ไปเจอวีดีโอคอนเทนต์ดีๆจาก Youtube เลยอยากมาแชร์ครับ
นวัตกรรมต่างๆบนโลกใบนี้ล้วนเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ความต้องการที่จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น นวัตกรรมเหล่านั้นล้วนมีที่มาที่ไป และใครจะไปรู้ว่า แค่สิ่งเล็กๆจากงานอดิเรกจะทำให้คนๆหนึ่ง ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล … วันนี้จะพาไปรู้จักกับ
Nicholas Woodman CEO และผู้ก่อตั้ง
GoPro บริษัทกล้องที่เติบโตเร็วที่สุดของอเมริกา และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้ติดทำเนียบ Forbes Billionaire ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมถอดความจากวีดีโอของ Forbes สัมภาษณ์โดย Ryan Mac จาก Forbes Magazine >> https://www.youtube.com/watch?v=Gd-k-395KtA
Nicholas และทีมงานของเขานั่งเครื่องเจ็ทส่วนตัว ต่อด้วยเฮลิคอปเตอร์ มาให้สัมภาษณ์ บอกเล่าเรื่องราวกับ Forbes ถือเป็นการเดินทางที่ยาวไกลมากนับตั้งแต่ขับรถ Penske Truck ตระเวนไปตามงานต่างๆเพื่อขายกล้อง
Nicholas เล่าว่า ทีมงานของเขาในวันนี้ คือชุดเดียวกับที่ขับรถ Penske Truck ตระเวนไปตามงานแสดงสินค้า ตั้งแต่ San Francisco, Salt Lake City, Utah ทั้งวันทั้งคืน เตรียมงานอย่างหนักสำหรับงานแสดงสินค้าครั้งต่อไป เพื่อทำให้ความฝันของ GoPro กลายเป็นจริง และด้วยความรัก ความหลงใหลได้กลายเป็นแรงผลักดันชั้นยอดที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในวันนี้
Ryan : คุณคิดว่ามันมีศักยภาพพอไปแทนที่กล้องวีดีโอ Camcorder ได้ไหม
Nicholas: มันเป็นไปแล้วครับ ผู้บริโภคจะไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อกล้องที่เล็งแล้วถ่าย/กล้องขนาดเล็ก (Point Shoot Cameras/Pocket Cameras) อีกต่อไป เพราะพวกเขามีสมาร์ทโฟนในมืออยู่แล้ว นั่นทำให้พวกเขายอมควักเงินเพื่อซื้อบางสิ่งเช่น GoPro ซึ่งมีวัตถุประสงค์การใช้งานแตกต่างจากสมาร์ทโฟนมาก อย่างไรก็ตาม GoPro จะไม่มีวันเข้าไปแทนที่กล้องมือถือที่เมื่อไรอยากถ่ายก็ยกขึ้นมากด (แล้วแชร์ไปยังที่ต่างๆ แค่นั้น) แต่ GoPro คือสิ่งที่ช่วยให้ผู้คนเก็บทุกจังหวะประสบการณ์สำคัญของชีวิตในรูปแบบที่กล้องมือถือไม่สามารถทำได้ ตัวอย่างเช่น มุมมองของเราเวลาเล่นสกี เหมือนกับเวลาดูหนังที่ถ่ายทำด้วยกล้อง IMAX เวลาได้ชมจะรู้สึกเต็มตา เต็มอารมณ์เหมือนได้กลับไปอยู่ที่ตรงนั้นอีกครั้ง
“ผู้คนชอบคิดว่า GoPro คือความสำเร็จชั่วข้ามคืน (Overnight Success) แต่มันคือความสำเร็จชั่วข้ามคืนอันยอดเยี่ยมที่กินเวลา 10 ปี (10-year Overnight Success) กว่าจะมาถึง ณ จุดนี้” … Nicholas Woodman
Ryan: งั้นเรามาพูดถึงจุดเริ่มต้นของความฝันกัน ความเป็นมา ก่อนที่จะมาเป็น GoPro
