ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ศาสนาใดๆทั้งสิ้น เป็นการบอกเล่าข้อความที่เคยได้ยินได้ฟังและได้อ่านมาเท่านั้น
เพราะเรื่องราวธรรมะต่อไปนี้กระทบต่อศาสนาอื่นจึงไม่ค่อยมีใครหรือวัดไหนแสดงให้ฟังกันนัก
ข้อความต่อไปนี้เป็นเรื่องการสร้างโลก ที่คล้ายๆกับคริสและอิสลามแต่ผู้ที่สร้างโลกไม่ใช่พระเจ้า
เนื่องจากบทความต่อไปนี้เป็นเรื่องที่นำมาจากความทรงจำที่เคยอ่านและฟังมาของผู้เขียนล้วนๆจึงไม่สามารถอ้างอิงหาแหล่งที่มาได้ฉะนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ความว่า ดูกร อานน ในกาลนั้น นับแต่ อาทิตย์ตั้งขึ้นแล้ว เจ็ดดวง ไฟได้ทำลายแล้วในโลก สาม(มีนรก โลกมนุษย์ สวรรค์เจดชั้น รวมพรหมโลกชั้นปฐมฌาณภูมิ ด้วย) ปรากฏความว่างเปล่าอยู่สิ้นกาลยาวนาน เมื่อล่วงกาลนั้นแล้ว เทพเจ้าชั้น อาภัสระ พรหมภูมิ ผู้หนึ่งผู้สำเร็จแล้วซึ่งทุติฌาณอันปราณีต เสวยแล้วซึ่งอายุขัย สิ้น เวลาอันล่วงไป 8 มหากัป มีรัศมีไม่มีประมาณ เป็นผู้มีความอิ่มใจเป็นปกติ ได้เคลื่อนแล้วออกจากภพนั้น จุติ แล้วในปฐมฌาณภูมิ เป็นผู้มีนามว่า "ท้าวผกามหาพรหม" ในกาลนั้นแล อานนท์ รัสมีอันไม่ประมาณปรากฏแต่ในโลกสาม สว่างไปทั่ว อากาศธาตุอันเป็นที่ตั้งแห่ง นรก โลกมนุษย์ แลสรวงสวรรค์ ท้าวเธอเป็นผู้อิ่มในฌาณมากแล้วฌาณปรากฏอยู่ในปฐมฌาณพรหมโลก สิ้นกาลเป็นอันมาก เมื่อนั้น โลกนรกก็ดี โลกมนุษย์ก็ดี โลกสวรรค์ก็ดีย่อมว่างเปล่า เมื่อเวลาล่วงไปแลอานน ปฐมฌาณก็อ่อนกำลังลงแต่ท้าวเทอ จิตแห่งท้าวเทอ ก็กระสัน ออกจากสมาธิแล้ว เกิดปริวิตกว่า อย่างไรแล พึงมีสัตว์เกิดในที่นี่ เหมือนเรานี้ ในขณะนั้นแลอานนท์ ก็บังเกิดมีสัตว์ผู้มีบุญ ไปบังเกิด ปรากฏต่อหน้าท้าวมหาพรหม (ผู้ที่เกิดในตอนนั้นคือ ปุโรหิตาพรหม)สัตว์นั้นเมื่อเกิดขึ้นย่อมเกิดความคิดว่าผู้นี้แลคือผู้ที่ให้ตนเกิดขึ้นเราได้เกิดแล้วเนื่องจากผู้นี้ แม้ท้าวมหาพรหมก็ปริวิตกว่าผู้นี้แลเกิดแล้วเพราะเราคิดแล้ว เมื่อปุโรหิตาพรหมบังเกิดขึ้นแล้ว ก็พาเข้าสมาบัติ ปฐมฌาณอันเป็นสุข อยู่สิ้นกาลยาวนาน
ดูกร อานนท์ ท้าวมหาพรหมเทอ เข้าฌาณออกฌาณอย่างนี้ยังสัตว์ให้เกิดจน มีบริษัทมาก แม้บริษัท(ผู้ที่เกิดในชั้นปฐมฌาณภูมิสาม)เหล่านั้นแห่งท้าวมหาพรหมก็เข้าฌาณออกฌาณยังสัตว์ทั้งหลายให้เกิด ด้วยความคิดว่า พึ่งมีสัตว์รูปอย่างนั้นๆ บังเกิดในที่นั้นๆ เถิด อย่างนี้ เทพเจ้าในช้นกามาพจรภพ แลมนุษย์ ทั้งหลายจึงบังเกิดขึ้น
ปล ยังมีข้อความอีกมากแต่เหนสมควรเพียงเท่านี้เพียงพอแต่หัวข้อที่ตั้งมา จึงจบแต่เพียงเท่านี้
