6 วัน 5 คืน กรุงเทพฯ - แม่สอด - แม่สะเรียง - ปางอุ๋ง - ห้วยน้ำดัง - เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ 19 - 24 ธันวาคม 2557
ประสบการณ์การเดินทาง ที่มีแต่ความสุข ความสวยงาม ของธรรมชาติ ของเส้นทาง ความน่ารักและมีน้ำใจของผู้คน กับอากาศที่เย็นสบาย
ทริปนี้มีผู้ร่วมทาง 3 คน ชาย 1 หญิง 2 รวมตัวกันโดยน้องผู้ชายกะน้องผู้หญิงไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เป็นเพื่อนของเราจากคนละที่ แต่เพราะเป็นคนชอบเที่ยวเหมือนกันจึงตกลงปลงใจมาร่วมทางกันได้
กรุงเทพฯ - แม่สอด ระยะทาง 482 กิโลเมตร ตาม Google maps
เรานัดกันออกเดินทางในวันแรก โดยที่มีจุดหมายค้างคืนแรกที่แม่สอด ตั้งใจจะออกเดินทางกันตั้งแต่ตีสี่ โดยรถ CRV รุ่นแรกเลย (เดี๋ยวจะได้เห็นเจ้าพาหนะเพื่อนยากในรูปนะคะ) ปรากฏว่าน้องเค้าขับรถออกมาจากรามฯ จะมารับสองสาวที่พระราม 2 แต่ยางดันแตกโป๊ะเชะเสียก่อน เลยต้องเสียเวลาวนหาที่ปะยางตอนตีสาม จนได้ฤกษ์มารับกันตอนเกือบหกโมงเช้า ถือว่าเป็นโชคดีที่ไม่ไปแตกเอากลางทางในป่าในเขานะคะ
พอโหลดของขึ้นรถเรียบร้อยซึ่งมีทั้งผ้าห่ม เต๊นท์ อุปกรณ์ส่องสว่างต่างๆ มากมายเราก็ออกเดินทางกัน เส้นทางที่ใช้ก็วิ่งไปทางกาญจนา ออกคู่ขนานบางบัวทอง - สุพรรณบุรี แล้วก็ไปบรรจบกับ AH2แถวๆ นครสวรรค์ค่ะ อากาศเย็นสบาย วิวสองข้างทางก็เป็นไปตามที่หลายๆ คนเคยผ่าน แวะไปตามทางที่อยากแวะ หิวก็กิน อิ่มก็ไปต่อ มาถึงจุดที่จะเลี้ยวเข้าไปทางอำเถอแม่สอดทางเริ่มจะสนุกขึ้นมาละ เพราะจะต้องเริ่มไต่เขา โค้งไปมา น้องผู้ชายก็ skill ดีเหลือร้าย เข้าโค้งแบบคนนั่งไม่มีเมา ถ้าเราขับเองคงกระดึ้บๆ ไปกว่าจะถึง นี่คุณน้องเล่นขับยังกะคนพื้นที่ ตลอดเส้นทางต้นไม้เยอะมากค่ะ ดูเขียวละลานตาไปตลอดทาง วิวสวย ตามทางที่ขึ้นเขาลงเขาสลับกันไป
มาถึงจุดแวะพักแรก มันสะดุดตาตรงป้ายนี่แหล่ะค่ะ ขำก๊าก
พอเห็นป้าย ผมนี่ต้องรีบแวะ........เลยครัช
-- กล้องที่ใช้ถ่ายส่วนใหญ่เป็นกล้องจากมือถือนะคะ เพราะตกลงกันว่าจะไปกันแบบลอยตัว ไม่ขอแบก DSLR ไป แต่สุดท้ายมีแอบเสียดาย --
มาถึงจุดชมวิวแรกก็สวยงามมากแล้วค่ะ สำหรับสาวออฟฟิศที่วันๆ เห็นแต่หน้าจอคอมพิวเจอร์ ได้แต่นั่งจิ้นถึงภาพความงดงามแห่งขุนเขาที่คิดถึง
อุณหภูมิอยู่ที่ราวๆ 23 องศา เวลาประมาณเที่ยง ลมพัดโชย เย็นสบายมากเลย
ภาพนี้แอบติดโชเฟอร์กิตติมศักดิ์ และต่อๆ ไปจะได้ยลโฉมนางแบบสาวสวยผู้รู้มุมกล้องของนางตลอดด้วยนะคะ
