แก้ไข
เพิ่มรูปภาพเมื่อ 20150107 10:50 am
ผมไม่ได้ตั้งชื่อกระทู้ว่า "รีวิว..." นะครับ คงเล่าเรื่องไปเรื่อยๆมากกว่า
_________________________________________________________________________________________________
ผมใช้บริการรถประจำทางเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยขึ้นรถ VIP ของสมบัติทัวร์ตั้งแต่ทุ่มครึ่งถึง บขส.สุราษฎร์ธานีประมาณ 6 โมงเช้า โดยจอดพักครึ่งทางที่ประจวบฯ
ไกด์ไปรับที่ บขส.แล้วพามาแวะซื้อของที่ปั๊มน้ำมันตลาดบ้านตาขุนทางเข้าหน้าเขื่อน คุณใหม่ไกด์ของเราบอกว่าเข้าไปข้างในแพของราคาแพง ถ้าจะกินอะไรให้ซื้อเข้าไปจากที่นี่เลย (ขวามือในภาพเป็นตู้ ATM กสิกรไทยนะ กรณีใครมีเงินให้กด)
มาอีกนิดหนึ่งก็เป็นตลาด แวะทานโจ๊กมื้อเช้าที่นี่
คุณใหม่พามาเที่ยวสะพานแขวนใต้เขื่อนโดยบอกว่าเป็นโปรโมชั่น ที่จริงคือลูกทัวร์ที่พักแพที่เราจองยังไม่เช็คเอ้าท์ ดีครับไหนๆก็มาแล้วไปกันให้ได้เยอะที่สุด
ช่วงนี้มีน้ำแค่นี้แหละครับ
ออกจากสะพานมาก็มาเขื่อนเลยครับ นี่ยืนบนสันเขื่อนเอารถวิ่งบนสันเขื่อนไม่ได้เจ้าหน้าขึ้นป้ายไว้
ขึ้นมาดูมุมสูงถ่วงเวลารอไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ถ้าใครจะสั่งเสียลูกเมียก็ใช้เวลานี้แหละครับ เข้าไปในเขื่อนแล้วจะไม่มีคลื่นโทรศัพท์ใช้
แวะซื้อเบียร์ครับอาหารหลักที่ใช้ดำรงชีวิตบนแพ
คุณอ้อม transporter เดินไปต่อรองกล่องโฟมร้านแถวนั้นให้ราคา 60 บาท ผมบอกไม่เอาดีกว่าไม่ได้ใช้ขนาดนั้น เพื่อความสุขของลูกค้าคุณอ้อมบอกเดี๋ยวออกกันคนละครึ่งเอาไปใช้ก่อน กลับขึ้นมาแล้วค่อยเอามาคืน ยอมรับในน้ำใจครับ ผมเลยได้เบียร์กระป๋องเต็มกล่องโฟม
ท่าเรือแห่งเดียวของเขื่อนนี้
คุณแนนเจ้าของทัวร์กับทีมงานมาส่งลงเรือโบกมือไวๆไกลๆโน่น
จะเห็นเรือเข้าออกสวนทางกันตลอดเส้นทางที่เดินทาง อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้คนมาเที่ยวเยอะ
ใครสูงได้อยู่ต่อ ภูเขาสูงกลายร่างเป็นแค่เกาะกลางแม่น้ำหลังจากที่มีการสร้างเขื่อน
อยู่ได้อยู่ไป อยู่ไม่ได้ก็ยืนต้นตาย แต่มนุษย์ต้องมีไฟฟ้าใช้ ผมนั่งนึกดูสภาพป่าก่อนมีการสร้างเขื่อนเปรียบเทียบกับสภาพที่เห็นแม้มันจะสวยงามแต่รู้สึกหดหู่นะ (โลกสวยแป๊บ)
