ปีศาจแห่งอ่าวโรบินฮู้ด (The Ghosts of Robin Hood’s Bay)
ภาพวาด Robin Hood's Bay จาก Jackson's Guide To Yorkshire (1891)
ชานเซอรี เลน, ลอนดอน, 15 กุมภาพันธ์ 1889
สารวัตรไมเคิล เฟย์แห่งแผนกสืบสวนสอบสวน สก็อตแลนด์ยาร์ดมาเป็นแขกมื้ออาหารค่ำของเราอีกครั้งหนึ่ง และน่าจะเป็นอีกครั้งที่การสนทนาระหว่างมื้ออาหารออกรสพอกันกับรสชาติของอาหารค่ำจากฝีมือของมิสซิสดาร์ลตัน และไวน์ฝรั่งเศสรสเลิศที่เขาซื้อมาเป็นของฝาก
เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้าง โครงร่างแข็งแรงอย่างนักกีฬา ตาของเขาเป็นสีฟ้าอ่อนจางเหมือนน้ำแข็ง หากแววตาของเขากลับฉายแววอบอุ่นและเป็นมิตร ผมสีเข้มของเขาเริ่มมีสีเทาแซมประปรายโดยเฉพาะที่ขมับ แม้จะมีอายุในเรือนสี่สิบ แต่ก็ยังกระฉับกระเฉงและกระตือรือร้น สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าสังเกตได้ คือ เขาไม่เคยพยายามจะปิดบังสำเนียงยอร์กเชียร์และไม่พยายามแสดงตนเป็นคนเมืองหลวงเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอนมานาน และรู้เรื่องเกี่ยวกับมหานครแห่งนี้ดีกว่าคนที่เติบโตที่นี่มาทั้งชีวิตบางคนเสียอีก สำหรับคนที่เคยทำงานในหนังสือพิมพ์ของตำรวจนครบาลมาก่อนอย่างข้าพเจ้า สารวัตรเฟย์ถือเป็นตำรวจที่ดีและมีความสามารถมากคนหนึ่ง และข้าพเจ้าเชื่อว่า เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นนักสืบแถวหน้าอย่างสารวัตรเอ็ดมันด์ รี้ด หรือสารวัตรเฟรเดอริก แอบเบอร์ไลน์ได้ในไม่ช้า
เขาเป็นคนเปิดเผย น่าคบหาก็จริงอยู่ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยคาดคิดว่า สหายเก่าแก่ของข้าพเจ้าจะคบหาเป็นเพื่อนกับใครง่ายดายและรวดเร็วเท่านี้มาก่อน
เท่าที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนกินนอน โทบี้ หรือ มิสเตอร์โทเบียส ฟอล์กเนอร์ สมาชิกราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ และศัลยแพทย์ตำรวจประจำเขตไวท์ชาเพลในปัจจุบัน มีมิตรสหายที่สนิทสนมกันแทบนับคนได้ และข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนเหล่านั้นที่คบหากับเขามาจนถึงปัจจุบัน แต่กว่าจะคบหากันอย่างสนิทใจได้ ก็ใช้เวลานานพอดู
การที่โทบี้ให้ความสนิทสนมกับสารวัตรเฟย์เป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่รู้จักกันได้เพียงวันหรือสองวัน จึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับข้าพเจ้า แต่ในขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ข้าพเจ้าได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอันเกิดจากการได้คบหาสมาคมกับนายตำรวจผู้นี้