หลังจากแวะ ..... ตามคำเรียกร้องของเจ้าถิ่นแล้ว เราก็เดินทางกันต่อค่ะ เข้าถึงอำเภอแม่สอดประมาณบ่ายสอง เข้าพักที่ ECO INN แม่สอดค่ะ
โรงแรมใหม่ สะอาดสะอ้าน Facilities ดีมาก ให้ 4 ดาวเลยค่ะ ราคาอยู่ 800 บาทต่อห้อง (เรทต้องเช็คตามช่วงเวลาเข้าพักอีกทีนะคะ)
https://www.facebook.com/ecoinnmaesot
เช็คอินแล้ว เราก็ไปแถวตลาดริมเมยค่ะ แต่เนื่องจากช่วงเวลามันไม่ได้ ตลาดเลยไม่คึกคัก เราก็เลยหาข้าวกลางวันทานกันที่ร้านกระเพาะปลาชื่อดังแถวๆ ตลาดนั่นเลยค่ะ
อิ่มแล้วก็กลับโรงแรม งีบหลับกันไปซักพักประมาณ 5 โมงกว่า มีหนุ่มเจ้าถิ่น (เพื่อนน้องผู้ชาย) มารับไปทานข้าว แนะนำที่ข้าวเม่า ข้าวฟ่าง ร้านดังของที่นี่และที่เชียงใหม่ ด้วยบรรยากาศที่สวยสุดเหมือนอยู่ในสวยพฤกษชาติงามๆ เลย เราแอบจิ้นภาพนางกินรีมาลงสรงสนานที่น้ำตกทีเดียวค่ะ
http://www.khaomaokhaofang.com/new/index.php?language=th
ภาพอาจจะไม่สวยมากนะคะ ฝีมือมีแค่นี้
อาหารอร่อยทุกจาน ถ่ายไม่ทันเพราะมาถึงก็หมด แหะๆ อากาศเย็นสบายมากเลยค่ะ ออกไปทางหนาวด้วยซ้ำ ทั้งเสื้อโค้ทแบบบาง ทั้งผ้าพันคอ แทบเอาไม่อยู่เลย
ราคาอาหารก็กลางๆ ค่ะ สำหรับคนที่เคยชินกับค่าครองชีพในกรุงเทพฯ ถือเป็นราคาปรกติของการไปนั่งทานตามสวนอาหารดีๆ เพียงแต่ที่นี่ บรรยากาศสุดยอดกว่าเยอะ เลยถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม อิ่มแล้วก็ไปตะลุยราตรีในย่านอบาย (น้องเค้าเรียก) ของที่นี่ ก็มีร้านนั่งดื่ม มีวงดนตรีสดให้ฟัง เพลงก็แหม เหมาะกะอายุเราเหลือเกิน 555 คืนนี้ก็ราตรีสวัสดิ์อากาศเย็นสดชื่นกันจากแม่สอดค่ะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แม่สอด - แม่สะเรียง ...
เช้าวันที่ 20 ธันวาคม 2557 อุณหภูมิ 17 องศาเซลเซียส เปิดประตูออกมา เย็นกว่าในห้องแอร์เสียอีก กรี๊ดดด ชอบ
ห้องอาหารที่ ECO INN เค้ามีในส่วนที่เป็น Open air ด้วยค่ะ ทานอาหารเช้าชิลมาก ข้าวต้มตักมาต้องรีบทานมิฉะนั้นจะเย็นก่อนทานหมด พอทานอาหารเช้าเสร็จก็เก็บของออกเดินทางต่อค่ะ ระยะทางตามกูเกิ้ลบอก 200 กว่าโล ใช้เวลาใกล้เคียง 4 ชม. ตื่นเต้นขึ้นไปอีก เพราะเส้นทางวันนี้ที่เคยอ่านในรีวิวจะเป็นเส้นทางที่สวยมากเส้นหนึ่ง เลียบไปตามชายแดนพม่าบ้าง มีแม่น้ำเมยกั้นไว้ ตามทางหลวงหมายเลข 105
จุดแวะเที่ยวของพวกเราบนเส้นทางนี้คือน้ำพุร้อนแม่กาษา ขับเข้าไปตามป้ายเลยก็จะเจอแบบนี้ค่ะ