หลุดเข้าในเขื่อนจนกระทั่งคลื่นโทรศัพท์ไม่มี แต่เกาะลูกนี้มีเสาของ AIS ใครใช้ AIS คุณได้ไปต่อ
คุณแนนเจ้าของทัวร์จัดให้ผมอยู่แพสายชลเพราะผมอยากได้ความเป็นส่วนตัวหน่อยขอห้องที่มีห้องน้ำในตัวบรรยากาศหน้าห้อง(แพ) ข้างหน้าโน้นจะเป็นโซนห้องน้ำรวม
ตรงนี้เป็นห้องโถงสำหรับจัดเซิ้งกรณีมีคณะหมอลำซิ่งมาแสดง ข้างหลังเป็นห้องน้ำด้วย
หน้าห้องครับ
อันนี้ Interior พึ่งมาถึงของยังกระจัดกระจาย
นั่งกินเบียร์ในห้องวันฝนตก
ขี้กลางแสงเทียนกันเลย บรรยากาศใช้ได้กลิ่นโอเคของใครของมัน
ก่อนฝนตก (ตกแล้วไกลๆโน่น)
ฝนตกแล้วยังเล่นน้ำกันได้
หลังฝนตก มีหมอกตามภูเขาแบบที่เห็น
ฟ้าหลังฝน
อันนี้ปลูกอยู่หน้าแพ คุณเหม็งไกด์ของเราภูมใจนำเสนอมาก ว่านี่ปลูกบนรากต้นตะเคียนส่วนตัวท่อนวางพาดมาตรงที่ยืนอยู่ยาวไปจนสุดแพ ถ้าเจ้าแม่ไม่ได้อยู่ในเขื่อนผมว่าเจ้าแม่คงกลายเป็นความหวังของประชาชนชาว 1-16 ไปแล้ว
ทานมื้อเที่ยงแล้วเข้าโปรแกรมแรกกันเลย ข้ามเขาไปทะเล 500 ไร่ เหนื่อยครับเดินทางมาทั้งคืนยังไม่ได้พักเลย
ทะเล 500 ไร่(ไม่เกี่ยวกับแพ 500 ไร่)เป็นอ่างเก็บน้ำกลางภูเขา ที่ระบายน้ำออกไปที่คลองแสงไกด์บอกว่าที่นี่น้ำเริ่มเสียจากการทับถมของใบไม้และสาเหตุหลักคือไม่ได้ระบายน้ำออกเพราะระดับน้ำข้างนอกที่สูงขึ้น ที่นี่ยังมีทะเล 400 ไร่ที่เป็นอ่างเก็บน้ำคล้ายๆกันแต่เล็กกว่าและเดินเท้าเข้าไปไม่ได้เพราะรอบข้างเป็นหน้าผา
ผมต้องนั่งแพนี้เข้าไปที่ถ้ำปะการังภายในทะเล 500 ไร่
ในทะเล 500 ไร่จะมีเจ้าหน้าที่อาศัยอยู่ไว้ดูแลส่วนของที่นี่ ดูในแพมีทั้งเด็ทั้งผู้หญิง คาดว่าจะมาปั๊มกันที่นี่เลยอากาศมันเป็นใจ
ผมยื่นขามาให้เปรียบเทียบท่อนซุงที่นี่ ไม่ได้ทึ่งในความใหญ่โตแต่รู้สึกเสียดาย
ต้นไม้ลอยน้ำปลูกกันบนน้ำกันเลย
โปรแกรมดูถ้ำปะการังในทะเล 500 ไร่ครับ ลักษณะของหินงอกหินย้อยที่นี่เหมือนปะการังนั่นแหละเรียกง่ายๆ เสร็จจากนี่ก็กลับแพครับ พักผ่อนก่อน
รอมื้อเย็นครับ เล่นน้ำรอก่อน
อาหารทุกมื้อจะอลังการประมาณนี้ครับ ทานกัน 2 คน ต้องทานให้หมดครับคนทำอุตส่าขนมาทำให้กินกันกลางน้ำขนาดนี้จะกินทิ้งกินขว้างไม่ได้ คืนนี้แรกของที่นี่จบกันที่มื้อเย็นครับ