Nicholas: ผมเคยทำธุรกิจมาก่อน ผมเรี่ยไรเงิน 4 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ เริ่มเปิดบริษัทเกี่ยวกับการตลาดเว็บไซต์ (Web Marketing) ตอนนั้นผมอยากจะใช้มันเริ่มต้นทำธุรกิจ แต่ผมไม่มีไอเดียเลยด้วยซ้ำว่าผมอยากทำอะไร
สำหรับแรงบันดาลใจของ GoPro นั้นมาจากตอนที่ผมไปเล่นกระดานโต้คลื่น (Surfing) ผมวางแผนเดินทาง 5 เดือนไปโต้คลื่นที่ออสเตรเลียและอินโดนีเซีย แต่แรงบันดาลใจมักมาก่อนเสียงหัวเราะ ผมอยากจะเก็บภาพตัวผมกับเพื่อนที่ไปด้วยกันตอนกำลังโต้คลื่น และในตอนนั้นยังไม่มีกล้องตัวใดในโลกที่สามารถทำแบบนั้นได้ ดังนั้น ผมจึงเริ่มหาทางพัฒนากล้องที่สามารถใช้แล้วทิ้งมาติดที่ข้อมือเพื่อตอบโจทย์ที่ผมต้องการ และถ้าหากว่านั่นไม่ได้ออกมาเป็นไอเดียที่ต่อยอดทางธุรกิจได้ ผมก็แค่อยากบันทึกประสบการณ์สำหรับทริปนี้เท่านั้น
พอรู้ว่ามันไปได้ดีแน่ๆ ผมก็ปิ๊งขึ้นมาทันที โอ้ พระเจ้า! มันต้องมีนักโต้คลื่นอีกหลายคนบนโลกที่ต้องการสิ่งนี้
Ryan: แล้วคุณทำงานวิจัยกับมันอย่างไร สำหรับกล้องที่ดูแล้วไม่ซับซ้อนในการผลิตแและพัฒนา
Nicholas: ผมอยากใช้กล้องคุณภาพสูงที่ผูกติดกับข้อมือ เพื่อได้ภาพที่คุณภาพดี แต่กล้องทุกตัวที่ผมใช้เวลาโต้คลื่น ผมทำมันแตกทุกครั้งเพราะว่ากล้องนั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานสมบุกสมบันสำหรับกิจกรรรมที่หนักหน่วงเช่นการโต้คลื่น
หลังจากนั้นผมใช้เวลา 2 ปี ตระเวนไปตามงานแสดงกล้องทั่วโลก เพื่อมองหากล้องรุ่นที่ใกล้เคียงกับที่ผมอยากจะออกแบบ และผมก็เจอมันในอีกปีต่อมา จากนั้นก็ได้บริษัทผู้ผลิตที่ตกลงจะดัดแปลงและเริ่มผลิตกล้องให้ผม ผมตกลงกับข้อเสนอโดยที่ยังไม่ได้เห็นบริษัทที่ติดต่อกันจริงๆ เราติดต่อกันผ่านอีเมล์อย่างเดียว มีโทรศัพท์หากันแค่ครั้งเดียวซึ่งก็คุยกันไม่ค่อยเข้าใจเพราะอุปสรรคทางด้านภาษา (บริษัทอยู่ในประเทศจีน)
ผมโอนเงิน 5,000 ดอลล่าร์เป็นเงินค่าอุปกรณ์ แม่พิมพ์ ต่างๆ เพราะมันราคาถูกจริงๆ แค่ส่งเงินไป 5,000 ดอลล่าร์และบินไปที่นั่น พบกับบริษัทผู้ผลิต เหมือนกับการเดินทางสำหรับธุรกิจ และผมก็คิดได้ว่า เอาว่ะ ลุยเลยดีกว่า สุดท้ายเราก็จดให้ทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เราได้กำไรตั้งแต่วันแรก เพราะตอนนั้นมีแค่ผมคนเดียว ไม่มีค่าใช้จ่ายที่ต้องดำเนินการทางธุรกิจ (Overhead) และ GoPro ที่ทุกคนรู้จักในวันนี้ใช้เงินลงทุนไป 265,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
Ryan: และคุณเพิ่งได้ประกาศว่าได้รับงบสนับสนุนจาก Foxconn (ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดในโลก โรงงานผลิต iPhone iPad ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้)
