สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
....มีขั้นตอน และการวางแผน ดังนี้ครับ
วัสดุ อุปกรณ์..เครื่องมือ และส่วนร่วมที่ใช้
1. แปรงลวด..ทั้งขนาดเล็ก(สามารถเข้าไปในซอกเล็กๆได้)
และขนาดใหญ่..ที่ขัดบริเวณที่ยาวๆ..ได้รวดเร็ว
2. กระดาษทราย...ทั้งหยาบและละเอียด..ที่ใช้กับ "โลหะ"
หรือที่เรียกกันในหมู่ช่างว่า "กระดาษทรายน้ำ" นั่นเอง
3. ลูกหมู...(ไม่สนับสนุนให้ใช้สำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญ)เพราะ
เกิดอุบัติเหตุอันตรายมาก..ถึงพิการได้...และควรใช้
เฉพาะใบขัดอย่างอ่อน...จะปลอดภัยกว่า "ใบขัดโลหะ"
ชนิดแข็ง
4. แปรงทาสี..ขนาดหน้ากว้างประมาณ 1-2 นิ้ว
5. สีน้ำมันรองพื้น..(มีให้เลือกสีแดง หรือสีเทา)
6. น้ำมันสน..หรือน้ำมันซักแห้ง หรือน้ำมันก้าด (แนะนำน้ำมันสนมากที่สุด)
.ซื้อมาเพียง 1 แกลลอน ก็พอเผื่อเอาไว้ล้างแปรงด้วย
7. สีจริง..เป็นสีน้ำมัน ขอเอายี่ห้อดีๆ..ราคาอาจจะแพงกว่าเพราะ
ควรจะเน้นความทนทานได้นานหลายๆปี
8. กระป๋องผสมสี..ทำหูหิ้ว..หรือมีหูหิ้วอยู่แล้วเพื่อความสะดวก
กับการใช้งาน และกระป๋องเปล่าใช้ล้างแปรง..อาจจะใช้
แกลลอนน้ำมันเครืองมาตัด ทำหูหิ้เองก็ได้
9. ถุงมือยาง...และ หน้ากากกันฝุ่น และกลิ่นสี น้ำมัน
10. แรงงานคนที่ไม่แพ้กลิ่นสี และน้ำมัน
11. ผ้าขี้ริ้วใช้เช็ดสีที่เลอะเทอะ
12. กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือ ถุงปุ๋ย ไว้รองกันสีเลอะพื้น
13. ฯลฯ
ขั้นตอนการทำงาน
1. ใช้แปรงลวด..กระดาษทราย ขัดสนิมที่มองเห็นออกให้มากที่สุด
ยิ่งขัดให้เห็นเนื้อเหล็กได้ยิ่งดี...แต่ถ้าทำไม่ได้เพราะเหนื่อย
ก็เอาเท่าที่เวลาจะอำนวย...ควรทำในหน้าแล้ง (ฤดูหนาวนี่แหละ)
และวันที่มีแดด..คล้ายกับว่าเข้าห้องอบความร้อน ซึ่งช่วยให้ สีติดนนาน
ย่อมดีกว่าวันที่อากาศชื้นครับ
2. ใช้สีรองพื้น..ผสมน้ำมันสน หรือน้ำมันซักแห้งก็ได้ แต่อย่างหลัง
กลิ่นตกค้างนานกว่า..ผสมสีขนาด "ยางมะตูม"..(อย่าให้เหลวกว่านี้
เพราะจะทำให้สีไม่ติดเหล็ก)
3. ทาสีรองพื้นสัก 1-2 รอบ...ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสนิทก่อน..ราวๆ 1-2 วัน
4. ทาสีจริง...เลือกสีเอาตามชอบ...ผสมน้ำมันสน หรือน้ำมันซักแห้ง
สีจะแห้งช้ากว่าใช้ "ทินเนอร์"..ทาง่ายกว่า..ทาทับสีรองพื้น สัก 1-2 รอบ
ก็ "แหล่ม" แล้วครับ...แต่ระหว่างรอบที่ 1 และ 2 ควรทิ้งระยะให้สีเดิม
แห้งก่อนก็ดี...(ราวๆ 1-2 ชั่วโมง)
เทคนิคการทาสี...