อากาศเย็นๆกับกาแฟตอนเช้า บางทัวร์ก็มีโปรแกรมออกไปดูสัตว์ใกล้ๆแพ จะเป็นลิง, นกเงือก ที่ออกมาหากิน หรือบางทัวร์ก็ออกเรือไปดูอาทิตย์ขึ้นที่เขาสามเกลอ หรือจุดชมวิวอื่นๆ ส่วนผมยังไม่สร่าง
แต่ไกด์ก็ลากมาดูอยู่ครับ ค่อยๆล่องเรือไปด้วยก็เห็นสัตว์เล็กๆน้อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นลิงออกมาหากิน
กลับมาจากดูสัตว์แล้วยังทันมื้อเช้า วันนี้มีโปรแกรมทัวร์ใหญ่ๆ 2 ที่วันนี้มื้อเที่ยงไม่ได้ทานที่แพต้องห่อข้าวกล่องไปกินบนเรือเพื่อจะได้ไม่เสียเวลาวนเรือกลับมา
ก่อนเริ่มโปรแกรมทัวร์ที่ 2 แวะแพนางไพรดูปลาให้อาหารปลา ไกด์เหม็งบอกว่าปลาที่นี่เป็นปลาตามธรรมชาติมันเคยได้กินที่นี่มันก็มาปักหลักอยู่ที่เลย กลายเป็นไฮไลท์ของที่นี่ไป ตรงนี้อยู่ไม่ไกลเสา AIS ฉะนั้นใครจะรายการชีวิตก็พักรายงานตัวกันตรงนี้ได้
เขาสามเกลอที่บอกว่าเหมือนกุ้ยหลิน มันก็เหมือนนะครับแต่เล็กและมีน้อยไปหน่อย ผมคิดภาพไว้ก่อนที่จะมาที่นี่ว่ามันต้องตั้งตระหง่านและเป็นแบบที่จีนเลย แต่ก็โอเคครับมันก็แปลกตาพอสมควร ส่วนใหญ่ลูกทัวร์คณะอื่นๆจะใช้เวลาที่นี่มากพอสมควรเพื่อยืนหัวเรือและทำท่าทางต่างๆกันไป สำหรับทัวร์ผม 2 คน ไปก่อนล่ะครับวันนี้มีคิวเต็มวัน
สุสานต้นไม้ ต้นไม้ยืนต้นตายเพราะน้ำท่วมหลังจากมีการสร้างเขื่อน อยู่หน้าถ้ำประกายเพชร
ถ้ำประกายเพชรครับ โปรแกรมหลักที่ 2 ของวันนี้
ถ้ำประกายเพชรจะมีหินที่สะท้อนแสงมีประกาย ทำให้ได้ชื่อถ้ำประกายเพชร ลักษณะหินย้อยที่นี่จะแปลกตาหน่อยจะเป็นหินย้อยเล็กๆคล้ายๆขนหรือรากแก้ว ส่วนพื้นถ้ำจะเปียกชื้นเป็นโคลนและลื่น ทำให้หินงอกที่อยู่ข่างล่างกลายเป็นจุดยึดของคนเดินถ้ำไป ไกด์เลยไม่ค่อยนำเสนอช่วงล่างเท่าไหร่ตามตรงคือมันค่อนข้างเสียความเป็นธรรมชาติไปบ้างแล้ว เพราะคนเข้าไปนี่แหละ
ไกด์เห็นว่าพอไหวเลยพาออกถ้ำอีกทาง ทุลักทุเลหน่อย
ออกจากถ้ำประกายเพชรแล้ว เดินทางเข้าสู่โปรแกรมหลักที่ 3 ทัวร์ถ้ำทะลุ โปรแกรมนี้ผมซื้อเพิ่มในราคาที่ 1,500 เนื่องจากมีเวลาเหลือ ถ้ำนี้ออกไปค่อนข้างไกลหน่อย ตลอดระยะทางก็จะมีต้นไม้ยืนต้นตายแบบนี้ไปตลอดเส้นทาง ไกด์เล่าว่ามีบางทีที่เอาเรือขึ้นไปเกยกับตอไม้จนน้ำเข้าเรือ แต่ด้วยความเป็นไกด์ต้องบอกลูกทัวร์ว่าไม่มีปัญหา ที่จริงก็...