เหตุผลที่เพื่อนผู้เก็บเนื้อเก็บตัวของข้าพเจ้าจึงถูกชะตากับเขานักประการหนึ่ง เห็นจะเป็นเพราะเขามีความจำที่ดี มีความสนใจในเรื่องท้องถิ่นของตน และถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้อย่างน่าสนใจและสนุก แต่ดูเหมือนว่า สารวัตรเฟย์จะมิได้ตระหนักถึงคุณสมบัติข้อนี้ของตนเองนัก
ทุกครั้งที่รับประทานอาหารค่ำร่วมกันที่บ้าน เรามักจะมานั่งสนทนากันเรื่องสัพเพเหระในห้องหนังสือ ดื่มเหล้าหรือน้ำชากาแฟ และสูบบุหรี่ เป็นการย่อยอาหารและผ่อนคลายจากการงานที่ได้ทำมาทั้งวัน ก่อนที่เขาจะลากลับไปยังที่พักของตนที่ฟลีทสตรีทในช่วงเวลาประมาณสี่ทุ่ม
เรื่องที่เราได้สนทนากันในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าจดบันทึกเอาไว้เป็นพิเศษ โดยได้รับอนุญาตจากเขาแล้ว เนื่องจากเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าเห็นว่า น่าสนใจ เพราะทั้งสยองขวัญดีมิใช่น้อย เหมาะแก่การนำมาเล่าสู่กันฟังหรือนำมานั่งเล่าหน้าเตาผิงกลางฤดูหนาว
จุดเริ่มต้นของการสนทนาในวันนี้ แท้จริงแล้ว มาจากเรื่องอาหารทะเลแท้ ๆ ทีเดียว ด้วยข้าพเจ้าพูดถึงอาหารทะเลในร้านอาหารแห่งหนึ่งในโซโหว่า ทำได้อร่อยสู้ที่เคยรับประทานที่เมืองชายทะเลอย่างวิทบี้ ทางเหนือของยอร์กเชียร์ซึ่งเคยไปเที่ยวเมื่อเกือบสิบปีก่อนไม่ได้
“สารวัตรเคยทำงานในวิทบี้และสกาเบอระมาก่อน หากจำไม่ผิด” โทบี้พูดขึ้นเป็นครั้งแรก หลังฟังสารวัตรเฟย์และข้าพเจ้าพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ “แต่ออกจะเลือน ๆ เสียแล้วว่า บ้านเกิดของสารวัตรอยู่ที่ใด”
“ผมเกิดที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อ โรบินฮู้ดส์เบย์ ทางตอนเหนือของยอร์กเชียร์” นายตำรวจจากสก็อตแลนด์ยาร์ดตอบอย่างอารมณ์ดี
โทบี้พยักหน้ารับ และเหลือบมองมาทางข้าพเจ้า “โรบินฮู้ดส์เบย์ หมู่บ้านชาวประมงชายฝั่งทะเลเหนือใช่ไหมครับ เมื่อคราวไปวิทบี้กับอัลเฟรด เรามีโอกาสได้ไปที่นั่นด้วย”
“ใช่แล้วครับ” ข้าพเจ้าเสริม “หลังจบการศึกษา ผมได้ชวนเขาไปเที่ยวทางเหนือ เพราะได้ยินมาว่าทางยอร์กและวิทบี้มีธรรมชาติและสถาปัตยกรรมยุคกลางที่งามมาก ด้วยความที่ไปกันสองคน อยากไปไหนก็ไป พวกผมจึงแวะตามเมืองเล็กเมืองน้อยที่คนส่วนใหญ่ไม่ไปกัน ซึ่งเราเที่ยวกันตั้งแต่ลีดส์ ยอร์ก เฮล์มสลีย์ เธิร์สก์ พิคเคอริง สการ์เบอระ วิทบี้ โรบินฮู้ดส์เบย์ เรเวนสการ์ และสเตธส์กันไปทีเดียว ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย”