หนาวๆ แบบนี้ เอาเท้าแช่น้ำที่ไหลมาจากบ่อน้ำร้อน ซึ่งที่นี่เค้าทำไว้อย่างดี ปูหิน มีห้องน้ำบริการไว้สะดวกสบาย ดูจากนางแบบค่ะ ฟินนนน
วิวตรงข้ามกับบ่อน้ำร้อน แสงลงพอดีเลย สวยกว่าที่เห็นในภาพนี้เสียอีกค่ะ
หอมปากหอมคอ แช่น้ำร้อน ถ่ายรูปแล้ว ก็ออกเดินทางต่อค่ะ น่าจะราวๆ 10 โมงเกือบครึ่งได้ ก็รีบแวะเติมน้ำมันไว้ก่อน เท่าที่มีปั๊มค่ะ เค้าบอกข้างหน้าไปแล้วหายากเหมือนกัน ใจจริงสองสาวก็กลัวลำบากเรื่องห้องน้ำห้องท่านะคะ ก่อนออกเดินทางเตรียมใจไว้เชียวว่าต้องมีการเข้ารกเข้าพงข้างทางแน่ๆ แต่ไม่ยักเป็นอย่างนั้น
เส้นทางแม่สอดแม่สะเรียงนี้ตอนแรกฟังดูนึกว่าจะโหด แต่ไม่เท่าไหร่นะคะ ขึ้นเขา ลงเขา โค้งไปมาบ้าง แต่ถือว่าไม่ได้เลวร้าย บางช่วงมีถนนแคบบนเขาบ้างแต่ถ้าคนขับชำนาญการขับรถเข้าโค้งบนเขาแล้วก็ไม่มีอะไรน่าห่วง เพียงแต่ต้องระมัดระวังและไม่เดินทางกลางค่ำกลางคืนเท่านั้นถ้าไม่เก๋าจริง ตลอดสองข้างทางร่มรื่นเขียวขจี สลับเขตชุมชนที่มีให้เห็นห่างๆ มีด่านของพี่ทหารไปตลอดระยะ สามารถแวะถาม แวะคุย แวะเข้าห้องน้ำได้ตลอดเส้นทาง ส่วนตัวเราสองสาวพอเข้าด่านก็จะเปิดกระจกส่งยิ้มหวานๆ เป็นกำลังใจให้พี่ทหารสู้ๆ ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยให้ชาวบ้าน เส้นทางตอนท้ายก่อนเข้าถึงแม่สะเรียงมีถนนแดงอยู่บ้าง มีช่วงที่เป็นหลุมเป็นบ่อ แม้แต่รถสูงอย่าง CRV ก็ต้องหยอด อยู่ระยะหนึ่งเลยทีเดียว แต่ไม่ถือว่าลำบากยากเย็นอะไรเลยนะคะ บางช่วงถนนขับขึ้นเขาไปมองเห็นแต่ท้องฟ้า เหมือนถนนสายนี้จะพาเราวิ่งขึ้นไปบนฟ้าซะงั้น ตลอดเส้นทางมีแต่ความเอิบอิ่มในหัวใจกับภาพสวยๆ ของต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำ ไปตลอดเส้นทาง
หมู่บ้านที่เข้าใจว่าน่าจะเป็นชุมชนของผู้อพยพนะคะ
พวกเราถึงแม่สะเรียงตอนซักบ่ายๆ ได้ค่ะ บวกลบเวลาแวะห้องน้ำ ถ่ายรูปแล้ว ใกล้เคียงกับที่ Google maps คำนวณให้มาก
วันนี้ไม่ได้มีไอเดียเรื่องที่พักมาก่อน กะกันว่ามาหาเอาดาบหน้า วนในเมืองรอนึงเห็นป้ายอุทยานแห่งชาติสาละวิน เลยลองแวะขึ้นไปดู เจอพี่เจ้าหน้าที่อุทยานใจดีมากบอกว่ามีบ้านพักว่างราคา 600 บาท 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ โอ้ว โดนค่ะ เลยขอให้พี่เค้าพาไปดู แล้วก็ตกลงใจเอาห้องนี้ไว้เลยค่ะ บ้านไม้หลังโต มีสองชั้น ด้านล่างเป็นระเบียงนั่งเล่น มีห้องนั่งเล่นตรงกลาง มีทีวี (ไว้ดูบอล ไทย มาเล รอบชิง สำคัญมาก) กระติกน้ำร้อน ห้องนอนเป็นเตียงคู่ ผ้าปูหอมสะอาด มีผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม เครื่องทำน้ำอุ่น อุทยานไทย เจอะอย่างเนี้ย ไม่รัก...ก็บ้า 55555
