ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเยือน "สังขละบุรี" แบบไม่ตั้งใจ เนื่องจากไปแบบไม่ตั้งใจ เราจึงหาที่พักได้ยากมาก ขอเติม ก.ไก่ ไว้ข้างหลังสักสิบตัว โทร.ไปที่ไหนก็เต็ม วินาทีนั้น อย่าเรียกว่ามืดแปดด้านเลย มืดสามสิบแปดด้านคงจะเหมาะกว่า ยิ่งใกล้ค่ำ ยิ่งกังวล จะอะไรล่ะคะ ก็ผู้หญิงคนเดียว 1 ตัว เอ้ยย ตัวคนเดียว1คน แถมพกความสวยกับน้ำหนักตัวไปมากมายขนาดนั้น คงต้องกังวลเป็นธรรมดาจริงไหมคะ
เรื่องมันมีอยู่ว่า....
ความจริงก่อนหน้านี้เพื่อนเราก็แนะนำให้จองที่พักก่อน แต่เราชะล่าใจ อยากเดินทางแบบพวกฝรั่งมังค่า แบกเป้ใหญ่เท่าตึกไว้ที่หลัง (ไม่เคยรู้หรอกนะ ว่าเค้าขนอะไรกันมาบ้าง) ของเราก็ใหญ่นะ แต่หาได้มีของจำเป็นไม่ ตามประสาคนไม่เคยออกเที่ยวก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ
เริ่มต้นจากจุดศูนย์กลางของเมืองหลวง (ใช่หรือเปล่าไม่รู้ แต่เราขอมโนว่ามันใช่ละกัน) นั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในราคา120บาท มีเพื่อนร่วมเดินทางเต็มคันเลย 2 ชม. กว่าๆ เราก็ถึงที่หมายแรก คือ บขส. กาญจนบุรี
พักเหยียดแข้งเหยียดขาสักนิด ก็เริ่มเดินทางต่อ ถามคุณลุงคิวรถตู้ ได้ความว่า มีรถตู้จากบขส. ไปสังขละบุรีนะเออ เค้าชี้ไปทางห้องแถวที่อยู่ใกล้ๆ บขส. เราดีใจจนลืมดูเลย ว่ามันเป็นร้านค้าหรืออะไร ไม่นานนัก เราก็ได้เพื่อนร่วมทางไปสังขละบุรี อีก15คน กับเวลา 3ชม. ในราคา175บาท เลี้ยวโค้งขึ้นเนิน ตื่นแล้วหลับ หลับแล้วตื่นมาชมธรรมชาติข้างทาง ในที่สุดเราก็มาถึงแล้ววววว "สังขละบุรี"
ทีนี้ล่ะ ปัญหาที่เราทำเป็นลืมตั้งแต่แรก ที่พักไงคะ เสิร์ชหาที่พักจากอากู๋ โทร.ไปตามเบอร์ ปรากฎว่า เต็มและเต็มค่ะ (ใจคอไม่คิดจะเหลือที่พักให้เราบ้างเหรอคะ แอบน้ำตาตกใน)
โทรไปหาเพื่อน เพื่อนบอกเดี๋ยวจะดูให้ แต่ก็โดนสวดบริกรรมคาถาชุดใหญ่ แล้วเพื่อนก็ส่งโพยมาให้ดู
เราก็โทรไปเลยค่าาา ใกล้ค่ำแล้ว นอนเต็นท์ก็เอา(วะ) คนรับเป็นผู้หญิง สำเนียงกาญจนบุรีแจ่มแจ๋ว เค้าบอกว่าที่พักอยู่แถวๆวัดอะไรสักอย่าง แต่ถ้าไปไม่ถูก จะเอารถเครื่องไปรับ
คือดี..มีรถเครื่องมารับด้วย ในใจตอนนั้นไม่ทันได้คิดว่ารถเครื่องรถอะไร สุดท้ายถึงบางอ้อ..รถเครื่อง ก็คือ แมงกะไซค์ นั่นเอง
เค้าก็ขับพาเราจากท่ารถตู้ มาเรื่อยๆ จนถึงวัด เลยมา 500 ม. เห็นจะได้ ก็เป็นทางเข้าบ้าน แอบกลัวเล็กน้อยถึงปานกลาง
อันนี้บ้าน..เราถ่ายไว้ตอนก่อนกลับ
แต่ไม่ได้พักที่นี่นะ เต็นท์ที่ว่า อยู่ในบริเวณบ้านต่างหากเล่า เลือกจับจองพื้นที่ได้ตามสบาย ใครขับรถมาก็มีพื้นที่ให้จอดรถด้วย
บรรยากาศในคืนนั้นค่ะ แสงไฟสลัวๆ ลมพัดอ่อนๆ นี่ถ้ามีคนรู้ใจมาด้วยคงดีไม่น้อย (แต่น่าเสียดาย ที่ยังไม่มีใครมาพาเราลงจากคานเสริมใยเหล็กน่ะสิ)
ลืมบอกเค้าให้เช่าเต็นท์ 300บ. นอนได้2คน หรือถ้าใครพกเต็นท์มาเอง เค้าก็ลดราคาให้ค่ะ มีบริการกางเต็นท์ให้เรียบร้อย ตอนแรกคิดว่าผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเราจะต้องมากางเต็นท์ นอนกลางดินกินกลางทรายอยู่แล้วเชียว
สรุปเราก็ได้ไปเดินเที่ยวสะพานไม้ สมใจสักที แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมดันงอแง เลยไม่มีภาพมายืนยัน ได้แต่เก็บความทรงจำไว้ในใจ ใครที่เคยมาเที่ยวแล้ว คงตอบได้เป็นอย่างดี ว่า สังขละบุรี สะพานไม้ สะพานมอญ ที่เพิ่งสร้างเสร็จมันน่าหลงใหลแค่ไหน
กลับมาก็ไปอาบน้ำ ในแบบห้องน้ำรวม แต่ดีตรงที่มีบริการเครื่องทำน้ำอุ่นนนี้แล
คืนนั้นหลับสบาย ไปพร้อมเสียงหรีดหริ่งเรไร ที่ขับกล่อม
พัก ณ สังขละบุรี
เรื่องมันมีอยู่ว่า....
