Netflix บริการบันเทิงแบบสตรีมมิ่งเริ่มจัดระเบียบการใช้งานรับปีใหม่ให้ถูกต้องครั้งใหญ่ ด้วยการเริ่มต้นที่จะบล็อคการเข้าใช้งานบริการของผู้ใช้ผ่านยูทิลิตี้ย้ายตำแหน่งอย่างเช่น พร็อกซี่หรือ VPN แล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าขณะนี้การจัดระเบียบดังกล่าวจะอยู่ในพื้นที่วงจำกัด แต่ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นขั้นตอนแรกของการนำไปสู่การลงโทษขั้นรุนแรงในวงกว้าง
รายงานระบุว่า ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ใช้บางรายที่ได้มีการใช้ยูทิลิตี้ในการย้ายตำแหน่งเริ่มพบกับความยุ่งยากในการรับชมคอนเทนท์ของ Netflix ขณะที่ผู้ให้บริการ VPN อย่าง TorGuard ก็ให้ข้อมูลสอดคล้องในทางเดียวกันว่าได้พบข้อผิดพลาดเมื่อมีการเชื่อมต่อกับ Netflix ด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่บริษัทเริ่มสกัดกั้น IP ที่มีการเชื่อมต่อแบบไม่ถูกต้อง
แต่อย่างไรก็ตาม การเริ่มจัดระเบียบครั้งนี้ไม่ได้ว่าหมายความ IP ปลอมทั้งหมดจะได้รับการปิดกั้น ผู้ใช้หลายรายยังคงสามารถรับชมรายการต่างๆ ผ่านการเปลี่ยนสถานที่ VPN ได้ แต่กระนั้น วิธีการเดียวกันนี้ไม่สามารถใช้งานได้กับผู้ใช้ผ่านแอนดรอยด์แอพฯ เนื่องจาก
Google DNS
ส่วนเหตุผลที่ทำให้คอนเทนท์ของ Netflix ไม่สามารถให้บริการกับผู้ใช้ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากการตกลงเรื่องลิขสิทธิ์ระหว่างสตูดิโอและผู้ให้บริการ และนั่นจึงทำให้การใช้ยูทิลิตี้ VPN และ DNS กลายมาเป็นปัญหาที่ชวนปวดหัวสำหรับผู้ให้บริการภาพยนตร์และสตูดิโอ เนื่องจากมันผิดเงื่อนไขการให้บริการตามที่พวกเขาตกลงกันไว้ ซึ่งถึงแม้ว่าฝั่งผู้ใช้จากประเทศอื่นจะมีการสมัครสมาชิกอย่างถูกต้องและไม่ได้ต้องการที่จะขโมยคอนเทนท์ก็ตาม
ที่มา TechSpot
Netflix เริ่มกวาดล้างผู้ใช้ที่ใช้ Proxy หรือ VPN ข้ามประเทศ เพื่อดูคอนเทนท์แล้ว
Netflix บริการบันเทิงแบบสตรีมมิ่งเริ่มจัดระเบียบการใช้งานรับปีใหม่ให้ถูกต้องครั้งใหญ่ ด้วยการเริ่มต้นที่จะบล็อคการเข้าใช้งานบริการของผู้ใช้ผ่านยูทิลิตี้ย้ายตำแหน่งอย่างเช่น พร็อกซี่หรือ VPN แล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าขณะนี้การจัดระเบียบดังกล่าวจะอยู่ในพื้นที่วงจำกัด แต่ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นขั้นตอนแรกของการนำไปสู่การลงโทษขั้นรุนแรงในวงกว้าง
รายงานระบุว่า ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ใช้บางรายที่ได้มีการใช้ยูทิลิตี้ในการย้ายตำแหน่งเริ่มพบกับความยุ่งยากในการรับชมคอนเทนท์ของ Netflix ขณะที่ผู้ให้บริการ VPN อย่าง TorGuard ก็ให้ข้อมูลสอดคล้องในทางเดียวกันว่าได้พบข้อผิดพลาดเมื่อมีการเชื่อมต่อกับ Netflix ด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่บริษัทเริ่มสกัดกั้น IP ที่มีการเชื่อมต่อแบบไม่ถูกต้อง
แต่อย่างไรก็ตาม การเริ่มจัดระเบียบครั้งนี้ไม่ได้ว่าหมายความ IP ปลอมทั้งหมดจะได้รับการปิดกั้น ผู้ใช้หลายรายยังคงสามารถรับชมรายการต่างๆ ผ่านการเปลี่ยนสถานที่ VPN ได้ แต่กระนั้น วิธีการเดียวกันนี้ไม่สามารถใช้งานได้กับผู้ใช้ผ่านแอนดรอยด์แอพฯ เนื่องจาก
Google DNS
ส่วนเหตุผลที่ทำให้คอนเทนท์ของ Netflix ไม่สามารถให้บริการกับผู้ใช้ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากการตกลงเรื่องลิขสิทธิ์ระหว่างสตูดิโอและผู้ให้บริการ และนั่นจึงทำให้การใช้ยูทิลิตี้ VPN และ DNS กลายมาเป็นปัญหาที่ชวนปวดหัวสำหรับผู้ให้บริการภาพยนตร์และสตูดิโอ เนื่องจากมันผิดเงื่อนไขการให้บริการตามที่พวกเขาตกลงกันไว้ ซึ่งถึงแม้ว่าฝั่งผู้ใช้จากประเทศอื่นจะมีการสมัครสมาชิกอย่างถูกต้องและไม่ได้ต้องการที่จะขโมยคอนเทนท์ก็ตาม
ที่มา TechSpot