1. ใช้ทาด้วยกำลังแขน...ทาลากยาวๆ...สีจะเรียบกว่าใช้ข้อมือ
2. ก่อนทาควรปาดสีที่แปรง กับขอบกระป๋อง กันไม่ให้สีหยดเลอะ
ได้ดีกว่าการจุ่มแล้วทาทันที
3. การทาสี...ควรใช้ปลายขนแปรงทา..สีจะเรียบกว่าการทา
ด้วยขนแปรงทั้งหมด
4. หลังการทาสีทุกครั้ง..ควรล้างแปรงด้วยน้ำมันสน (หรือน้ำมันซักแห้ง)
ให้สะอาด..ให้สีหมดจากแปรง ตามด้วยเช็ดผ้าให้แห้ง..จะทำให้
การทาครั้งต่อๆไปง่ายกว่า แปรงที่มีสีติดค้าง แปรงจะแข็งกระด้าง
ทายาก และล้างออกยากกว่า
5. สวมถุงมือยาง หรือถุงมือหนังทุกครั้ง..จะป้องกันไม่ให้สี ติดตาม
ซอกเล็บนิ้วมือ...เพราะสีมีพิษต่อร่างกาย
6. ส่วนปลีกย่อยอื่นๆ..เช่น ควรสวมเสื้อผ้า รองเท้า ผ้าเอี๊ยมฯลฯ
ที่สามารถป้องกัน สี เลอะเทอะ รวมทั้งไม่ต้องเสียเวลามาล้าง
เช็ดทำความสะอาดภายหลัง เพราะบางคนอาจจะมีอาการ "แพ้"ได้
อนึ่ง การรองพื้นที่ด้วยกระดาษ หนังสือพิมพ์ ถุงปุ๋ย ฯลฯ ยังช่วยให้
ไม่ต้องมาเช็ดทำความสะอาดพื้นที่ภายหลังเพราะสีแห้งแล้ว..ที่ยากกว่า
วัสดุ อุปกรณ์..เครื่องมือ และส่วนร่วมที่ใช้
1. แปรงลวด..ทั้งขนาดเล็ก(สามารถเข้าไปในซอกเล็กๆได้)
และขนาดใหญ่..ที่ขัดบริเวณที่ยาวๆ..ได้รวดเร็ว
2. กระดาษทราย...ทั้งหยาบและละเอียด..ที่ใช้กับ "โลหะ"
หรือที่เรียกกันในหมู่ช่างว่า "กระดาษทรายน้ำ" นั่นเอง
3. ลูกหมู...(ไม่สนับสนุนให้ใช้สำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญ)เพราะ
เกิดอุบัติเหตุอันตรายมาก..ถึงพิการได้...และควรใช้
เฉพาะใบขัดอย่างอ่อน...จะปลอดภัยกว่า "ใบขัดโลหะ"
ชนิดแข็ง
4. แปรงทาสี..ขนาดหน้ากว้างประมาณ 1-2 นิ้ว
5. สีน้ำมันรองพื้น..(มีให้เลือกสีแดง หรือสีเทา)
6. น้ำมันสน..หรือน้ำมันซักแห้ง หรือน้ำมันก้าด (แนะนำน้ำมันสนมากที่สุด)
.ซื้อมาเพียง 1 แกลลอน ก็พอเผื่อเอาไว้ล้างแปรงด้วย
7. สีจริง..เป็นสีน้ำมัน ขอเอายี่ห้อดีๆ..ราคาอาจจะแพงกว่าเพราะ
ควรจะเน้นความทนทานได้นานหลายๆปี
8. กระป๋องผสมสี..ทำหูหิ้ว..หรือมีหูหิ้วอยู่แล้วเพื่อความสะดวก
กับการใช้งาน และกระป๋องเปล่าใช้ล้างแปรง..อาจจะใช้
แกลลอนน้ำมันเครืองมาตัด ทำหูหิ้เองก็ได้
9. ถุงมือยาง...และ หน้ากากกันฝุ่น และกลิ่นสี น้ำมัน
10. แรงงานคนที่ไม่แพ้กลิ่นสี และน้ำมัน
11. ผ้าขี้ริ้วใช้เช็ดสีที่เลอะเทอะ
12. กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือ ถุงปุ๋ย ไว้รองกันสีเลอะพื้น
