Aspartame สารให้ความหวานแทนน้ำตาล..ไม่อ้วนแต่ "โง่"
ทำไมโง่??
ก็เพราะว่าแอสปาร์เทม หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาลนั้นเป็นพิษต่อสมองของคุณน่ะสิ นอกจากมันจะทำให้ระดับไอคิวของคุณลดลง มันยังส่งผลระยะยาวยังทำให้ความจำเสื่อม และเนื้องอกในสมอง! มีการทดสอบให้แอสปาร์เทมกับหนูผู้น่าสงสาร 320 ตัว หลังจากผ่านไป 76 อาทิตย์ ปรากฎว่าพวกมันได้เนื้องอกในสมองกันถ้วนหน้า! DOD. (department of defense) ยังระบุว่ามันเป็นอาวุธทางชีวภาพที่ทำลายสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ! แถมด้วยอีก 92 โรคที่เป็นผลพวงมาจากแอสปาร์เทม เช่น ปวดหัว, ความสามารถในการมองเห็นลดลง, น้ำหนักเพิ่ม (!), เส้นโลหิตตีบ, ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง ผลวิจัยล่าสุดยืนยันว่ามันทำให้เป็นโรคมะเร็งด้วย!!
HISTORY OF ASPARTAME
แอสปาร์เทม ยังขึ้นชื่อว่าเป็นสารเคมีที่มีพิษต่อร่างกายมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เคยมีการผสมสารเคมีลงในอาหารและเครื่องดื่ม ขนาดที่ว่า FDA (Food and Drug Administration) เคยปฏิเสธไม่อนุมัติให้ใช้มันติดต่อกันถึง 15 ปี!!
แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นที่นิยมในปัจจุบันไปได้ล่ะ??
ความบัดซบบังเกิดขึ้น หลังจาก โรนัล เรแกน
ได้ตำแหน่งปธน. และอธิบดีของ FDA ผู้ผดุงถ์ความเป็นยุติธรรมต่อผู้บริโภคได้ถูกเตะโด่งออกจาก FDA ด้วยเหตุนี้ แอสปาร์เทมถึงได้รับการอนุมัติให้ใส่ในอาหารและเครื่องดื่มได้!! ปัจจุบันทั่วโลกมีอาหารและเครื่องดื่มมากกว่า6,000 ชนิดที่มียาพิษรสหวานผสมอยู่ ทั้งที่ขายเป็นน้ำตาลเทียมจำพวก Equal ,Nutrasweet และที่ผสมลงในน้ำอัดลมไดเอ็ท หมากฝรั่ง ลูกอม วิตามินเสริมอาหารต่างๆ แม้แต่ยาสีฟัน!
How Aspartame Became Legal
น่าสงสารคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว โดยเฉพาะเด็กๆตาดำๆที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่อาจจะซื้อลูกอมหมากฝรั่งผสมยาพิษเหล่านี้มากิน สมองของเด็กๆที่สมควรได้รับการพัฒนากลับแย่ลงเพราะหลงซื้อลูกอมลดไอคิวมากินกัน ที่เศร้ามากๆก็ตรงที่มันมีผลกระทบต่อความคิดสร้างสรรค์ และความคิดริเริ่ม ที่เด็กๆควรจะมีไว้สำหรับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ที่ควรจะฉลาดและคิดเองเป็น แต่ก็เพราะเหตุนี้แหละ สิ่งที่คนที่ปกครองเราเค้ากลัวที่สุดก็คือประชาชนที่ฉลาดเพราะมันปกครองยากกว่าคนโ่ง่ที่ยอมอะไรง่ายๆโดยไม่มีความคิด
แ่น่นอนว่าข้อมูลด้านบนไม่มีทางที่จะอยู่ในทีวี หนังสือพิมพ์ หรือสื่อที่พบเห็นกันได้ทั่วไป เพราะมันคือความลับทางการค้า และเหมือนพยามหลอกผู้บริโภคโดยการบอกแต่ข้อดี(ไม่อ้วน) ส่วนที่พวกเรารู้เกี่ยวกับแอสปาร์เทม ก็เห็นจะมีแค่โฆษณาต่างๆ อย่างพวกปากสะอาดปราศจากน้ำตาล ที่ใช้ภาพนายแบบ นางแบบเปรี้ยวๆยืนเคี้ยวหมากฝรั่ง Sugar-Free บางโฆษณามีนางแบบหุ่นดีเปิดหน้า้ท้องแบนราบ ยืนดื่มน้ำซ่า Zero Calorie อย่างมั่นใจ แลดูเป็นสาวสุขภาพดีมากๆ แล้วเค้าก็หลอกเราได้สำเร็จ เพราะปัจจุบันแอสปาร์เทมได้กลายเป็นสารเคมีจากสวรรค์ไปซะแล้ว สำหรับคนส่วนใหญ่ของโลก ที่ล้วนกลัวอ้วนทุกขณะจิตแต่ยังตัดใจจากความหวานไม่ได้ อีกทั้งยังเข้าใจผิดคิดไปเองว่าแอสปาร์เทมนั้นดีต่อสุขภาพ และยังถือเป็นทางเลือกสำหรับคนป่วยเบาหวาน ส่วนใครที่กำลังตั้งครรถ์อยู่ โปรดหลีกเลี่ยงแอสปาร์เทมไว้ให้ไกลเลยนะคะ เพราะมันส่งผลต่อลูกในท้องของคุณด้วย
