ความหลังริมคลองเปรม
นายของผม
วชิรพักตร์
ในชีวิตรับราชการของผม เป็นเวลากว่าสามสิบปี จนถึงเกษียณอายุนั้น ผมมีผู้บังคับบัญชาในระดับหัวหน้ากองสิบเอ็ดท่าน และระดับเจ้ากรม ถึงสิบสองท่าน ซึ่งทุกท่านก็ย่อมจะมีพระคุณต่อผมมากบ้างน้อยบ้าง และผมยังระลึกถึงท่านอยู่เสมอ
หัวหน้ากองท่านแรก ท่านแก่คราวพ่อของผม ท่านดุด่าใช้สอยสั่งสอนผมเหมือนลูก ท่านเกลียดการมาทำงานสาย เสมียนนายหนึ่งเป็นสิบเอก บ้านอยู่จังหวัดอยุธยา มาสายเป็นประจำ ท่านก็ถามว่าออกจากบ้านกี่โมง พอเขาตอบตามความจริง ท่านก็ว่ามาให้เช้ากว่านั้นอีกซิ เขาก็แก้ว่าออกจากบ้านเวลาเท่าไร ก็ต้องมาถึงตามเวลาเดิม เพราะเขามารถไฟ จำไม่ได้ว่าท่านจะให้เขาย้ายมาหาบ้านอยู่ในกรุงเทพหรือเปล่า กีฬาที่ท่านถนัดที่สุดคือปิงปองหรือเทเบิลเทนนิส ท่านสามารถจะเล่นเอาชนะคนหนุ่มได้ แม้เมื่อเกษียณอายุไปแล้ว ผมได้ไปงาน พระราชทานเพลิงศพท่านที่วัดโสมนัสวิหาร เมื่อนานมาแล้ว
ท่านที่สอง เป็นนักเรียนนายร้อยเทฆนิครุ่นเดียวกันกับท่านแรก ท่านชอบพูดเสียงดังโผงผางเป็นลูกทุ่ง ท่านพูดลื้ออั๊วกับลูกน้องทุกคน โดยเฉพาะนายสิบด่าได้ก็ด่าเลย แต่ท่านไม่โกรธใครนาน มีเมตตาต่อผู้น้อยเสมอ นอกเวลางานท่านมีบุคลิคเป็นคนรักสนุกชอบพูดเล่นเฮฮา หลังเกษียณอายุแล้วท่านยังมาชวนนายทหาร อดีตลูกน้องท่านไปเที่ยวเตร่บ่อย ๆ เมื่อผมเข้าไปกราบ ท่านก็จะร้องว่า เฮ้ย...ไอ้ลูกน้อง ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ท่านจะยังสำราญอยู่หรือเปล่า เพราะอายุเลยแปดสิบ และเพื่อนรุ่นเดียวกับท่าน ก็ได้จากไปหมดแล้ว
ท่านที่สามเป็นคนอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งในขณะที่กำลังเทศนาลูกน้องอยู่ เล่ากันว่าเมื่อยังหนุ่มท่านรูปหล่อมาก ถึงขนาดต้องจัดให้เป็นนายทหารเวรกรมในกรณีพิเศษ เพื่อรายงานเมื่อผู้บังคับบัญชาชั้นสูง หรือแขกคนสำคัญที่มาเยี่ยมหน่วย ท่านมี พระคุณแก่ผมด้วยการ ส่งตัวไปเป็นพนักงานกล้องโทรทัศน์ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก และทำอยู่กว่าสิบปีด้วยความสุขสบาย ท่านให้ความสนใจกับลูกน้องทุกคน ไต่ถามทุกข์สุข และความเป็นไปของครอบครัว แม้เมื่อท่านพ้นจากกองกำลังพลไปแล้วก็ตาม น่าเสียใจที่ท่านป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ต้องลาออกก่อนเกษียณอายุ และผมก็ได้ไปในงานพระราชทานเพลิงศพของท่าน ที่วัดประยูรวงศาวาส เมื่อหลายปีมาแล้ว