เพิ่งจะบ่ายเอง ขนของลงเรียบร้อย ก็ลุยเข้าเมืองแวะทานอาหารที่ร้านอินทิรา ร้านเก่าแก่ขึ้นชื่อของที่นี้ เมนูปลาแม่น้ำของร้านนี้อร่อยทุกจาน ถ่ายไม่ทันอีกแล้ว เพราะอีก 2 คนที่มาด้วยนี่สายแข็งมากที่สุด โดยเฉพาะน้องผู้หญิงค่ะ 5555
ทานเสร็จก็ไปแวะพิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง ตัวตึกสวยมากเลยค่ะ ด้านในเป็นหุ่นขี้ผึ้งแสดงถึงวิถีชนเผ่าต่างๆ ไลท์ติ้งน่ากลัวนิดหน่อย 5555 ไม่กล้าถ่ายรูปไว้ หยองๆ กลัวมีภาพอื่นติดมา
ก่อนกลับเข้าที่พักช่วงเย็นๆ เราก็แวะหาร้านกาแฟนั่งชิลๆ ได้อ่านรีวิวของร้าน Black Ant Coffee & Resort ร้านกาแฟเล็กๆ ริมแม่น้ำยวม ซึ่งมีสองฝั่ง ฝั่งแม่น้ำกับฝั่งสวน มีถนนเล็กๆ กั้นอยู่ คุณต้าร์ (น่าจะเป็นเจ้าของ) แนะนำว่ากาแฟที่นี่ เป็นเมล็ดกาแฟประเภทเดียวกับของสตาร์บั๊คเลย แถมยังพาเราเดินชมห้องพัก ที่ฝั่งสวนแม้จะอยู่ใกล้ถนน แต่พอเดินเข้าไปบรรยากาศคนละเรื่อง เค้าสร้างเป็นสะพานไม้ไว้เดินเชื่อมห้องต่างๆ ซึ่งมีหลายประเภท หลายชั้น แล้วก็พามาดูห้อง family room ฝั่งที่ติดแม่น้ำยวม ซึ่งตกแต่งห้องได้เรียบง่าย น่านอนมาก มีระเบียงหน้าเป็นทิวทัศน์ของแม่น้ำยวม น่าเสียดายที่ห้องฝั่งแม่น้ำไม่ว่างแล้ว ไม่อย่างนั้นสองสาวคงจะหอบผ้าหอบผ่อนมานอนห้องริมแม่น้ำนี้แทน
วิวแม่น้ำยวมจากระเบียง Black Ant Coffee and Resort ค่ะ มาคราวหน้า ไม่พลาดที่นี่แน่ แม่สะเรียงไม่เคยอยู่ในความคิดมาก่อนเลยนะคะ มาคราวนี้ถึงกับคิดว่าจะต้องกลับมาอีกแน่ๆ
คล้อยบ่ายอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เราก็ตุนเสบียงกลับเข้าที่พักที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน เจอพี่เจ้าหน้าที่ป้อมบอกว่า แวะมาเชียร์บอลด้วยกันกับพี่เค้าก็ได้ น่ารักมากๆ นั่งเล่นฟังเสียงแมลงไพรหน้าระเบียงบ้านซักพักก็บ้านเปิดทีวีเชียร์บอล คืนนั้นทีมไทยพลิกกลับมาชนะได้อย่างสุดยอด รู้สึกผิดที่กรี๊ดซะลั่นในอุทยาน แต่ก็ได้ยินเสียงแบบเดียวกันจากบ้านพักอีกหลังที่อยู่ไกลๆ เค้าคงไม่ว่าเราแล้วแหล่ะ ที่เราเชียร์บอลเสียงดัง 555
ราตรีนี้เงียบสงัด หลังบอลจบทุกคนเลยออกมาเดินเล่นรับลมหนาว ดูดาวพราวฟ้าโปร่งสดใสกันหนึ่งรอบ แวะไปคุยเล่นกับพี่ๆ ที่ป้อม และก็บอกราตรีสวัสดิ์เข้านอน .................. กู๊ดไนท์ แม่สะเรียง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[CR] 6 วัน 5 คืน กรุงเทพฯ - แม่สอด - แม่สะเรียง - ปางอุ๋ง - ห้วยน้ำดัง - เชียงใหม่ part 1