Nicholas: Foxconn ได้เข้าซื้อหุ้นไปเกือบ 9 เปอร์เซนต์ของบริษัทมูลค่าหลายร้อยล้านดอลล่าร์สหรัฐ เวลาได้นึกย้อนกลับไปถึงจุดที่เราเริ่มต้นด้วยกล้องติดข้อมือสำหรับนักโต้คลื่นราคา 3 ดอลล่าร์ จนถึงตอนนี้ด้วยกล้อง GoPro Hero 3 และอนาคตที่มีกับ Foxconn น้น มันน่าตื่นเต้นมากจริงๆ
มันคืออุปกรณ์บันทึกเรื่องราวของชีวิต เราใช้มันเวลาเล่นสกี ติดบนอก บนหมวกหรือแม้กระทั่งกระดานสกี มันคือกล้องตัวเดียวกับที่หมอผ่าตัดติดบนหัวเวลารักษาคนไข้ สำหรับบันทึกขั้นตอนการผ่าตัด เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักศึกษาทั่วโลก มันคือกล้องตัวเดียวกับที่ Discovery Channel ใช้ในรายการเพื่อมุมมองที่หลากหลาย มีการใช้กล้องนี้อย่างแพร่หลายทางการทหารสำหรับบันทึกการสู้รบรวมถึงการฝึกอบรมต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นอุปกรณ์ที่ขายดิบขายดีในร้านขายอุปกรณ์สกีและกระดานโต้คลื่น นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในสิ่งที่ผู้บริโภคกำลังมองหา ในฐานะอุปกรณ์ที่ช่วยบันทึกเรื่องราวของเขา… และพวกเขาก็กำลังมองหากล้องจิ๋วแต่แจ๋วตัวนี้
**
http://www.thetouristdiary.com/top-stories/casestudy-gopro Link บทความ
**
https://www.facebook.com/thetouristdiary เพจของผมเอง ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
Case Study : กว่าจะมาเป็น GoPro กล้องจิ๋วแต่แจ๋ว
นวัตกรรมต่างๆบนโลกใบนี้ล้วนเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ความต้องการที่จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น นวัตกรรมเหล่านั้นล้วนมีที่มาที่ไป และใครจะไปรู้ว่า แค่สิ่งเล็กๆจากงานอดิเรกจะทำให้คนๆหนึ่ง ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล … วันนี้จะพาไปรู้จักกับ Nicholas Woodman CEO และผู้ก่อตั้ง GoPro บริษัทกล้องที่เติบโตเร็วที่สุดของอเมริกา และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้ติดทำเนียบ Forbes Billionaire ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมถอดความจากวีดีโอของ Forbes สัมภาษณ์โดย Ryan Mac จาก Forbes Magazine >> https://www.youtube.com/watch?v=Gd-k-395KtA
Nicholas และทีมงานของเขานั่งเครื่องเจ็ทส่วนตัว ต่อด้วยเฮลิคอปเตอร์ มาให้สัมภาษณ์ บอกเล่าเรื่องราวกับ Forbes ถือเป็นการเดินทางที่ยาวไกลมากนับตั้งแต่ขับรถ Penske Truck ตระเวนไปตามงานต่างๆเพื่อขายกล้อง
Nicholas เล่าว่า ทีมงานของเขาในวันนี้ คือชุดเดียวกับที่ขับรถ Penske Truck ตระเวนไปตามงานแสดงสินค้า ตั้งแต่ San Francisco, Salt Lake City, Utah ทั้งวันทั้งคืน เตรียมงานอย่างหนักสำหรับงานแสดงสินค้าครั้งต่อไป เพื่อทำให้ความฝันของ GoPro กลายเป็นจริง และด้วยความรัก ความหลงใหลได้กลายเป็นแรงผลักดันชั้นยอดที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในวันนี้
