โอ้ละหนอเสือเอยเคยวิ่งสู้ คำรามเสียงก้องกู่ทั่วไพรสัณฑ์
เจ้าแห่งป่าเจ้าแห่งไพรบรรลัยกัลป์ อิสระอยู่คู่มันเสมอมา
มาถึงวันเจ้าป่าต้องหดหู่ ช่างอดสูโดนจับขังในกรงหนา
คำรามเสียงร้องดิ้นจนตัวชา ตะกุยขาปากกัดหวังพังกรง
เวลาผ่านเสียงคำรามก็เริ่มแผ่ว เสียงเริ่มแว่ว ๆ จากคำรามครางดังหมา
แรงกำลังที่ตะกุยคุ้ยกรงมา เริ่มเฉยชาปล่อยวางตามเวรกรรม
สัญชาติจิตวิญญาณความเป็นเสือ ดูไม่เหลือเลือนรางคล้ายความฝัน
หลับตาลงครั้งใดใจรำพัน ครั้งหนึ่งนั้นเคยเป็นเสือไม่ลืมเลือน
อยู่มาวันกรงขังก็พลันเปิด จิตเตลิดเพราะเคยชินในกรงหนา
มองดูเสือตัวอื่นกลิ้งไปมา และไม่มีที่ท่าออกจากกรง
เสือตัดใจเดินจากกรงด้วยความกล้า เดินออกมากลับสู่ป่าด้วยความหวัง
เป็นอย่างเดิมร้องคำรามกลางไพรวัลย์ เป็นผู้นำแข็งแกร่งเหมือนดั่งเคย
อนิจจาเมื่อถึงป่าก็กำเริบ ความกลัวเกิดเพราะถูกขับนานหนักหนา
มองเขี้ยวเล็บและหน้าหนวดสุดชรา อายุมากขึ้นมาเป็นเท่าตัว
จะจับกวางจับเก้งก็สะดุ้ง ลงน้ำมุ่งจับปลาตามสังขาร
แต่ดันโดนหมาในแย่งปลามา ลืมไปว่าตัวเองคือเสือไพร
วิ่งหนีหมาจนเข้ามาในป่าลึก ก็รู้สึกสังเวชตนปนสงสัย
แต่เหนื่อยล้าเกินกว่าจะคิดไกล ล้มตัวนอนลงไปใกล้ธารา
พระธุดงค์องค์หนึ่งเห็นเสือเหนื่อย จึงเอื้อเอ่ยวาจาด้วยสงสาร
เห็นวิ่งหนีอะไรมาซี่โครงบาน จึงได้วางอาหารไว้ใกล้ ๆ มัน
เสือหายเหนื่อยกินอาหารด้วยความหิว หายท้องกิ่วแล้วจึงมีปุจฉาถาม
พระธุดงค์ท่านนี้ช่วยทำทาน ตอบคำถามข้าคือเสือหรืออย่างไร
บรรพชิตลุกขึ้นยืนริมน้ำ แล้วเรียกขานเสือมายืนใกล้
ท่านจงส่องดูเงาในน้ำไป ท่านเห็นใครในน้ำวานบอกที
เสือดูเงาในน้ำน้ำตาไหล พลันหัวใจความเป็นเสือ กลับมาหา
พระธุดงค์ท่านนี้มีเมตตา เปล่งวาจาเทศนาให้เสือฟัง
การกักขังอื่นใดในโลกนี้ ไม่ได้มีฤทธีที่หนักหนา
เท่ากับตัวของเรานั่งเองพา- ให้ตัวเองไม่สามารถไปไหนไกล
ตีกรอบล้อมตัวเองด้วยกิเลส น่าสังเวชขังตัวเองด้วยกรงหนา
สร้างกำแพงปิดล้อมไม่นำพา สร้างอัตตาที่ไร้ค่าปิดบังตน
จงปล่อยวางความรู้สึกที่นึกผิด ทุกชีวิตปลดปลงวางลงหนา
ไม่มีใครไม่เคยทำผิดา ให้อภัยตัวเองพาเดินหน้าไป
แล้วปล่อยวางตัวเองให้ว่างจิต ความรู้สึกนึกคิดต้องแก้ไข
จงเอามันมาเป็นบทเรียนที่สอนใจ และจำไว้อย่าผิดพลาดซ้ำรอยเดิม
ขอสรุปเรื่องราวลงที่ตรงนี้ ให้กับทุกคนที่หมกมุ่นกับปัญหา
ขอให้ใช้สติและปัญญา ลองถอยห่างจากมันมาไม่หมองใจ
ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น ในตอนแรกอาจขมขื่นน่าสงสัย
ใครวางได้ปล่อยก่อนผ่องอำไพ เลิกแบกทุกข์แบกอะไรไว้กับตัว
รบกวนพี่ ๆ น้อง ๆ ในห้องแต่งกลอนวิจารณ์กลอนบทนี้ด้วยนะคะ เพื่อนแต่งแล้วฝากให้ลงที่ห้องนี้ค่ะ