ประสบการณ์การเดินทาง ที่มีแต่ความสุข ความสวยงาม ของธรรมชาติ ของเส้นทาง ความน่ารักและมีน้ำใจของผู้คน กับอากาศที่เย็นสบาย
ทริปนี้มีผู้ร่วมทาง 3 คน ชาย 1 หญิง 2 รวมตัวกันโดยน้องผู้ชายกะน้องผู้หญิงไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เป็นเพื่อนของเราจากคนละที่ แต่เพราะเป็นคนชอบเที่ยวเหมือนกันจึงตกลงปลงใจมาร่วมทางกันได้
กรุงเทพฯ - แม่สอด ระยะทาง 482 กิโลเมตร ตาม Google maps
เรานัดกันออกเดินทางในวันแรก โดยที่มีจุดหมายค้างคืนแรกที่แม่สอด ตั้งใจจะออกเดินทางกันตั้งแต่ตีสี่ โดยรถ CRV รุ่นแรกเลย (เดี๋ยวจะได้เห็นเจ้าพาหนะเพื่อนยากในรูปนะคะ) ปรากฏว่าน้องเค้าขับรถออกมาจากรามฯ จะมารับสองสาวที่พระราม 2 แต่ยางดันแตกโป๊ะเชะเสียก่อน เลยต้องเสียเวลาวนหาที่ปะยางตอนตีสาม จนได้ฤกษ์มารับกันตอนเกือบหกโมงเช้า ถือว่าเป็นโชคดีที่ไม่ไปแตกเอากลางทางในป่าในเขานะคะ
พอโหลดของขึ้นรถเรียบร้อยซึ่งมีทั้งผ้าห่ม เต๊นท์ อุปกรณ์ส่องสว่างต่างๆ มากมายเราก็ออกเดินทางกัน เส้นทางที่ใช้ก็วิ่งไปทางกาญจนา ออกคู่ขนานบางบัวทอง - สุพรรณบุรี แล้วก็ไปบรรจบกับ AH2แถวๆ นครสวรรค์ค่ะ อากาศเย็นสบาย วิวสองข้างทางก็เป็นไปตามที่หลายๆ คนเคยผ่าน แวะไปตามทางที่อยากแวะ หิวก็กิน อิ่มก็ไปต่อ มาถึงจุดที่จะเลี้ยวเข้าไปทางอำเถอแม่สอดทางเริ่มจะสนุกขึ้นมาละ เพราะจะต้องเริ่มไต่เขา โค้งไปมา น้องผู้ชายก็ skill ดีเหลือร้าย เข้าโค้งแบบคนนั่งไม่มีเมา ถ้าเราขับเองคงกระดึ้บๆ ไปกว่าจะถึง นี่คุณน้องเล่นขับยังกะคนพื้นที่ ตลอดเส้นทางต้นไม้เยอะมากค่ะ ดูเขียวละลานตาไปตลอดทาง วิวสวย ตามทางที่ขึ้นเขาลงเขาสลับกันไป
มาถึงจุดแวะพักแรก มันสะดุดตาตรงป้ายนี่แหล่ะค่ะ ขำก๊าก
พอเห็นป้าย ผมนี่ต้องรีบแวะ........เลยครัช
-- กล้องที่ใช้ถ่ายส่วนใหญ่เป็นกล้องจากมือถือนะคะ เพราะตกลงกันว่าจะไปกันแบบลอยตัว ไม่ขอแบก DSLR ไป แต่สุดท้ายมีแอบเสียดาย --
มาถึงจุดชมวิวแรกก็สวยงามมากแล้วค่ะ สำหรับสาวออฟฟิศที่วันๆ เห็นแต่หน้าจอคอมพิวเจอร์ ได้แต่นั่งจิ้นถึงภาพความงดงามแห่งขุนเขาที่คิดถึง
อุณหภูมิอยู่ที่ราวๆ 23 องศา เวลาประมาณเที่ยง ลมพัดโชย เย็นสบายมากเลย
ภาพนี้แอบติดโชเฟอร์กิตติมศักดิ์ และต่อๆ ไปจะได้ยลโฉมนางแบบสาวสวยผู้รู้มุมกล้องของนางตลอดด้วยนะคะ
