ประวัติเรือแป๊ะ

กระทู้สนทนา
วันก่อนคุยถึงเรื่องเรือแป๊ะ ที่อาก๋งผม พายอยู่แถว ท่าน้ำราชวงศ์ เมื่อกว่า ร้อยปีมาแล้ว
อาก๋งเล่าให้ฟังว่า ตัวแกจะ นอนในเรือที่ท่าน้ำระหว่างรอผู้โดยสาร ผู้โดยสารส่วนใหญ่
จะกลับจากโรงยาฝี่นแถว ๆ เยาวราช หรือไม่ก็ไกลถึง โอเดี่ยน คนที่อยู่ฝั่งธน ก็จะนั่งรถเจ็ก
มาลงเรือที่ท่าน้ำราชวงศ์

เรือแป๊ะที่ว่า เป็นเรือแจว มีหลักแจวด้านหลัง ตรงกลางมีประทุน ตรงหัวเรือ ถ้าตอนกลางคืน
นี่มีตะเกียงรั้ว แขวนอยู่กับหลัก บางคนถ้าตุ้นหน้าคุ้นตา ไม่ต้องบอกที่หมาย แป๊ะ ก็แจวไปส่งถูกที่
แต่บางคนหน้าใหม่ แป๊ะไม่รู้จัก ต้องบอกกล่าวกันก่อน ไม่ใช่ลงมาปั้ป หลับเลยไม่ได้ อาก๋งบอก บางทีต้องรอให้
ผู้โดยสารตื่นถึงจะถามที่หมาย ไม่ใช่พายมั่ว ๆ

เรื่องเรือแป๊ะนี่ผมถามอาก๋งบ่อย ๆ ทำไมเรียกชื่อต่างกับรถเจ็ก เพราะคนลากรถเจ็ก กับแจวเรือแป๊ะ นี่
คนจีนโพ้นทะเลทั้งนั้น ( คนอ่านคงสงสัยว่า ครจีนโพ้นทะเลนี่มันยังไง โดยมากคนจีนจะหนีความอดอยากจากจีน
นั่งเรือสำเภามา เรียกว่าหอบเสื่อผืนหมอนใบ จากดินแดนจีน ที่ไกลจากเมืองไทยมาก ไอ้ไกล ๆ เดินมาทางบกไม่ได้
ต้องมาทางทะเลเท่านั้น เขาเลยเรียกคนจีนเหล่านี้ว่า คนจีนโพ้นทะเลโพ้นทะเล )
น่าจะเรียกว่า เรือเจ็ก หรือรถแป๊ะ ให้เหมือนกัน  แกอธิบายว่า ถ้าเป็น คนจีนลากรถเจ็ก นี่โดยมากหนุ่ม ๆ
อายุไม่ถึง 20 แต่คนแจวเรือแปีะ นี่ กว่า 30 ขึ้นไป แล้วคนจีน ถ้า 30 จะไว้เครากันยาวนิด ๆ เพื่อความ
มีสง่าราษี แล้วคนพายเรือ ก็กว่า 30 ทั้งนั้นคำเรียกคนปูนนี้ว่า แป๊ะ เขาเลยเรียกคนแจวเรือนี้ว่าเรือแป๊ะ
อธิบายซะเหนื่อยพักแป๊ป

ผมฟังแล้วก็ถึงบางอ้อ ไม่เลยไปพระรามหกอีก ทั้งรถเจ็กและเรือแป๊ะ มาเลิกเอา ตอนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
เกือบเลิกแล้ว เพราะผู้คนอพยพ จากกรุงเทพ ไปหมด ก็ ไอ้กันที้งระเบิดทุกวัน โรงไฟฟ้าวัดเลียบ สะพานพระรามหก
เรียบร้อย แถม ด้วยหัวลำโพงบางส่วน  ช่วงนั้น อาก๋งเลยอพยพ ไปจันทบูรณ์ ถามคนเก่า ๆแล้วสนุกครับ

มันขัดกันตรงที่เรือแป๊ะสมัยปัจจุบันที่ เอามาเล่ากันว่าลงเรือแป๊ะ ต้องตามใจแป๊ะ น่าจะเป็นคำล้อกันเล่น ๆของ
คุณวิษณุ เพราะในที่สุด แป๊ะ ก็ ต้องตามใจคนนั่งอีกเหมือนกัน หรือว่าไงครับ คุณวิษณุ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่