ท่านที่สี่เล่ากันว่าท่านเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับ ท่านเจ้ากรมในขณะนั้น ตั้งแต่เป็นนักเรียนวัดเบญจมบพิตร จนถึงโรงเรียนนายร้อย ท่านจึงทำงานสบายมาก ติดขัดอะไรท่านก็เข้าไปหาเจ้ากรมขอให้ช่วยแก้ไข จนราบรื่นเรียบร้อยไปได้เสมอ ข้อเสียก็คือเปลี่ยนทั้งชื่อตัวและนามสกุล ท่านผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก จำไม่ได้ไม่ทราบว่าเป็นท่าน การทำราชการของท่าน จึงก้าวหน้าไปได้ค่อนข้างช้า ท่านเป็นนายที่ใจดีสำหรับลูกน้อง ปกติท่านชอบดื่มเบียร์ เมื่อเวลาเลี้ยงลูกน้องในหน่วย ท่านจะเปิดโอกาสให้ทุกคน พูดอะไรก็ได้จากใจจริง มีบางคนระบายความอัดอั้นตันใจ ทั้งทางราชการและส่วนตัว ท่านก็รับฟังทุกเรื่อง ไม่ถือโทษโกรธเคือง แม้บางคนได้ที่แล้วจะรุ่มร่ามเกินไปบ้างก็ตาม น่าเสียดายที่ท่านป่วยนอนอยู่บ้านเกือบสัปดาห์ โดยไม่มีใครทราบ ว่าท่านเป็นโรคใส้ติ่งอักเสบ จนกระทั่งแตกแล้วจึงไปโรงพยาบาล จึงต้องเสียชีวิตไปด้วยเวลาที่ยังไม่สมควร
ท่านที่ห้าเป็นคนเอางานเอาการและละเอียดละออมาก เรื่องทุกเรื่องเจ้าหน้าที่จะต้องชี้แจง ให้ท่านเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ท่านจึงจะลงนาม ถ้าเป็นเรื่องที่ท่านไม่เห็นด้วย ท่านจะไม่สั่งให้แก้ จนกว่าจะถกเถียงจนเจ้าหน้าที่ยอมจำนนต่อเหตุผลของท่านแล้วทุกครั้ง ท่านมีพระคุณแก่ผมอย่างยิ่ง ด้วยการให้ผมไปช่วยราชการ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก รอบที่สอง ในตำแหน่ง รองหัวหน้าฝ่ายกำลังพล ขณะที่มียศแค่ร้อยเอก ซึ่งทำให้ผมเป็นผู้บริหารที่มีอาวุโสน้อยที่สุด และมีความเจริญก้าวหน้าต่อมาเป็นลำดับ จนเกษียณอายุราชการ
ท่านที่หกเป็นผู้ที่รักลูกน้องมาก สนับสนุนส่งเสริมทุกวิถีทาง ให้มีความเจริญก้าวหน้าในทางราชการ ท่านเป็นผู้ที่มีฐานะทางการเงินดีมาก และเป็นบุรุษเจ้าสำราญ ท่านจึงใช้เงินเพื่อบำรุงความสุขให้แก่หน่วย และผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าท่านจะย้ายไปอยู่หน่วยใดก็ตาม ลูกน้องทุกคนจะรักและเทอดทูน ในน้ำใจของท่านทั่วกัน