หลังจากแวะ ..... ตามคำเรียกร้องของเจ้าถิ่นแล้ว เราก็เดินทางกันต่อค่ะ เข้าถึงอำเภอแม่สอดประมาณบ่ายสอง เข้าพักที่ ECO INN แม่สอดค่ะ
โรงแรมใหม่ สะอาดสะอ้าน Facilities ดีมาก ให้ 4 ดาวเลยค่ะ ราคาอยู่ 800 บาทต่อห้อง (เรทต้องเช็คตามช่วงเวลาเข้าพักอีกทีนะคะ)
https://www.facebook.com/ecoinnmaesot
เช็คอินแล้ว เราก็ไปแถวตลาดริมเมยค่ะ แต่เนื่องจากช่วงเวลามันไม่ได้ ตลาดเลยไม่คึกคัก เราก็เลยหาข้าวกลางวันทานกันที่ร้านกระเพาะปลาชื่อดังแถวๆ ตลาดนั่นเลยค่ะ
อิ่มแล้วก็กลับโรงแรม งีบหลับกันไปซักพักประมาณ 5 โมงกว่า มีหนุ่มเจ้าถิ่น (เพื่อนน้องผู้ชาย) มารับไปทานข้าว แนะนำที่ข้าวเม่า ข้าวฟ่าง ร้านดังของที่นี่และที่เชียงใหม่ ด้วยบรรยากาศที่สวยสุดเหมือนอยู่ในสวยพฤกษชาติงามๆ เลย เราแอบจิ้นภาพนางกินรีมาลงสรงสนานที่น้ำตกทีเดียวค่ะ
http://www.khaomaokhaofang.com/new/index.php?language=th
ภาพอาจจะไม่สวยมากนะคะ ฝีมือมีแค่นี้
อาหารอร่อยทุกจาน ถ่ายไม่ทันเพราะมาถึงก็หมด แหะๆ อากาศเย็นสบายมากเลยค่ะ ออกไปทางหนาวด้วยซ้ำ ทั้งเสื้อโค้ทแบบบาง ทั้งผ้าพันคอ แทบเอาไม่อยู่เลย
ราคาอาหารก็กลางๆ ค่ะ สำหรับคนที่เคยชินกับค่าครองชีพในกรุงเทพฯ ถือเป็นราคาปรกติของการไปนั่งทานตามสวนอาหารดีๆ เพียงแต่ที่นี่ บรรยากาศสุดยอดกว่าเยอะ เลยถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม อิ่มแล้วก็ไปตะลุยราตรีในย่านอบาย (น้องเค้าเรียก) ของที่นี่ ก็มีร้านนั่งดื่ม มีวงดนตรีสดให้ฟัง เพลงก็แหม เหมาะกะอายุเราเหลือเกิน 555 คืนนี้ก็ราตรีสวัสดิ์อากาศเย็นสดชื่นกันจากแม่สอดค่ะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แม่สอด - แม่สะเรียง ...
เช้าวันที่ 20 ธันวาคม 2557 อุณหภูมิ 17 องศาเซลเซียส เปิดประตูออกมา เย็นกว่าในห้องแอร์เสียอีก กรี๊ดดด ชอบ
ห้องอาหารที่ ECO INN เค้ามีในส่วนที่เป็น Open air ด้วยค่ะ ทานอาหารเช้าชิลมาก ข้าวต้มตักมาต้องรีบทานมิฉะนั้นจะเย็นก่อนทานหมด พอทานอาหารเช้าเสร็จก็เก็บของออกเดินทางต่อค่ะ ระยะทางตามกูเกิ้ลบอก 200 กว่าโล ใช้เวลาใกล้เคียง 4 ชม. ตื่นเต้นขึ้นไปอีก เพราะเส้นทางวันนี้ที่เคยอ่านในรีวิวจะเป็นเส้นทางที่สวยมากเส้นหนึ่ง เลียบไปตามชายแดนพม่าบ้าง มีแม่น้ำเมยกั้นไว้ ตามทางหลวงหมายเลข 105
จุดแวะเที่ยวของพวกเราบนเส้นทางนี้คือน้ำพุร้อนแม่กาษา ขับเข้าไปตามป้ายเลยก็จะเจอแบบนี้ค่ะ
หนาวๆ แบบนี้ เอาเท้าแช่น้ำที่ไหลมาจากบ่อน้ำร้อน ซึ่งที่นี่เค้าทำไว้อย่างดี ปูหิน มีห้องน้ำบริการไว้สะดวกสบาย ดูจากนางแบบค่ะ ฟินนนน