เฟิร์สเองก็เคยโง่อยู่นาน เพราะเมื่อก่อนเฟิร์สชอบและอาจจะเรียกได้เลยว่า"ติด" โค้กซีโร่ อย่างหนัก คือต้องกินทุกวัน บางวันหลายแก้ว ได้เข้าเซเว่นทีไร เป็นต้องรีบดิ่งไปกดโค้กซีโร่แก้วใหญ่ Big Gulp มากิน แถมซื้อขวดลิตรมาไ้ว้ทั้งที่ออฟฟิศแล้วก็ที่บ้าน โดยเฉพาะคืนไหนกินเหล้ามาแล้วแฮ้งในตอนเช้า ในหัวมันมีแต่โค้กซีโร่ โค้กซีโร่ จะแดดร้อน ปวดหัวแค่ไหนเฟิร์สก็ยังถ่อสังขารถีบจักรยานไปเซเว่นให้ได้ ความรู้สึกในตอนนั้นเหมือนว่าแอบคิดไปเองว่ามันช่วยอาการแฮ้งค์ได้ แต่จริงๆมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะยังปวดหัวพะอืดพะอมเหมือนเดิม
เหตุการ์ณเปลี่ยนไปหลังจากมีผู้หวังดี(แฟนเฟิร์สเอง) เปิดคลิปวีดีโอในยูทูบให้ดูเกี่ยวกับความจริงอันแสนทุเรศของแอสปาร์เทม เพราะวันนั้นเฟิร์สร้องจะกินโค้กซีโร่ให้ได้ แต่หลังจากได้ดูคลิปแล้วก็ไม่แตะมันอีกเลยค่ะ กลายเป็นอดีตไปแล้วกับโค้กซีโร่บิ๊กกัล์พ แ่ต่เป็นไปได้ว่ามันทำให้ความจำเฟิร์สแย่ลง เพราะขี้หลงขี้ลืมมากๆจนกระทั่งทุกวันนี้ T_T
credit
http://firstonfire.blogspot.com/2011/07/aspartame.html
บทความนี้เป็นความจริงไหมครับ Aspartame สารให้ความหวานแทนน้ำตาล..ไม่อ้วนแต่ "โง่"
ทำไมโง่??
ก็เพราะว่าแอสปาร์เทม หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาลนั้นเป็นพิษต่อสมองของคุณน่ะสิ นอกจากมันจะทำให้ระดับไอคิวของคุณลดลง มันยังส่งผลระยะยาวยังทำให้ความจำเสื่อม และเนื้องอกในสมอง! มีการทดสอบให้แอสปาร์เทมกับหนูผู้น่าสงสาร 320 ตัว หลังจากผ่านไป 76 อาทิตย์ ปรากฎว่าพวกมันได้เนื้องอกในสมองกันถ้วนหน้า! DOD. (department of defense) ยังระบุว่ามันเป็นอาวุธทางชีวภาพที่ทำลายสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ! แถมด้วยอีก 92 โรคที่เป็นผลพวงมาจากแอสปาร์เทม เช่น ปวดหัว, ความสามารถในการมองเห็นลดลง, น้ำหนักเพิ่ม (!), เส้นโลหิตตีบ, ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง ผลวิจัยล่าสุดยืนยันว่ามันทำให้เป็นโรคมะเร็งด้วย!!
HISTORY OF ASPARTAME
แอสปาร์เทม ยังขึ้นชื่อว่าเป็นสารเคมีที่มีพิษต่อร่างกายมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เคยมีการผสมสารเคมีลงในอาหารและเครื่องดื่ม ขนาดที่ว่า FDA (Food and Drug Administration) เคยปฏิเสธไม่อนุมัติให้ใช้มันติดต่อกันถึง 15 ปี!!
แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นที่นิยมในปัจจุบันไปได้ล่ะ??
ความบัดซบบังเกิดขึ้น หลังจาก โรนัล เรแกน
ได้ตำแหน่งปธน. และอธิบดีของ FDA ผู้ผดุงถ์ความเป็นยุติธรรมต่อผู้บริโภคได้ถูกเตะโด่งออกจาก FDA ด้วยเหตุนี้ แอสปาร์เทมถึงได้รับการอนุมัติให้ใส่ในอาหารและเครื่องดื่มได้!! ปัจจุบันทั่วโลกมีอาหารและเครื่องดื่มมากกว่า6,000 ชนิดที่มียาพิษรสหวานผสมอยู่ ทั้งที่ขายเป็นน้ำตาลเทียมจำพวก Equal ,Nutrasweet และที่ผสมลงในน้ำอัดลมไดเอ็ท หมากฝรั่ง ลูกอม วิตามินเสริมอาหารต่างๆ แม้แต่ยาสีฟัน!