ปล. ส่วนตัวคิดว่า "หนา" จะเยอะไปไหน = ="
กรงขัง
เจ้าแห่งป่าเจ้าแห่งไพรบรรลัยกัลป์ อิสระอยู่คู่มันเสมอมา
มาถึงวันเจ้าป่าต้องหดหู่ ช่างอดสูโดนจับขังในกรงหนา
คำรามเสียงร้องดิ้นจนตัวชา ตะกุยขาปากกัดหวังพังกรง
เวลาผ่านเสียงคำรามก็เริ่มแผ่ว เสียงเริ่มแว่ว ๆ จากคำรามครางดังหมา
แรงกำลังที่ตะกุยคุ้ยกรงมา เริ่มเฉยชาปล่อยวางตามเวรกรรม
สัญชาติจิตวิญญาณความเป็นเสือ ดูไม่เหลือเลือนรางคล้ายความฝัน
หลับตาลงครั้งใดใจรำพัน ครั้งหนึ่งนั้นเคยเป็นเสือไม่ลืมเลือน
อยู่มาวันกรงขังก็พลันเปิด จิตเตลิดเพราะเคยชินในกรงหนา
มองดูเสือตัวอื่นกลิ้งไปมา และไม่มีที่ท่าออกจากกรง
เสือตัดใจเดินจากกรงด้วยความกล้า เดินออกมากลับสู่ป่าด้วยความหวัง
เป็นอย่างเดิมร้องคำรามกลางไพรวัลย์ เป็นผู้นำแข็งแกร่งเหมือนดั่งเคย
อนิจจาเมื่อถึงป่าก็กำเริบ ความกลัวเกิดเพราะถูกขับนานหนักหนา
มองเขี้ยวเล็บและหน้าหนวดสุดชรา อายุมากขึ้นมาเป็นเท่าตัว
จะจับกวางจับเก้งก็สะดุ้ง ลงน้ำมุ่งจับปลาตามสังขาร
แต่ดันโดนหมาในแย่งปลามา ลืมไปว่าตัวเองคือเสือไพร
วิ่งหนีหมาจนเข้ามาในป่าลึก ก็รู้สึกสังเวชตนปนสงสัย
แต่เหนื่อยล้าเกินกว่าจะคิดไกล ล้มตัวนอนลงไปใกล้ธารา
พระธุดงค์องค์หนึ่งเห็นเสือเหนื่อย จึงเอื้อเอ่ยวาจาด้วยสงสาร
เห็นวิ่งหนีอะไรมาซี่โครงบาน จึงได้วางอาหารไว้ใกล้ ๆ มัน
เสือหายเหนื่อยกินอาหารด้วยความหิว หายท้องกิ่วแล้วจึงมีปุจฉาถาม
พระธุดงค์ท่านนี้ช่วยทำทาน ตอบคำถามข้าคือเสือหรืออย่างไร
บรรพชิตลุกขึ้นยืนริมน้ำ แล้วเรียกขานเสือมายืนใกล้
ท่านจงส่องดูเงาในน้ำไป ท่านเห็นใครในน้ำวานบอกที
เสือดูเงาในน้ำน้ำตาไหล พลันหัวใจความเป็นเสือ กลับมาหา
พระธุดงค์ท่านนี้มีเมตตา เปล่งวาจาเทศนาให้เสือฟัง
การกักขังอื่นใดในโลกนี้ ไม่ได้มีฤทธีที่หนักหนา
เท่ากับตัวของเรานั่งเองพา- ให้ตัวเองไม่สามารถไปไหนไกล
ตีกรอบล้อมตัวเองด้วยกิเลส น่าสังเวชขังตัวเองด้วยกรงหนา
สร้างกำแพงปิดล้อมไม่นำพา สร้างอัตตาที่ไร้ค่าปิดบังตน
จงปล่อยวางความรู้สึกที่นึกผิด ทุกชีวิตปลดปลงวางลงหนา
ไม่มีใครไม่เคยทำผิดา ให้อภัยตัวเองพาเดินหน้าไป
แล้วปล่อยวางตัวเองให้ว่างจิต ความรู้สึกนึกคิดต้องแก้ไข
จงเอามันมาเป็นบทเรียนที่สอนใจ และจำไว้อย่าผิดพลาดซ้ำรอยเดิม
ขอสรุปเรื่องราวลงที่ตรงนี้ ให้กับทุกคนที่หมกมุ่นกับปัญหา
ขอให้ใช้สติและปัญญา ลองถอยห่างจากมันมาไม่หมองใจ
ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น ในตอนแรกอาจขมขื่นน่าสงสัย
ใครวางได้ปล่อยก่อนผ่องอำไพ เลิกแบกทุกข์แบกอะไรไว้กับตัว
รบกวนพี่ ๆ น้อง ๆ ในห้องแต่งกลอนวิจารณ์กลอนบทนี้ด้วยนะคะ เพื่อนแต่งแล้วฝากให้ลงที่ห้องนี้ค่ะ
ปล. ส่วนตัวคิดว่า "หนา" จะเยอะไปไหน = ="