ความจริงก่อนหน้านี้เพื่อนเราก็แนะนำให้จองที่พักก่อน แต่เราชะล่าใจ อยากเดินทางแบบพวกฝรั่งมังค่า แบกเป้ใหญ่เท่าตึกไว้ที่หลัง (ไม่เคยรู้หรอกนะ ว่าเค้าขนอะไรกันมาบ้าง) ของเราก็ใหญ่นะ แต่หาได้มีของจำเป็นไม่ ตามประสาคนไม่เคยออกเที่ยวก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ
เริ่มต้นจากจุดศูนย์กลางของเมืองหลวง (ใช่หรือเปล่าไม่รู้ แต่เราขอมโนว่ามันใช่ละกัน) นั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในราคา120บาท มีเพื่อนร่วมเดินทางเต็มคันเลย 2 ชม. กว่าๆ เราก็ถึงที่หมายแรก คือ บขส. กาญจนบุรี
พักเหยียดแข้งเหยียดขาสักนิด ก็เริ่มเดินทางต่อ ถามคุณลุงคิวรถตู้ ได้ความว่า มีรถตู้จากบขส. ไปสังขละบุรีนะเออ เค้าชี้ไปทางห้องแถวที่อยู่ใกล้ๆ บขส. เราดีใจจนลืมดูเลย ว่ามันเป็นร้านค้าหรืออะไร ไม่นานนัก เราก็ได้เพื่อนร่วมทางไปสังขละบุรี อีก15คน กับเวลา 3ชม. ในราคา175บาท เลี้ยวโค้งขึ้นเนิน ตื่นแล้วหลับ หลับแล้วตื่นมาชมธรรมชาติข้างทาง ในที่สุดเราก็มาถึงแล้ววววว "สังขละบุรี"
ทีนี้ล่ะ ปัญหาที่เราทำเป็นลืมตั้งแต่แรก ที่พักไงคะ เสิร์ชหาที่พักจากอากู๋ โทร.ไปตามเบอร์ ปรากฎว่า เต็มและเต็มค่ะ (ใจคอไม่คิดจะเหลือที่พักให้เราบ้างเหรอคะ แอบน้ำตาตกใน)
โทรไปหาเพื่อน เพื่อนบอกเดี๋ยวจะดูให้ แต่ก็โดนสวดบริกรรมคาถาชุดใหญ่ แล้วเพื่อนก็ส่งโพยมาให้ดู
เราก็โทรไปเลยค่าาา ใกล้ค่ำแล้ว นอนเต็นท์ก็เอา(วะ) คนรับเป็นผู้หญิง สำเนียงกาญจนบุรีแจ่มแจ๋ว เค้าบอกว่าที่พักอยู่แถวๆวัดอะไรสักอย่าง แต่ถ้าไปไม่ถูก จะเอารถเครื่องไปรับ
คือดี..มีรถเครื่องมารับด้วย ในใจตอนนั้นไม่ทันได้คิดว่ารถเครื่องรถอะไร สุดท้ายถึงบางอ้อ..รถเครื่อง ก็คือ แมงกะไซค์ นั่นเอง
เค้าก็ขับพาเราจากท่ารถตู้ มาเรื่อยๆ จนถึงวัด เลยมา 500 ม. เห็นจะได้ ก็เป็นทางเข้าบ้าน แอบกลัวเล็กน้อยถึงปานกลาง
อันนี้บ้าน..เราถ่ายไว้ตอนก่อนกลับ
แต่ไม่ได้พักที่นี่นะ เต็นท์ที่ว่า อยู่ในบริเวณบ้านต่างหากเล่า เลือกจับจองพื้นที่ได้ตามสบาย ใครขับรถมาก็มีพื้นที่ให้จอดรถด้วย
บรรยากาศในคืนนั้นค่ะ แสงไฟสลัวๆ ลมพัดอ่อนๆ นี่ถ้ามีคนรู้ใจมาด้วยคงดีไม่น้อย (แต่น่าเสียดาย ที่ยังไม่มีใครมาพาเราลงจากคานเสริมใยเหล็กน่ะสิ)
ลืมบอกเค้าให้เช่าเต็นท์ 300บ. นอนได้2คน หรือถ้าใครพกเต็นท์มาเอง เค้าก็ลดราคาให้ค่ะ มีบริการกางเต็นท์ให้เรียบร้อย ตอนแรกคิดว่าผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเราจะต้องมากางเต็นท์ นอนกลางดินกินกลางทรายอยู่แล้วเชียว
สรุปเราก็ได้ไปเดินเที่ยวสะพานไม้ สมใจสักที แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมดันงอแง เลยไม่มีภาพมายืนยัน ได้แต่เก็บความทรงจำไว้ในใจ ใครที่เคยมาเที่ยวแล้ว คงตอบได้เป็นอย่างดี ว่า สังขละบุรี สะพานไม้ สะพานมอญ ที่เพิ่งสร้างเสร็จมันน่าหลงใหลแค่ไหน
กลับมาก็ไปอาบน้ำ ในแบบห้องน้ำรวม แต่ดีตรงที่มีบริการเครื่องทำน้ำอุ่นนนี้แล
คืนนั้นหลับสบาย ไปพร้อมเสียงหรีดหริ่งเรไร ที่ขับกล่อม