Ryan : คุณคิดว่ามันมีศักยภาพพอไปแทนที่กล้องวีดีโอ Camcorder ได้ไหม
Nicholas: มันเป็นไปแล้วครับ ผู้บริโภคจะไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อกล้องที่เล็งแล้วถ่าย/กล้องขนาดเล็ก (Point Shoot Cameras/Pocket Cameras) อีกต่อไป เพราะพวกเขามีสมาร์ทโฟนในมืออยู่แล้ว นั่นทำให้พวกเขายอมควักเงินเพื่อซื้อบางสิ่งเช่น GoPro ซึ่งมีวัตถุประสงค์การใช้งานแตกต่างจากสมาร์ทโฟนมาก อย่างไรก็ตาม GoPro จะไม่มีวันเข้าไปแทนที่กล้องมือถือที่เมื่อไรอยากถ่ายก็ยกขึ้นมากด (แล้วแชร์ไปยังที่ต่างๆ แค่นั้น) แต่ GoPro คือสิ่งที่ช่วยให้ผู้คนเก็บทุกจังหวะประสบการณ์สำคัญของชีวิตในรูปแบบที่กล้องมือถือไม่สามารถทำได้ ตัวอย่างเช่น มุมมองของเราเวลาเล่นสกี เหมือนกับเวลาดูหนังที่ถ่ายทำด้วยกล้อง IMAX เวลาได้ชมจะรู้สึกเต็มตา เต็มอารมณ์เหมือนได้กลับไปอยู่ที่ตรงนั้นอีกครั้ง
“ผู้คนชอบคิดว่า GoPro คือความสำเร็จชั่วข้ามคืน (Overnight Success) แต่มันคือความสำเร็จชั่วข้ามคืนอันยอดเยี่ยมที่กินเวลา 10 ปี (10-year Overnight Success) กว่าจะมาถึง ณ จุดนี้” … Nicholas Woodman
Ryan: งั้นเรามาพูดถึงจุดเริ่มต้นของความฝันกัน ความเป็นมา ก่อนที่จะมาเป็น GoPro
Nicholas: ผมเคยทำธุรกิจมาก่อน ผมเรี่ยไรเงิน 4 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ เริ่มเปิดบริษัทเกี่ยวกับการตลาดเว็บไซต์ (Web Marketing) ตอนนั้นผมอยากจะใช้มันเริ่มต้นทำธุรกิจ แต่ผมไม่มีไอเดียเลยด้วยซ้ำว่าผมอยากทำอะไร
สำหรับแรงบันดาลใจของ GoPro นั้นมาจากตอนที่ผมไปเล่นกระดานโต้คลื่น (Surfing) ผมวางแผนเดินทาง 5 เดือนไปโต้คลื่นที่ออสเตรเลียและอินโดนีเซีย แต่แรงบันดาลใจมักมาก่อนเสียงหัวเราะ ผมอยากจะเก็บภาพตัวผมกับเพื่อนที่ไปด้วยกันตอนกำลังโต้คลื่น และในตอนนั้นยังไม่มีกล้องตัวใดในโลกที่สามารถทำแบบนั้นได้ ดังนั้น ผมจึงเริ่มหาทางพัฒนากล้องที่สามารถใช้แล้วทิ้งมาติดที่ข้อมือเพื่อตอบโจทย์ที่ผมต้องการ และถ้าหากว่านั่นไม่ได้ออกมาเป็นไอเดียที่ต่อยอดทางธุรกิจได้ ผมก็แค่อยากบันทึกประสบการณ์สำหรับทริปนี้เท่านั้น พอรู้ว่ามันไปได้ดีแน่ๆ ผมก็ปิ๊งขึ้นมาทันที โอ้ พระเจ้า! มันต้องมีนักโต้คลื่นอีกหลายคนบนโลกที่ต้องการสิ่งนี้
Ryan: แล้วคุณทำงานวิจัยกับมันอย่างไร สำหรับกล้องที่ดูแล้วไม่ซับซ้อนในการผลิตแและพัฒนา
Nicholas: ผมอยากใช้กล้องคุณภาพสูงที่ผูกติดกับข้อมือ เพื่อได้ภาพที่คุณภาพดี แต่กล้องทุกตัวที่ผมใช้เวลาโต้คลื่น ผมทำมันแตกทุกครั้งเพราะว่ากล้องนั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานสมบุกสมบันสำหรับกิจกรรรมที่หนักหน่วงเช่นการโต้คลื่น