สำหรับผมที่พอจะจดจำได้ก็คือ เมื่อครั้งที่ผมเป็นพันตรีอาวุโสอยู่ ๙ ปี ท่านได้หาตำแหน่งพันโทให้ผมถึงสามครั้ง และทุกครั้งผมก็จำเป็นต้องปฏิเสธ เพราะไม่เหมาะกับความรู้ความสามารถของผมบ้าง ไม่เหมาะกับสถานะทางครอบครัวของผมบ้าง ข้อสำคัญก็คือ ผมไม่สนใจที่จะเป็นใหญ่เป็นโตกว่านี้ ผมมีความสุขกับงานที่ทำด้วยความชำนาญ ลูกน้องที่ให้ความนับถือ เพื่อนที่คุ้นเคยรู้ใจกันดี และผู้บังคับบัญชาที่ไว้วางใจ ผมไม่อยากเปลี่ยนงาน เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน แม้จะเป็นการก้าวหน้ากว่าเดิมก็ตาม ซึ่งท่านก็พยายามเข้าใจผม ทั้ง ๆ ที่ท่านอาจจะคิดว่าผมค่อนข้างจะโง่ไปหน่อยก็ได้
ในที่สุดท่านได้เป็น เจ้ากรมการทหารสื่อสาร และหัวหน้าเหล่าทหารสื่อสาร ซึ่ง ลูกน้องของท่าน ทุกคนทุกรุ่นมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
หัวหน้ากองท่านที่เจ็ดนั้น ท่านเป็นเพื่อนกับผมมา ตั้งแต่ท่านยังมียศเพียงร้อยโท พอท่านเข้าเรียนในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ท่านยังอุตส่าห์หารือผมถึงเรื่องหน่วยที่จะออกมารับราชการต่อไป ผมไม่อยากให้ท่านมาเป็นผู้บังคับบัญชาของผม ด้วยกลัวว่าจะเสียความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนไป จึงแนะให้ท่านเลือกไปอยู่หน่วยอื่น แต่สุดท้ายท่านก็ย้ายมาเป็นหัวหน้ากองของผมจนได้ ท่านกรุณาแนะนำผู้ใต้บังคับบัญชา ว่าผมเป็นเพื่อนของท่าน น่าเสียดายที่ท่านอยู่กับผมไม่นาน ก็ต้องเปิดทางให้รุ่นน้องเลื่อนตำแหน่งมาแทน แต่ท่านก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีของผม มาจนถึงบัดนี้ แม้ท่านจะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งนายพลก็ตาม
หัวหน้ากองท่านที่แปด ท่านออกจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ก็มาอยู่กองกำลังพล กรมการทหารสื่อสาร ผมทำงานข้างเคียงกับท่านมาจน ท่านเป็น หัวหน้าแผนกจัดการ ที่ผมประจำอยู่ แล้วก็เป็นหัวหน้ากองที่เป็นกันเองกับลูกน้องอย่างยิ่ง เคยร่วมเที่ยวงานวันปีใหม่ของกองด้วยกันหลายครั้ง ผมยังจำครั้งที่ไปหาดสวนสน ปราณบุรีได้ดี ท่านนั่งดื่มและร้องเพลงกับผมและพวก ที่หาดทรายหน้าบ้านพักจนดึกดื่น
ครั้งหนึ่งท่านป่วยด้วยโรคหัวใจ เกือบถึงชีวิตแต่ผ่านมาได้ ท่านจึงชวนผมไปเป็นเพื่อนเพื่อบริจาคเงินซื้อโลงศพเสดาะเคราะห์ ที่มูลนิธิปอเต๊กตึ้ง ทั้ง ๆ ที่แต่งเครื่องแบบทหารทั้งสองคน แต่ดูเหมือนว่าเคราะห์ของท่านยังไม่หมด ท่านจึงต้องเป็นนายพลที่ไม่มี นายทหารคนสนิท ตามที่ท่านหวัง เดี๋ยวนี้ไม่ได้ข่าวว่าท่านไปทำอะไรที่จังหวัดลพบุรี
หัวหน้ากองคนที่เก้า ท่านเป็นหัวหน้ากองที่เชื่อถือผลงานของผมมาก แม้ว่าบางเรื่องท่านต้องการจะแก้ไข ท่านจะเดินมาหาผมที่โต๊ะ และปรึกษาหารืออย่างสุภาพ ให้ผมเปลี่ยนแปลงตามที่ท่านต้องการ