ข้อความในธรรมะที่กระทบต่อศาสนาอื่นโดยเฉพาะคริสกับอิสลาม
เพราะเรื่องราวธรรมะต่อไปนี้กระทบต่อศาสนาอื่นจึงไม่ค่อยมีใครหรือวัดไหนแสดงให้ฟังกันนัก
ข้อความต่อไปนี้เป็นเรื่องการสร้างโลก ที่คล้ายๆกับคริสและอิสลามแต่ผู้ที่สร้างโลกไม่ใช่พระเจ้า
เนื่องจากบทความต่อไปนี้เป็นเรื่องที่นำมาจากความทรงจำที่เคยอ่านและฟังมาของผู้เขียนล้วนๆจึงไม่สามารถอ้างอิงหาแหล่งที่มาได้ฉะนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ความว่า ดูกร อานน ในกาลนั้น นับแต่ อาทิตย์ตั้งขึ้นแล้ว เจ็ดดวง ไฟได้ทำลายแล้วในโลก สาม(มีนรก โลกมนุษย์ สวรรค์เจดชั้น รวมพรหมโลกชั้นปฐมฌาณภูมิ ด้วย) ปรากฏความว่างเปล่าอยู่สิ้นกาลยาวนาน เมื่อล่วงกาลนั้นแล้ว เทพเจ้าชั้น อาภัสระ พรหมภูมิ ผู้หนึ่งผู้สำเร็จแล้วซึ่งทุติฌาณอันปราณีต เสวยแล้วซึ่งอายุขัย สิ้น เวลาอันล่วงไป 8 มหากัป มีรัศมีไม่มีประมาณ เป็นผู้มีความอิ่มใจเป็นปกติ ได้เคลื่อนแล้วออกจากภพนั้น จุติ แล้วในปฐมฌาณภูมิ เป็นผู้มีนามว่า "ท้าวผกามหาพรหม" ในกาลนั้นแล อานนท์ รัสมีอันไม่ประมาณปรากฏแต่ในโลกสาม สว่างไปทั่ว อากาศธาตุอันเป็นที่ตั้งแห่ง นรก โลกมนุษย์ แลสรวงสวรรค์ ท้าวเธอเป็นผู้อิ่มในฌาณมากแล้วฌาณปรากฏอยู่ในปฐมฌาณพรหมโลก สิ้นกาลเป็นอันมาก เมื่อนั้น โลกนรกก็ดี โลกมนุษย์ก็ดี โลกสวรรค์ก็ดีย่อมว่างเปล่า เมื่อเวลาล่วงไปแลอานน ปฐมฌาณก็อ่อนกำลังลงแต่ท้าวเทอ จิตแห่งท้าวเทอ ก็กระสัน ออกจากสมาธิแล้ว เกิดปริวิตกว่า อย่างไรแล พึงมีสัตว์เกิดในที่นี่ เหมือนเรานี้ ในขณะนั้นแลอานนท์ ก็บังเกิดมีสัตว์ผู้มีบุญ ไปบังเกิด ปรากฏต่อหน้าท้าวมหาพรหม (ผู้ที่เกิดในตอนนั้นคือ ปุโรหิตาพรหม)สัตว์นั้นเมื่อเกิดขึ้นย่อมเกิดความคิดว่าผู้นี้แลคือผู้ที่ให้ตนเกิดขึ้นเราได้เกิดแล้วเนื่องจากผู้นี้ แม้ท้าวมหาพรหมก็ปริวิตกว่าผู้นี้แลเกิดแล้วเพราะเราคิดแล้ว เมื่อปุโรหิตาพรหมบังเกิดขึ้นแล้ว ก็พาเข้าสมาบัติ ปฐมฌาณอันเป็นสุข อยู่สิ้นกาลยาวนาน
ดูกร อานนท์ ท้าวมหาพรหมเทอ เข้าฌาณออกฌาณอย่างนี้ยังสัตว์ให้เกิดจน มีบริษัทมาก แม้บริษัท(ผู้ที่เกิดในชั้นปฐมฌาณภูมิสาม)เหล่านั้นแห่งท้าวมหาพรหมก็เข้าฌาณออกฌาณยังสัตว์ทั้งหลายให้เกิด ด้วยความคิดว่า พึ่งมีสัตว์รูปอย่างนั้นๆ บังเกิดในที่นั้นๆ เถิด อย่างนี้ เทพเจ้าในช้นกามาพจรภพ แลมนุษย์ ทั้งหลายจึงบังเกิดขึ้น
ปล ยังมีข้อความอีกมากแต่เหนสมควรเพียงเท่านี้เพียงพอแต่หัวข้อที่ตั้งมา จึงจบแต่เพียงเท่านี้