ไฮไลท์ต่อกันข้างล่างนะครับ ข้อความเต็ม
[CR] โม้น้ำลายแตกฟอง ตอน : เขื่อนเชี่ยวหลาน (รัชชประภา)
ผมไม่ได้ตั้งชื่อกระทู้ว่า "รีวิว..." นะครับ คงเล่าเรื่องไปเรื่อยๆมากกว่า
_________________________________________________________________________________________________
ผมใช้บริการรถประจำทางเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยขึ้นรถ VIP ของสมบัติทัวร์ตั้งแต่ทุ่มครึ่งถึง บขส.สุราษฎร์ธานีประมาณ 6 โมงเช้า โดยจอดพักครึ่งทางที่ประจวบฯ
ไกด์ไปรับที่ บขส.แล้วพามาแวะซื้อของที่ปั๊มน้ำมันตลาดบ้านตาขุนทางเข้าหน้าเขื่อน คุณใหม่ไกด์ของเราบอกว่าเข้าไปข้างในแพของราคาแพง ถ้าจะกินอะไรให้ซื้อเข้าไปจากที่นี่เลย (ขวามือในภาพเป็นตู้ ATM กสิกรไทยนะ กรณีใครมีเงินให้กด)
มาอีกนิดหนึ่งก็เป็นตลาด แวะทานโจ๊กมื้อเช้าที่นี่
คุณใหม่พามาเที่ยวสะพานแขวนใต้เขื่อนโดยบอกว่าเป็นโปรโมชั่น ที่จริงคือลูกทัวร์ที่พักแพที่เราจองยังไม่เช็คเอ้าท์ ดีครับไหนๆก็มาแล้วไปกันให้ได้เยอะที่สุด
ช่วงนี้มีน้ำแค่นี้แหละครับ
ออกจากสะพานมาก็มาเขื่อนเลยครับ นี่ยืนบนสันเขื่อนเอารถวิ่งบนสันเขื่อนไม่ได้เจ้าหน้าขึ้นป้ายไว้
ขึ้นมาดูมุมสูงถ่วงเวลารอไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ถ้าใครจะสั่งเสียลูกเมียก็ใช้เวลานี้แหละครับ เข้าไปในเขื่อนแล้วจะไม่มีคลื่นโทรศัพท์ใช้
แวะซื้อเบียร์ครับอาหารหลักที่ใช้ดำรงชีวิตบนแพ
คุณอ้อม transporter เดินไปต่อรองกล่องโฟมร้านแถวนั้นให้ราคา 60 บาท ผมบอกไม่เอาดีกว่าไม่ได้ใช้ขนาดนั้น เพื่อความสุขของลูกค้าคุณอ้อมบอกเดี๋ยวออกกันคนละครึ่งเอาไปใช้ก่อน กลับขึ้นมาแล้วค่อยเอามาคืน ยอมรับในน้ำใจครับ ผมเลยได้เบียร์กระป๋องเต็มกล่องโฟม
ท่าเรือแห่งเดียวของเขื่อนนี้
คุณแนนเจ้าของทัวร์กับทีมงานมาส่งลงเรือโบกมือไวๆไกลๆโน่น
จะเห็นเรือเข้าออกสวนทางกันตลอดเส้นทางที่เดินทาง อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้คนมาเที่ยวเยอะ
ใครสูงได้อยู่ต่อ ภูเขาสูงกลายร่างเป็นแค่เกาะกลางแม่น้ำหลังจากที่มีการสร้างเขื่อน
อยู่ได้อยู่ไป อยู่ไม่ได้ก็ยืนต้นตาย แต่มนุษย์ต้องมีไฟฟ้าใช้ ผมนั่งนึกดูสภาพป่าก่อนมีการสร้างเขื่อนเปรียบเทียบกับสภาพที่เห็นแม้มันจะสวยงามแต่รู้สึกหดหู่นะ (โลกสวยแป๊บ)