และที่สำคัญเมื่อนอกเวลางาน ท่านนับผมเป็นเพื่อนร่วมทางกับท่าน อย่างร่วมหัวจมท้ายกับเพื่อนของผมอีกคน คือนายแมว ที่จำได้อย่างชัดเจนก็คือที่ร้านแก้วแข็งเบียร์วุ้น ใกล้สถานีรถไฟสามเสน ผมกับท่านและนายแมว กินเบียร์แล้วเอาขวดเปล่าวางไว้ใต้โต๊ะ เพราะบนโต๊ะที่ไม่พอจะวาง จนดำไปหมด เมื่อลุกขึ้นจะไปห้องน้ำเกือบจะเหยียบขวดล้มลงทีเดียว
ท่านปลีกตัวจากรุ่นพี่ และรุ่นน้อง ไปหาทางก้าวหน้าที่กรมจเรทหารบก จนเป็นรองเจ้ากรมคนที่ ๑ ผมเชื่อว่าท่านจะไม่พลาดบันไดขั้นบนสุดอย่างแน่นอน
ถัดจากนั้นเป็นหัวหน้ากองคนที่สิบ ท่านเป็นรุ่นพี่ของหัวหน้าคนที่เก้า แต่มาเป็นหัวหน้ากองทีหลัง ท่านยังรับราชการอยู่จนถึง พ.ศ.๒๕๔๖ ผมอยากแสดงความยินดีแก่ท่าน ตั้งแต่ได้ข่าวว่าเลื่อนเป็นเสนาธิการ กรมการทหารสื่อสาร หลังจากที่ไปนั่งขายเครื่องรับโทรทัศน์ที่ช่องทางสอง อยู่เป็นเวลาหลายปี แต่ก็ปล่อยให้เวลาผ่านไป จนขณะนี้ท่านอยู่ในตำแหน่ง รองเจ้ากรมการทหารสื่อสารคนที่ ๑ ผมจึงได้ส่ง ส.ค.ส.ไปอวยพรเมื่อปีใหม่ เป็นรูปบันไดสามขั้น หวังว่าท่านคงจะก้าวขึ้นไปสู่ขั้นบนสุดได้ ในอนาคตอันใกล้นี้
ตุลาคม ๒๕๕๐
นายของผม ๖ ม.ค.๕๘
นายของผม
วชิรพักตร์
ในชีวิตรับราชการของผม เป็นเวลากว่าสามสิบปี จนถึงเกษียณอายุนั้น ผมมีผู้บังคับบัญชาในระดับหัวหน้ากองสิบเอ็ดท่าน และระดับเจ้ากรม ถึงสิบสองท่าน ซึ่งทุกท่านก็ย่อมจะมีพระคุณต่อผมมากบ้างน้อยบ้าง และผมยังระลึกถึงท่านอยู่เสมอ
หัวหน้ากองท่านแรก ท่านแก่คราวพ่อของผม ท่านดุด่าใช้สอยสั่งสอนผมเหมือนลูก ท่านเกลียดการมาทำงานสาย เสมียนนายหนึ่งเป็นสิบเอก บ้านอยู่จังหวัดอยุธยา มาสายเป็นประจำ ท่านก็ถามว่าออกจากบ้านกี่โมง พอเขาตอบตามความจริง ท่านก็ว่ามาให้เช้ากว่านั้นอีกซิ เขาก็แก้ว่าออกจากบ้านเวลาเท่าไร ก็ต้องมาถึงตามเวลาเดิม เพราะเขามารถไฟ จำไม่ได้ว่าท่านจะให้เขาย้ายมาหาบ้านอยู่ในกรุงเทพหรือเปล่า กีฬาที่ท่านถนัดที่สุดคือปิงปองหรือเทเบิลเทนนิส ท่านสามารถจะเล่นเอาชนะคนหนุ่มได้ แม้เมื่อเกษียณอายุไปแล้ว ผมได้ไปงาน พระราชทานเพลิงศพท่านที่วัดโสมนัสวิหาร เมื่อนานมาแล้ว