โรบินฮู้ดส์เบย์เป็นเมืองประมงเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเหนือ และเป็นส่วนหนึ่งของวิทบี้ ความเป็นมาของชื่อเมืองแห่งนี้ว่ากันว่า มาจากครั้งที่โรบิน ฮู้ด จอมโจรชื่อดังในอดีตซึ่งปล้นเงินจากคนรวยมาช่วยเหลือคนจนที่ถูกรีดไถกดขี่ได้ต่อสู้กับเรือของโจรสลัดฝรั่งเศสในอ่าวแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของอังกฤษจนกระทั่งพวกโจรสลัดแพ้หนีไปและมาขึ้นฝั่งที่เมืองนี่ ที่แต่เดิมมีชื่อเรียกว่า เบย์ทาวน์ ในเวลาต่อมา คนจึงเรียกชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า โรบินฮู้ดส์เบย์ หรือ อ่าวโรบิน ฮู้ด นั่นเอง
ด้วยความที่บ้านเรือนและอาคารต่าง ๆ ตั้งขึ้นริมหน้าผาและสร้างลดหลั่นกันไปตามเนินเขา มีทางเดินสูงชันปูด้วยก้อนหินใหญ่เป็นทางเชื่อมหากัน โรบินฮู้ดส์เบย์จึงเป็นเมืองที่มีความงามแปลกตา ไม่เพียงเท่านั้น ทางเดินแคบ ๆ และอุโมงค์ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อคราวที่กิจกรรมการค้าของเถื่อนและการดักปล้นสินค้าจากเรืออับปางเฟื่องฟู ก็ทำให้เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหายิ่งขึ้นไปอีก
“ดีจริง” สารวัตรเฟย์ยิ้มกว้าง “ความจริงแล้ว ที่โรบินฮู้ดส์เบย์ก็ไม่มีอะไรให้ชมมากนักหรอก นอกจากชายหาด หน้าผา และชื่อเสียงในอดีตว่า เป็นแหล่งกบดานของบรรดานักค้าของเถื่อนทั้งหลาย”
“และร้านเหล้าของที่นั่นก็เป็นแหล่งรวมเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเชื่อของคนเรือและเรื่องภูตผีที่น่าสนใจมากทีเดียว” โทบี้เสริม
“แกไปฟังเรื่องเหล่านั้นมาตั้งแต่เมื่อใด” ข้าพเจ้าทำตาโต หันขวับไปหาเขาด้วยอารามประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องดังกล่าวมาก่อน และไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่า เขาออกไปร้านเหล้ามาตั้งแต่เมื่อใด
“ก็ตอนที่แกนอนอยู่นะซี” เพื่อนของข้าพเจ้าหัวเราะ “เห็นว่า แกนอนตั้งแต่สองทุ่ม ฉันยังไม่ง่วง และไม่มีอะไรทำ หนังสือที่ซื้อจากวิทบี้มาก็อ่านเสียเกลี้ยงแล้ว จึงออกไปร้านเหล้าหาอะไรดื่มสักแก้วสองแก้วที่ใกล้ ๆ กับโรงแรมเดอะคอตเตจ แต่กลับอยู่ยาวกับเขาไปถึงห้าทุ่มโน่น”
“ฮือ ปกติแกไม่ชอบที่อึกทึกเสียงดังหรือร่วมวงเฮฮากับใครต่อใครอย่างนั้นมิใช่รึ”
“ไม่ชอบดอก” โทบี้ว่า มีรอยยิ้มระบายอยู่บนริมฝีปาก “ทีแรกก็คาดว่าจะดื่มเงียบ ๆ แล้วก็กลับ แต่เผอิญมีชาวประมงคนหนึ่งมายืนคุยอยู่กับเจ้าของร้าน แล้วฉันก็หูหาเรื่องไปได้ยินเรื่องที่เขาเล่า เลยเสียมารยาทบอกเขาไปตรง ๆ ว่า ขอฟังด้วย เขาเห็นว่าเป็นคนแปลกถิ่น ก็ซักใหญ่ว่า ฉันเป็นใคร มาจากไหน คนอื่นได้ยินเข้าก็พลอยอยากรู้เรื่องตามไปด้วย ไป ๆ มา ๆ ลุงชาวประมงนั่นก็เลยมีคนฟังเป็นกลุ่มใหญ่ พอเห็นคนสนใจแกมากเข้า แกก็ยิ่งเล่าเพลิน เพราะได้ไปทั้งเอล ทั้งไซเดอร์ ไหนจะมีคนยุอีก ฉันเลยได้ฟังเรื่องจากแกเปรมไป ไม่ได้พูดอะไรดอก เพราะดื่มไปเสียเพียบตามแก นั่งหน้าตึง ยิ้มอยู่อย่างเดียว ดีที่สมองยังพอจะจำเรื่องได้ แต่พาตัวเองกลับโรงแรมมาได้อย่างไร ไม่อยู่ในความจำเลยสักนิด”