หลุดเข้าในเขื่อนจนกระทั่งคลื่นโทรศัพท์ไม่มี แต่เกาะลูกนี้มีเสาของ AIS ใครใช้ AIS คุณได้ไปต่อ
คุณแนนเจ้าของทัวร์จัดให้ผมอยู่แพสายชลเพราะผมอยากได้ความเป็นส่วนตัวหน่อยขอห้องที่มีห้องน้ำในตัวบรรยากาศหน้าห้อง(แพ) ข้างหน้าโน้นจะเป็นโซนห้องน้ำรวม
ตรงนี้เป็นห้องโถงสำหรับจัดเซิ้งกรณีมีคณะหมอลำซิ่งมาแสดง ข้างหลังเป็นห้องน้ำด้วย
หน้าห้องครับ
อันนี้ Interior พึ่งมาถึงของยังกระจัดกระจาย
นั่งกินเบียร์ในห้องวันฝนตก
ขี้กลางแสงเทียนกันเลย บรรยากาศใช้ได้กลิ่นโอเคของใครของมัน
ก่อนฝนตก (ตกแล้วไกลๆโน่น)
ฝนตกแล้วยังเล่นน้ำกันได้
หลังฝนตก มีหมอกตามภูเขาแบบที่เห็น
ฟ้าหลังฝน
อันนี้ปลูกอยู่หน้าแพ คุณเหม็งไกด์ของเราภูมใจนำเสนอมาก ว่านี่ปลูกบนรากต้นตะเคียนส่วนตัวท่อนวางพาดมาตรงที่ยืนอยู่ยาวไปจนสุดแพ ถ้าเจ้าแม่ไม่ได้อยู่ในเขื่อนผมว่าเจ้าแม่คงกลายเป็นความหวังของประชาชนชาว 1-16 ไปแล้ว
ทานมื้อเที่ยงแล้วเข้าโปรแกรมแรกกันเลย ข้ามเขาไปทะเล 500 ไร่ เหนื่อยครับเดินทางมาทั้งคืนยังไม่ได้พักเลย
ทะเล 500 ไร่(ไม่เกี่ยวกับแพ 500 ไร่)เป็นอ่างเก็บน้ำกลางภูเขา ที่ระบายน้ำออกไปที่คลองแสงไกด์บอกว่าที่นี่น้ำเริ่มเสียจากการทับถมของใบไม้และสาเหตุหลักคือไม่ได้ระบายน้ำออกเพราะระดับน้ำข้างนอกที่สูงขึ้น ที่นี่ยังมีทะเล 400 ไร่ที่เป็นอ่างเก็บน้ำคล้ายๆกันแต่เล็กกว่าและเดินเท้าเข้าไปไม่ได้เพราะรอบข้างเป็นหน้าผา
ผมต้องนั่งแพนี้เข้าไปที่ถ้ำปะการังภายในทะเล 500 ไร่
ในทะเล 500 ไร่จะมีเจ้าหน้าที่อาศัยอยู่ไว้ดูแลส่วนของที่นี่ ดูในแพมีทั้งเด็ทั้งผู้หญิง คาดว่าจะมาปั๊มกันที่นี่เลยอากาศมันเป็นใจ
ผมยื่นขามาให้เปรียบเทียบท่อนซุงที่นี่ ไม่ได้ทึ่งในความใหญ่โตแต่รู้สึกเสียดาย
ต้นไม้ลอยน้ำปลูกกันบนน้ำกันเลย
โปรแกรมดูถ้ำปะการังในทะเล 500 ไร่ครับ ลักษณะของหินงอกหินย้อยที่นี่เหมือนปะการังนั่นแหละเรียกง่ายๆ เสร็จจากนี่ก็กลับแพครับ พักผ่อนก่อน
รอมื้อเย็นครับ เล่นน้ำรอก่อน
อาหารทุกมื้อจะอลังการประมาณนี้ครับ ทานกัน 2 คน ต้องทานให้หมดครับคนทำอุตส่าขนมาทำให้กินกันกลางน้ำขนาดนี้จะกินทิ้งกินขว้างไม่ได้ คืนนี้แรกของที่นี่จบกันที่มื้อเย็นครับ
