค่ะ เหมือนว่าเจ้าจะคอยช่วยค่ะ เรื่องจะไปคล้ายๆกับผีกระสืออ่ะค่ะ มีกินมีใช้ร่ำรวย แต่ต้องแลกมากับเรื่องโสมมพวกนี้
มีต่อนะคะ เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแน่ๆ ตอนแรกจะน่าเบื่อหน่อยเพราะปูเรื่องยายป่วยอ่ะค่า ^^