ท่านที่สอง เป็นนักเรียนนายร้อยเทฆนิครุ่นเดียวกันกับท่านแรก ท่านชอบพูดเสียงดังโผงผางเป็นลูกทุ่ง ท่านพูดลื้ออั๊วกับลูกน้องทุกคน โดยเฉพาะนายสิบด่าได้ก็ด่าเลย แต่ท่านไม่โกรธใครนาน มีเมตตาต่อผู้น้อยเสมอ นอกเวลางานท่านมีบุคลิคเป็นคนรักสนุกชอบพูดเล่นเฮฮา หลังเกษียณอายุแล้วท่านยังมาชวนนายทหาร อดีตลูกน้องท่านไปเที่ยวเตร่บ่อย ๆ เมื่อผมเข้าไปกราบ ท่านก็จะร้องว่า เฮ้ย...ไอ้ลูกน้อง ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ท่านจะยังสำราญอยู่หรือเปล่า เพราะอายุเลยแปดสิบ และเพื่อนรุ่นเดียวกับท่าน ก็ได้จากไปหมดแล้ว
ท่านที่สามเป็นคนอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งในขณะที่กำลังเทศนาลูกน้องอยู่ เล่ากันว่าเมื่อยังหนุ่มท่านรูปหล่อมาก ถึงขนาดต้องจัดให้เป็นนายทหารเวรกรมในกรณีพิเศษ เพื่อรายงานเมื่อผู้บังคับบัญชาชั้นสูง หรือแขกคนสำคัญที่มาเยี่ยมหน่วย ท่านมี พระคุณแก่ผมด้วยการ ส่งตัวไปเป็นพนักงานกล้องโทรทัศน์ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก และทำอยู่กว่าสิบปีด้วยความสุขสบาย ท่านให้ความสนใจกับลูกน้องทุกคน ไต่ถามทุกข์สุข และความเป็นไปของครอบครัว แม้เมื่อท่านพ้นจากกองกำลังพลไปแล้วก็ตาม น่าเสียใจที่ท่านป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ต้องลาออกก่อนเกษียณอายุ และผมก็ได้ไปในงานพระราชทานเพลิงศพของท่าน ที่วัดประยูรวงศาวาส เมื่อหลายปีมาแล้ว
ท่านที่สี่เล่ากันว่าท่านเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับ ท่านเจ้ากรมในขณะนั้น ตั้งแต่เป็นนักเรียนวัดเบญจมบพิตร จนถึงโรงเรียนนายร้อย ท่านจึงทำงานสบายมาก ติดขัดอะไรท่านก็เข้าไปหาเจ้ากรมขอให้ช่วยแก้ไข จนราบรื่นเรียบร้อยไปได้เสมอ ข้อเสียก็คือเปลี่ยนทั้งชื่อตัวและนามสกุล ท่านผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก จำไม่ได้ไม่ทราบว่าเป็นท่าน การทำราชการของท่าน จึงก้าวหน้าไปได้ค่อนข้างช้า ท่านเป็นนายที่ใจดีสำหรับลูกน้อง ปกติท่านชอบดื่มเบียร์ เมื่อเวลาเลี้ยงลูกน้องในหน่วย ท่านจะเปิดโอกาสให้ทุกคน พูดอะไรก็ได้จากใจจริง มีบางคนระบายความอัดอั้นตันใจ ทั้งทางราชการและส่วนตัว ท่านก็รับฟังทุกเรื่อง ไม่ถือโทษโกรธเคือง แม้บางคนได้ที่แล้วจะรุ่มร่ามเกินไปบ้างก็ตาม น่าเสียดายที่ท่านป่วยนอนอยู่บ้านเกือบสัปดาห์ โดยไม่มีใครทราบ ว่าท่านเป็นโรคใส้ติ่งอักเสบ จนกระทั่งแตกแล้วจึงไปโรงพยาบาล จึงต้องเสียชีวิตไปด้วยเวลาที่ยังไม่สมควร