วิวตรงข้ามกับบ่อน้ำร้อน แสงลงพอดีเลย สวยกว่าที่เห็นในภาพนี้เสียอีกค่ะ
หอมปากหอมคอ แช่น้ำร้อน ถ่ายรูปแล้ว ก็ออกเดินทางต่อค่ะ น่าจะราวๆ 10 โมงเกือบครึ่งได้ ก็รีบแวะเติมน้ำมันไว้ก่อน เท่าที่มีปั๊มค่ะ เค้าบอกข้างหน้าไปแล้วหายากเหมือนกัน ใจจริงสองสาวก็กลัวลำบากเรื่องห้องน้ำห้องท่านะคะ ก่อนออกเดินทางเตรียมใจไว้เชียวว่าต้องมีการเข้ารกเข้าพงข้างทางแน่ๆ แต่ไม่ยักเป็นอย่างนั้น
เส้นทางแม่สอดแม่สะเรียงนี้ตอนแรกฟังดูนึกว่าจะโหด แต่ไม่เท่าไหร่นะคะ ขึ้นเขา ลงเขา โค้งไปมาบ้าง แต่ถือว่าไม่ได้เลวร้าย บางช่วงมีถนนแคบบนเขาบ้างแต่ถ้าคนขับชำนาญการขับรถเข้าโค้งบนเขาแล้วก็ไม่มีอะไรน่าห่วง เพียงแต่ต้องระมัดระวังและไม่เดินทางกลางค่ำกลางคืนเท่านั้นถ้าไม่เก๋าจริง ตลอดสองข้างทางร่มรื่นเขียวขจี สลับเขตชุมชนที่มีให้เห็นห่างๆ มีด่านของพี่ทหารไปตลอดระยะ สามารถแวะถาม แวะคุย แวะเข้าห้องน้ำได้ตลอดเส้นทาง ส่วนตัวเราสองสาวพอเข้าด่านก็จะเปิดกระจกส่งยิ้มหวานๆ เป็นกำลังใจให้พี่ทหารสู้ๆ ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยให้ชาวบ้าน เส้นทางตอนท้ายก่อนเข้าถึงแม่สะเรียงมีถนนแดงอยู่บ้าง มีช่วงที่เป็นหลุมเป็นบ่อ แม้แต่รถสูงอย่าง CRV ก็ต้องหยอด อยู่ระยะหนึ่งเลยทีเดียว แต่ไม่ถือว่าลำบากยากเย็นอะไรเลยนะคะ บางช่วงถนนขับขึ้นเขาไปมองเห็นแต่ท้องฟ้า เหมือนถนนสายนี้จะพาเราวิ่งขึ้นไปบนฟ้าซะงั้น ตลอดเส้นทางมีแต่ความเอิบอิ่มในหัวใจกับภาพสวยๆ ของต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำ ไปตลอดเส้นทาง
หมู่บ้านที่เข้าใจว่าน่าจะเป็นชุมชนของผู้อพยพนะคะ
พวกเราถึงแม่สะเรียงตอนซักบ่ายๆ ได้ค่ะ บวกลบเวลาแวะห้องน้ำ ถ่ายรูปแล้ว ใกล้เคียงกับที่ Google maps คำนวณให้มาก
วันนี้ไม่ได้มีไอเดียเรื่องที่พักมาก่อน กะกันว่ามาหาเอาดาบหน้า วนในเมืองรอนึงเห็นป้ายอุทยานแห่งชาติสาละวิน เลยลองแวะขึ้นไปดู เจอพี่เจ้าหน้าที่อุทยานใจดีมากบอกว่ามีบ้านพักว่างราคา 600 บาท 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ โอ้ว โดนค่ะ เลยขอให้พี่เค้าพาไปดู แล้วก็ตกลงใจเอาห้องนี้ไว้เลยค่ะ บ้านไม้หลังโต มีสองชั้น ด้านล่างเป็นระเบียงนั่งเล่น มีห้องนั่งเล่นตรงกลาง มีทีวี (ไว้ดูบอล ไทย มาเล รอบชิง สำคัญมาก) กระติกน้ำร้อน ห้องนอนเป็นเตียงคู่ ผ้าปูหอมสะอาด มีผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม เครื่องทำน้ำอุ่น อุทยานไทย เจอะอย่างเนี้ย ไม่รัก...ก็บ้า 55555