How Aspartame Became Legal
น่าสงสารคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว โดยเฉพาะเด็กๆตาดำๆที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่อาจจะซื้อลูกอมหมากฝรั่งผสมยาพิษเหล่านี้มากิน สมองของเด็กๆที่สมควรได้รับการพัฒนากลับแย่ลงเพราะหลงซื้อลูกอมลดไอคิวมากินกัน ที่เศร้ามากๆก็ตรงที่มันมีผลกระทบต่อความคิดสร้างสรรค์ และความคิดริเริ่ม ที่เด็กๆควรจะมีไว้สำหรับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ที่ควรจะฉลาดและคิดเองเป็น แต่ก็เพราะเหตุนี้แหละ สิ่งที่คนที่ปกครองเราเค้ากลัวที่สุดก็คือประชาชนที่ฉลาดเพราะมันปกครองยากกว่าคนโ่ง่ที่ยอมอะไรง่ายๆโดยไม่มีความคิด
แ่น่นอนว่าข้อมูลด้านบนไม่มีทางที่จะอยู่ในทีวี หนังสือพิมพ์ หรือสื่อที่พบเห็นกันได้ทั่วไป เพราะมันคือความลับทางการค้า และเหมือนพยามหลอกผู้บริโภคโดยการบอกแต่ข้อดี(ไม่อ้วน) ส่วนที่พวกเรารู้เกี่ยวกับแอสปาร์เทม ก็เห็นจะมีแค่โฆษณาต่างๆ อย่างพวกปากสะอาดปราศจากน้ำตาล ที่ใช้ภาพนายแบบ นางแบบเปรี้ยวๆยืนเคี้ยวหมากฝรั่ง Sugar-Free บางโฆษณามีนางแบบหุ่นดีเปิดหน้า้ท้องแบนราบ ยืนดื่มน้ำซ่า Zero Calorie อย่างมั่นใจ แลดูเป็นสาวสุขภาพดีมากๆ แล้วเค้าก็หลอกเราได้สำเร็จ เพราะปัจจุบันแอสปาร์เทมได้กลายเป็นสารเคมีจากสวรรค์ไปซะแล้ว สำหรับคนส่วนใหญ่ของโลก ที่ล้วนกลัวอ้วนทุกขณะจิตแต่ยังตัดใจจากความหวานไม่ได้ อีกทั้งยังเข้าใจผิดคิดไปเองว่าแอสปาร์เทมนั้นดีต่อสุขภาพ และยังถือเป็นทางเลือกสำหรับคนป่วยเบาหวาน ส่วนใครที่กำลังตั้งครรถ์อยู่ โปรดหลีกเลี่ยงแอสปาร์เทมไว้ให้ไกลเลยนะคะ เพราะมันส่งผลต่อลูกในท้องของคุณด้วย
เฟิร์สเองก็เคยโง่อยู่นาน เพราะเมื่อก่อนเฟิร์สชอบและอาจจะเรียกได้เลยว่า"ติด" โค้กซีโร่ อย่างหนัก คือต้องกินทุกวัน บางวันหลายแก้ว ได้เข้าเซเว่นทีไร เป็นต้องรีบดิ่งไปกดโค้กซีโร่แก้วใหญ่ Big Gulp มากิน แถมซื้อขวดลิตรมาไ้ว้ทั้งที่ออฟฟิศแล้วก็ที่บ้าน โดยเฉพาะคืนไหนกินเหล้ามาแล้วแฮ้งในตอนเช้า ในหัวมันมีแต่โค้กซีโร่ โค้กซีโร่ จะแดดร้อน ปวดหัวแค่ไหนเฟิร์สก็ยังถ่อสังขารถีบจักรยานไปเซเว่นให้ได้ ความรู้สึกในตอนนั้นเหมือนว่าแอบคิดไปเองว่ามันช่วยอาการแฮ้งค์ได้ แต่จริงๆมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะยังปวดหัวพะอืดพะอมเหมือนเดิม
เหตุการ์ณเปลี่ยนไปหลังจากมีผู้หวังดี(แฟนเฟิร์สเอง) เปิดคลิปวีดีโอในยูทูบให้ดูเกี่ยวกับความจริงอันแสนทุเรศของแอสปาร์เทม เพราะวันนั้นเฟิร์สร้องจะกินโค้กซีโร่ให้ได้ แต่หลังจากได้ดูคลิปแล้วก็ไม่แตะมันอีกเลยค่ะ กลายเป็นอดีตไปแล้วกับโค้กซีโร่บิ๊กกัล์พ แ่ต่เป็นไปได้ว่ามันทำให้ความจำเฟิร์สแย่ลง เพราะขี้หลงขี้ลืมมากๆจนกระทั่งทุกวันนี้ T_T
credit http://firstonfire.blogspot.com/2011/07/aspartame.html