ท่านที่ห้าเป็นคนเอางานเอาการและละเอียดละออมาก เรื่องทุกเรื่องเจ้าหน้าที่จะต้องชี้แจง ให้ท่านเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ท่านจึงจะลงนาม ถ้าเป็นเรื่องที่ท่านไม่เห็นด้วย ท่านจะไม่สั่งให้แก้ จนกว่าจะถกเถียงจนเจ้าหน้าที่ยอมจำนนต่อเหตุผลของท่านแล้วทุกครั้ง ท่านมีพระคุณแก่ผมอย่างยิ่ง ด้วยการให้ผมไปช่วยราชการ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก รอบที่สอง ในตำแหน่ง รองหัวหน้าฝ่ายกำลังพล ขณะที่มียศแค่ร้อยเอก ซึ่งทำให้ผมเป็นผู้บริหารที่มีอาวุโสน้อยที่สุด และมีความเจริญก้าวหน้าต่อมาเป็นลำดับ จนเกษียณอายุราชการ
ท่านที่หกเป็นผู้ที่รักลูกน้องมาก สนับสนุนส่งเสริมทุกวิถีทาง ให้มีความเจริญก้าวหน้าในทางราชการ ท่านเป็นผู้ที่มีฐานะทางการเงินดีมาก และเป็นบุรุษเจ้าสำราญ ท่านจึงใช้เงินเพื่อบำรุงความสุขให้แก่หน่วย และผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าท่านจะย้ายไปอยู่หน่วยใดก็ตาม ลูกน้องทุกคนจะรักและเทอดทูน ในน้ำใจของท่านทั่วกัน
สำหรับผมที่พอจะจดจำได้ก็คือ เมื่อครั้งที่ผมเป็นพันตรีอาวุโสอยู่ ๙ ปี ท่านได้หาตำแหน่งพันโทให้ผมถึงสามครั้ง และทุกครั้งผมก็จำเป็นต้องปฏิเสธ เพราะไม่เหมาะกับความรู้ความสามารถของผมบ้าง ไม่เหมาะกับสถานะทางครอบครัวของผมบ้าง ข้อสำคัญก็คือ ผมไม่สนใจที่จะเป็นใหญ่เป็นโตกว่านี้ ผมมีความสุขกับงานที่ทำด้วยความชำนาญ ลูกน้องที่ให้ความนับถือ เพื่อนที่คุ้นเคยรู้ใจกันดี และผู้บังคับบัญชาที่ไว้วางใจ ผมไม่อยากเปลี่ยนงาน เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน แม้จะเป็นการก้าวหน้ากว่าเดิมก็ตาม ซึ่งท่านก็พยายามเข้าใจผม ทั้ง ๆ ที่ท่านอาจจะคิดว่าผมค่อนข้างจะโง่ไปหน่อยก็ได้
ในที่สุดท่านได้เป็น เจ้ากรมการทหารสื่อสาร และหัวหน้าเหล่าทหารสื่อสาร ซึ่ง ลูกน้องของท่าน ทุกคนทุกรุ่นมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
หัวหน้ากองท่านที่เจ็ดนั้น ท่านเป็นเพื่อนกับผมมา ตั้งแต่ท่านยังมียศเพียงร้อยโท พอท่านเข้าเรียนในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ท่านยังอุตส่าห์หารือผมถึงเรื่องหน่วยที่จะออกมารับราชการต่อไป ผมไม่อยากให้ท่านมาเป็นผู้บังคับบัญชาของผม ด้วยกลัวว่าจะเสียความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนไป จึงแนะให้ท่านเลือกไปอยู่หน่วยอื่น แต่สุดท้ายท่านก็ย้ายมาเป็นหัวหน้ากองของผมจนได้ ท่านกรุณาแนะนำผู้ใต้บังคับบัญชา ว่าผมเป็นเพื่อนของท่าน น่าเสียดายที่ท่านอยู่กับผมไม่นาน ก็ต้องเปิดทางให้รุ่นน้องเลื่อนตำแหน่งมาแทน แต่ท่านก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีของผม มาจนถึงบัดนี้ แม้ท่านจะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งนายพลก็ตาม