เพิ่งจะบ่ายเอง ขนของลงเรียบร้อย ก็ลุยเข้าเมืองแวะทานอาหารที่ร้านอินทิรา ร้านเก่าแก่ขึ้นชื่อของที่นี้ เมนูปลาแม่น้ำของร้านนี้อร่อยทุกจาน ถ่ายไม่ทันอีกแล้ว เพราะอีก 2 คนที่มาด้วยนี่สายแข็งมากที่สุด โดยเฉพาะน้องผู้หญิงค่ะ 5555
ทานเสร็จก็ไปแวะพิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง ตัวตึกสวยมากเลยค่ะ ด้านในเป็นหุ่นขี้ผึ้งแสดงถึงวิถีชนเผ่าต่างๆ ไลท์ติ้งน่ากลัวนิดหน่อย 5555 ไม่กล้าถ่ายรูปไว้ หยองๆ กลัวมีภาพอื่นติดมา
ก่อนกลับเข้าที่พักช่วงเย็นๆ เราก็แวะหาร้านกาแฟนั่งชิลๆ ได้อ่านรีวิวของร้าน Black Ant Coffee & Resort ร้านกาแฟเล็กๆ ริมแม่น้ำยวม ซึ่งมีสองฝั่ง ฝั่งแม่น้ำกับฝั่งสวน มีถนนเล็กๆ กั้นอยู่ คุณต้าร์ (น่าจะเป็นเจ้าของ) แนะนำว่ากาแฟที่นี่ เป็นเมล็ดกาแฟประเภทเดียวกับของสตาร์บั๊คเลย แถมยังพาเราเดินชมห้องพัก ที่ฝั่งสวนแม้จะอยู่ใกล้ถนน แต่พอเดินเข้าไปบรรยากาศคนละเรื่อง เค้าสร้างเป็นสะพานไม้ไว้เดินเชื่อมห้องต่างๆ ซึ่งมีหลายประเภท หลายชั้น แล้วก็พามาดูห้อง family room ฝั่งที่ติดแม่น้ำยวม ซึ่งตกแต่งห้องได้เรียบง่าย น่านอนมาก มีระเบียงหน้าเป็นทิวทัศน์ของแม่น้ำยวม น่าเสียดายที่ห้องฝั่งแม่น้ำไม่ว่างแล้ว ไม่อย่างนั้นสองสาวคงจะหอบผ้าหอบผ่อนมานอนห้องริมแม่น้ำนี้แทน
วิวแม่น้ำยวมจากระเบียง Black Ant Coffee and Resort ค่ะ มาคราวหน้า ไม่พลาดที่นี่แน่ แม่สะเรียงไม่เคยอยู่ในความคิดมาก่อนเลยนะคะ มาคราวนี้ถึงกับคิดว่าจะต้องกลับมาอีกแน่ๆ
คล้อยบ่ายอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เราก็ตุนเสบียงกลับเข้าที่พักที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน เจอพี่เจ้าหน้าที่ป้อมบอกว่า แวะมาเชียร์บอลด้วยกันกับพี่เค้าก็ได้ น่ารักมากๆ นั่งเล่นฟังเสียงแมลงไพรหน้าระเบียงบ้านซักพักก็บ้านเปิดทีวีเชียร์บอล คืนนั้นทีมไทยพลิกกลับมาชนะได้อย่างสุดยอด รู้สึกผิดที่กรี๊ดซะลั่นในอุทยาน แต่ก็ได้ยินเสียงแบบเดียวกันจากบ้านพักอีกหลังที่อยู่ไกลๆ เค้าคงไม่ว่าเราแล้วแหล่ะ ที่เราเชียร์บอลเสียงดัง 555
ราตรีนี้เงียบสงัด หลังบอลจบทุกคนเลยออกมาเดินเล่นรับลมหนาว ดูดาวพราวฟ้าโปร่งสดใสกันหนึ่งรอบ แวะไปคุยเล่นกับพี่ๆ ที่ป้อม และก็บอกราตรีสวัสดิ์เข้านอน .................. กู๊ดไนท์ แม่สะเรียง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------