อากาศเย็นๆกับกาแฟตอนเช้า บางทัวร์ก็มีโปรแกรมออกไปดูสัตว์ใกล้ๆแพ จะเป็นลิง, นกเงือก ที่ออกมาหากิน หรือบางทัวร์ก็ออกเรือไปดูอาทิตย์ขึ้นที่เขาสามเกลอ หรือจุดชมวิวอื่นๆ ส่วนผมยังไม่สร่าง
แต่ไกด์ก็ลากมาดูอยู่ครับ ค่อยๆล่องเรือไปด้วยก็เห็นสัตว์เล็กๆน้อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นลิงออกมาหากิน
กลับมาจากดูสัตว์แล้วยังทันมื้อเช้า วันนี้มีโปรแกรมทัวร์ใหญ่ๆ 2 ที่วันนี้มื้อเที่ยงไม่ได้ทานที่แพต้องห่อข้าวกล่องไปกินบนเรือเพื่อจะได้ไม่เสียเวลาวนเรือกลับมา
ก่อนเริ่มโปรแกรมทัวร์ที่ 2 แวะแพนางไพรดูปลาให้อาหารปลา ไกด์เหม็งบอกว่าปลาที่นี่เป็นปลาตามธรรมชาติมันเคยได้กินที่นี่มันก็มาปักหลักอยู่ที่เลย กลายเป็นไฮไลท์ของที่นี่ไป ตรงนี้อยู่ไม่ไกลเสา AIS ฉะนั้นใครจะรายการชีวิตก็พักรายงานตัวกันตรงนี้ได้
เขาสามเกลอที่บอกว่าเหมือนกุ้ยหลิน มันก็เหมือนนะครับแต่เล็กและมีน้อยไปหน่อย ผมคิดภาพไว้ก่อนที่จะมาที่นี่ว่ามันต้องตั้งตระหง่านและเป็นแบบที่จีนเลย แต่ก็โอเคครับมันก็แปลกตาพอสมควร ส่วนใหญ่ลูกทัวร์คณะอื่นๆจะใช้เวลาที่นี่มากพอสมควรเพื่อยืนหัวเรือและทำท่าทางต่างๆกันไป สำหรับทัวร์ผม 2 คน ไปก่อนล่ะครับวันนี้มีคิวเต็มวัน
สุสานต้นไม้ ต้นไม้ยืนต้นตายเพราะน้ำท่วมหลังจากมีการสร้างเขื่อน อยู่หน้าถ้ำประกายเพชร
ถ้ำประกายเพชรครับ โปรแกรมหลักที่ 2 ของวันนี้
ถ้ำประกายเพชรจะมีหินที่สะท้อนแสงมีประกาย ทำให้ได้ชื่อถ้ำประกายเพชร ลักษณะหินย้อยที่นี่จะแปลกตาหน่อยจะเป็นหินย้อยเล็กๆคล้ายๆขนหรือรากแก้ว ส่วนพื้นถ้ำจะเปียกชื้นเป็นโคลนและลื่น ทำให้หินงอกที่อยู่ข่างล่างกลายเป็นจุดยึดของคนเดินถ้ำไป ไกด์เลยไม่ค่อยนำเสนอช่วงล่างเท่าไหร่ตามตรงคือมันค่อนข้างเสียความเป็นธรรมชาติไปบ้างแล้ว เพราะคนเข้าไปนี่แหละ
ไกด์เห็นว่าพอไหวเลยพาออกถ้ำอีกทาง ทุลักทุเลหน่อย
ออกจากถ้ำประกายเพชรแล้ว เดินทางเข้าสู่โปรแกรมหลักที่ 3 ทัวร์ถ้ำทะลุ โปรแกรมนี้ผมซื้อเพิ่มในราคาที่ 1,500 เนื่องจากมีเวลาเหลือ ถ้ำนี้ออกไปค่อนข้างไกลหน่อย ตลอดระยะทางก็จะมีต้นไม้ยืนต้นตายแบบนี้ไปตลอดเส้นทาง ไกด์เล่าว่ามีบางทีที่เอาเรือขึ้นไปเกยกับตอไม้จนน้ำเข้าเรือ แต่ด้วยความเป็นไกด์ต้องบอกลูกทัวร์ว่าไม่มีปัญหา ที่จริงก็...
ไฮไลท์ต่อกันข้างล่างนะครับ ข้อความเต็ม