13. ฯลฯ
ขั้นตอนการทำงาน
1. ใช้แปรงลวด..กระดาษทราย ขัดสนิมที่มองเห็นออกให้มากที่สุด
ยิ่งขัดให้เห็นเนื้อเหล็กได้ยิ่งดี...แต่ถ้าทำไม่ได้เพราะเหนื่อย
ก็เอาเท่าที่เวลาจะอำนวย...ควรทำในหน้าแล้ง (ฤดูหนาวนี่แหละ)
และวันที่มีแดด..คล้ายกับว่าเข้าห้องอบความร้อน ซึ่งช่วยให้ สีติดนนาน
ย่อมดีกว่าวันที่อากาศชื้นครับ
2. ใช้สีรองพื้น..ผสมน้ำมันสน หรือน้ำมันซักแห้งก็ได้ แต่อย่างหลัง
กลิ่นตกค้างนานกว่า..ผสมสีขนาด "ยางมะตูม"..(อย่าให้เหลวกว่านี้
เพราะจะทำให้สีไม่ติดเหล็ก)
3. ทาสีรองพื้นสัก 1-2 รอบ...ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสนิทก่อน..ราวๆ 1-2 วัน
4. ทาสีจริง...เลือกสีเอาตามชอบ...ผสมน้ำมันสน หรือน้ำมันซักแห้ง
สีจะแห้งช้ากว่าใช้ "ทินเนอร์"..ทาง่ายกว่า..ทาทับสีรองพื้น สัก 1-2 รอบ
ก็ "แหล่ม" แล้วครับ...แต่ระหว่างรอบที่ 1 และ 2 ควรทิ้งระยะให้สีเดิม
แห้งก่อนก็ดี...(ราวๆ 1-2 ชั่วโมง)
เทคนิคการทาสี...
1. ใช้ทาด้วยกำลังแขน...ทาลากยาวๆ...สีจะเรียบกว่าใช้ข้อมือ
2. ก่อนทาควรปาดสีที่แปรง กับขอบกระป๋อง กันไม่ให้สีหยดเลอะ
ได้ดีกว่าการจุ่มแล้วทาทันที
3. การทาสี...ควรใช้ปลายขนแปรงทา..สีจะเรียบกว่าการทา
ด้วยขนแปรงทั้งหมด
4. หลังการทาสีทุกครั้ง..ควรล้างแปรงด้วยน้ำมันสน (หรือน้ำมันซักแห้ง)
ให้สะอาด..ให้สีหมดจากแปรง ตามด้วยเช็ดผ้าให้แห้ง..จะทำให้
การทาครั้งต่อๆไปง่ายกว่า แปรงที่มีสีติดค้าง แปรงจะแข็งกระด้าง
ทายาก และล้างออกยากกว่า
5. สวมถุงมือยาง หรือถุงมือหนังทุกครั้ง..จะป้องกันไม่ให้สี ติดตาม
ซอกเล็บนิ้วมือ...เพราะสีมีพิษต่อร่างกาย
6. ส่วนปลีกย่อยอื่นๆ..เช่น ควรสวมเสื้อผ้า รองเท้า ผ้าเอี๊ยมฯลฯ
ที่สามารถป้องกัน สี เลอะเทอะ รวมทั้งไม่ต้องเสียเวลามาล้าง
เช็ดทำความสะอาดภายหลัง เพราะบางคนอาจจะมีอาการ "แพ้"ได้
อนึ่ง การรองพื้นที่ด้วยกระดาษ หนังสือพิมพ์ ถุงปุ๋ย ฯลฯ ยังช่วยให้
ไม่ต้องมาเช็ดทำความสะอาดพื้นที่ภายหลังเพราะสีแห้งแล้ว..ที่ยากกว่า
แสดงความคิดเห็น
การทาสีรั้วเหล็กใหม่ มีขั้นตอนอย่างไรบ้างครับ
ปัจจุบันมีสนิม สีซีด และหลุดร่อนเป็นบางจุด
อยากทาสีใหม่เอง
จะมีขั้นตอนการทำ และการเลือกใช้สีและอุปกรณ์อย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ
.