หลังจากนั้นผมใช้เวลา 2 ปี ตระเวนไปตามงานแสดงกล้องทั่วโลก เพื่อมองหากล้องรุ่นที่ใกล้เคียงกับที่ผมอยากจะออกแบบ และผมก็เจอมันในอีกปีต่อมา จากนั้นก็ได้บริษัทผู้ผลิตที่ตกลงจะดัดแปลงและเริ่มผลิตกล้องให้ผม ผมตกลงกับข้อเสนอโดยที่ยังไม่ได้เห็นบริษัทที่ติดต่อกันจริงๆ เราติดต่อกันผ่านอีเมล์อย่างเดียว มีโทรศัพท์หากันแค่ครั้งเดียวซึ่งก็คุยกันไม่ค่อยเข้าใจเพราะอุปสรรคทางด้านภาษา (บริษัทอยู่ในประเทศจีน)
ผมโอนเงิน 5,000 ดอลล่าร์เป็นเงินค่าอุปกรณ์ แม่พิมพ์ ต่างๆ เพราะมันราคาถูกจริงๆ แค่ส่งเงินไป 5,000 ดอลล่าร์และบินไปที่นั่น พบกับบริษัทผู้ผลิต เหมือนกับการเดินทางสำหรับธุรกิจ และผมก็คิดได้ว่า เอาว่ะ ลุยเลยดีกว่า สุดท้ายเราก็จดให้ทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เราได้กำไรตั้งแต่วันแรก เพราะตอนนั้นมีแค่ผมคนเดียว ไม่มีค่าใช้จ่ายที่ต้องดำเนินการทางธุรกิจ (Overhead) และ GoPro ที่ทุกคนรู้จักในวันนี้ใช้เงินลงทุนไป 265,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
Ryan: และคุณเพิ่งได้ประกาศว่าได้รับงบสนับสนุนจาก Foxconn (ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดในโลก โรงงานผลิต iPhone iPad ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้)
Nicholas: Foxconn ได้เข้าซื้อหุ้นไปเกือบ 9 เปอร์เซนต์ของบริษัทมูลค่าหลายร้อยล้านดอลล่าร์สหรัฐ เวลาได้นึกย้อนกลับไปถึงจุดที่เราเริ่มต้นด้วยกล้องติดข้อมือสำหรับนักโต้คลื่นราคา 3 ดอลล่าร์ จนถึงตอนนี้ด้วยกล้อง GoPro Hero 3 และอนาคตที่มีกับ Foxconn น้น มันน่าตื่นเต้นมากจริงๆ
มันคืออุปกรณ์บันทึกเรื่องราวของชีวิต เราใช้มันเวลาเล่นสกี ติดบนอก บนหมวกหรือแม้กระทั่งกระดานสกี มันคือกล้องตัวเดียวกับที่หมอผ่าตัดติดบนหัวเวลารักษาคนไข้ สำหรับบันทึกขั้นตอนการผ่าตัด เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักศึกษาทั่วโลก มันคือกล้องตัวเดียวกับที่ Discovery Channel ใช้ในรายการเพื่อมุมมองที่หลากหลาย มีการใช้กล้องนี้อย่างแพร่หลายทางการทหารสำหรับบันทึกการสู้รบรวมถึงการฝึกอบรมต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นอุปกรณ์ที่ขายดิบขายดีในร้านขายอุปกรณ์สกีและกระดานโต้คลื่น นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในสิ่งที่ผู้บริโภคกำลังมองหา ในฐานะอุปกรณ์ที่ช่วยบันทึกเรื่องราวของเขา… และพวกเขาก็กำลังมองหากล้องจิ๋วแต่แจ๋วตัวนี้
** http://www.thetouristdiary.com/top-stories/casestudy-gopro Link บทความ
** https://www.facebook.com/thetouristdiary เพจของผมเอง ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