หัวหน้ากองท่านที่แปด ท่านออกจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ก็มาอยู่กองกำลังพล กรมการทหารสื่อสาร ผมทำงานข้างเคียงกับท่านมาจน ท่านเป็น หัวหน้าแผนกจัดการ ที่ผมประจำอยู่ แล้วก็เป็นหัวหน้ากองที่เป็นกันเองกับลูกน้องอย่างยิ่ง เคยร่วมเที่ยวงานวันปีใหม่ของกองด้วยกันหลายครั้ง ผมยังจำครั้งที่ไปหาดสวนสน ปราณบุรีได้ดี ท่านนั่งดื่มและร้องเพลงกับผมและพวก ที่หาดทรายหน้าบ้านพักจนดึกดื่น
ครั้งหนึ่งท่านป่วยด้วยโรคหัวใจ เกือบถึงชีวิตแต่ผ่านมาได้ ท่านจึงชวนผมไปเป็นเพื่อนเพื่อบริจาคเงินซื้อโลงศพเสดาะเคราะห์ ที่มูลนิธิปอเต๊กตึ้ง ทั้ง ๆ ที่แต่งเครื่องแบบทหารทั้งสองคน แต่ดูเหมือนว่าเคราะห์ของท่านยังไม่หมด ท่านจึงต้องเป็นนายพลที่ไม่มี นายทหารคนสนิท ตามที่ท่านหวัง เดี๋ยวนี้ไม่ได้ข่าวว่าท่านไปทำอะไรที่จังหวัดลพบุรี
หัวหน้ากองคนที่เก้า ท่านเป็นหัวหน้ากองที่เชื่อถือผลงานของผมมาก แม้ว่าบางเรื่องท่านต้องการจะแก้ไข ท่านจะเดินมาหาผมที่โต๊ะ และปรึกษาหารืออย่างสุภาพ ให้ผมเปลี่ยนแปลงตามที่ท่านต้องการ
และที่สำคัญเมื่อนอกเวลางาน ท่านนับผมเป็นเพื่อนร่วมทางกับท่าน อย่างร่วมหัวจมท้ายกับเพื่อนของผมอีกคน คือนายแมว ที่จำได้อย่างชัดเจนก็คือที่ร้านแก้วแข็งเบียร์วุ้น ใกล้สถานีรถไฟสามเสน ผมกับท่านและนายแมว กินเบียร์แล้วเอาขวดเปล่าวางไว้ใต้โต๊ะ เพราะบนโต๊ะที่ไม่พอจะวาง จนดำไปหมด เมื่อลุกขึ้นจะไปห้องน้ำเกือบจะเหยียบขวดล้มลงทีเดียว
ท่านปลีกตัวจากรุ่นพี่ และรุ่นน้อง ไปหาทางก้าวหน้าที่กรมจเรทหารบก จนเป็นรองเจ้ากรมคนที่ ๑ ผมเชื่อว่าท่านจะไม่พลาดบันไดขั้นบนสุดอย่างแน่นอน
ถัดจากนั้นเป็นหัวหน้ากองคนที่สิบ ท่านเป็นรุ่นพี่ของหัวหน้าคนที่เก้า แต่มาเป็นหัวหน้ากองทีหลัง ท่านยังรับราชการอยู่จนถึง พ.ศ.๒๕๔๖ ผมอยากแสดงความยินดีแก่ท่าน ตั้งแต่ได้ข่าวว่าเลื่อนเป็นเสนาธิการ กรมการทหารสื่อสาร หลังจากที่ไปนั่งขายเครื่องรับโทรทัศน์ที่ช่องทางสอง อยู่เป็นเวลาหลายปี แต่ก็ปล่อยให้เวลาผ่านไป จนขณะนี้ท่านอยู่ในตำแหน่ง รองเจ้ากรมการทหารสื่อสารคนที่ ๑ ผมจึงได้ส่ง ส.ค.ส.ไปอวยพรเมื่อปีใหม่ เป็นรูปบันไดสามขั้น หวังว่าท่านคงจะก้าวขึ้นไปสู่ขั้นบนสุดได้ ในอนาคตอันใกล้นี้
ตุลาคม ๒๕๕๐