ไฟ ใครๆก็รู้เป็นของร้อน มีประโยชน์ใช้ในการหุงต้ม แต่เด็กๆมักจะถูกห้ามเล่นไฟ ไฟจึงจัดเป็นวัตถุที่มีประโยชน์และมีโทษ
อย่าเล่นกับไฟ เป็นคำเตือนที่ได้ยินบ่อย ใช้เตือนหญิงสาวที่แรกสาว แต่ไม่ใช้ไฟที่เราเห็นโดยทั่วไป เป็นไฟที่มองไม่เห็นด้วยตา เป็นไฟที่มีแต่โทษเพียงอย่างเดียว
ไฟเช่นนี้ พระพุทธองค์ทรงให้ชื่อว่า ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ คำสอนทั้งสามคำพระองค์ทรงประทานการสอน(เทศนา)เป็นครั้งแรกแก่อดีตนักบวชในกลุ่ม ชฎิล สามพี่น้องจำนวน 1003 ท่าน เหตุที่ทรงยกเรื่องไฟมาเป็นตัวอย่างในการสอนเพราะ ลัทธิชฎิลนิยมบูชาไฟ นับถือไฟว่าเป็นเครื่องย่างกิเลส!!!
คำสอนที่พระองค์ทรงสอนแก่อดีตนักบวชชฎิล(เพราะได้มาขอบวชในพุทธศาสนาแล้ว)เป็นพระสูตร(เรื่องที่ควรค่าแก่การรับฟัง)ที่ได้รับการขนานนามว่า **อาทิตตปริยายสูตร**=สิ่งที่ทำให้(จิตใจ)ร้อน เป็นพระสูตรที่ควรค่าแก่การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง อ่านเข้าใจง่าย(อ่านช้าๆ)ตัวอย่างเช่น
ตาเมื่อเห็นรูป(สิ่งที่ต้องตาต้องใจ) ที่ถูกใจย่อมก่อให้เกิดความชื่นชมยินดี ความกำหนัด(ต้องการ) ความติดใจ(ราคะ) สิ่งที่ตาเห็นและก่อให้เกิดอาการในใจดังกล่าวพระองค์เรียกว่า ไฟราคะ แม้โทสะ โมหะก็เช่นเดียวกัน (อายตนะภายในคือตา สัมผัสอายตนะภายนอกคือ รูป)
เมื่อจบพระสูตร ส่งผลให้ อตีด ชฎิล ทั้ง 1003 ท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์ในพุทธศาสนา
ราคะพระองค์จะใช้สอนแก่สาวก ถ้าสอนบุคคลทั่วไปจะใช้ โลภะ  
คัดลอกมาจาก. https://m.facebook.com/profile.php?id=1401782726781885