จินตนาการถึงภาพนายแพทย์ผู้เย็นชาที่กลับนั่งยิ้มเพราะเมาเต็มแก่อยู่ท่ามกลางหมู่ชาวประมงและชาวบ้านในร้านเหล้าที่ต่างจดจ่อรอฟังเรื่องเล่าลึกลับและเรื่องชวนหัวเฮฮากันไปทั้งวงแล้ว ทั้งสารวัตรเฟย์และข้าพเจ้าก็อดหัวเราะไม่ได้
“เป็นเรื่องธรรมดาที่นั่นแท้ ๆ ทีเดียว และผมออกจะเดาได้ด้วยซ้ำว่า ร้านเหล้าแห่งนั้นน่าจะเป็นร้านบลูดอลฟินแถวคิงสตรีท และคนเล่าเรื่องนั้นให้คุณหมอฟัง คือ ตาเฒ่าเจคอบ ริกบี้ เพราะแกเป็นขาประจำของร้านนั้น และเป็นนักเล่าเรื่องชั้นยอดทีเดียว บางทีแกก็ปั้นเรื่องได้สนุกและน่าเชื่อยิ่งกว่าตาบารอนมึนเคาเซนของเยอรมันเสียอีก” สารวัตรสืบสวนสวนว่าทั้งที่ยังไม่หยุดขัน
“ถูกต้องราวกับตาเห็นทีเดียว ผมไปที่นั่นมาจริง ๆ และคนที่เล่าก็เหมือนจะมีชื่ออย่างเดียวกันนั้นด้วย” โทบี้ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ราวกับหมอวัตสันยามเห็นโฮล์มส์วิเคราะห์คดี
“คุณหมอทำราวกับผมเป็นนักสืบในนิยายของโคนัน ดอยล์” สารวัตรเฟย์หัวเราะ “แต่คงเป็นคำตอบแก่คำถามที่คุณหมอเคยถามผมได้กระมังว่า เหตุใดผมจึงไม่รู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไร้สาระไปทีเดียว เพราะบ้านเกิดผมเคยได้ชื่อว่าเป็นรังของนักค้าของเถื่อนและจุดเรืออับปาง ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านทั่วไป ชาวประมงและคนเรือ หรือแม้กระทั่งพวกราชนาวี ล้วนแต่ถือเรื่องโชคลางกันเป็นที่สุด เพราะฉะนั้น เรื่องภูตผีปีศาจ และโชคลางจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตวัยเด็กของผมไปแล้ว”
โทบี้พยักหน้ารับอย่างเห็นพ้องด้วย แต่ยังไม่วายกระเซ้าอีกฝ่าย “แต่สารวัตรก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่ดีมิใช่หรือครับ”
“ผมไม่อยากปักใจเชื่อในสิ่งที่หาคำอธิบายไม่ได้ และการทำคดีส่งฟ้องศาล จำเป็นต้องมีหลักฐานที่เชื่อถือและพิสูจน์ได้” สารวัตรเฟย์ตอบยิ้ม ๆ “พ่อของผมจะเป็นเสมียนของสำนักงานโคโรเนอร์หรือผู้สืบสวนการตายประจำเมือง เมื่อยังเล็ก ผมไปเที่ยวเล่นตามถนนแถวนั้นอยู่บ่อย ๆ และค่อนข้างคุ้นเคยกับภาพของพวกกู้ภัยทางทะเลหามเปลที่มีศพมาไว้ที่โรงทึมซึ่งอยู่ติดกับสำนักงานเพื่อรอชันสูตรและออกเอกสาร แต่สำหรับเรื่องภูตผีปีศาจกลับเป็นเรื่องตรงข้าม เพราะเมื่อได้ฟังพวกผู้ใหญ่เล่าเรื่องผีหรือเรื่องแปลกประหลาดกันทีไร ผมก็กลับบ้านไปนอนคลุมโปง ฝันร้ายไปหลายคืน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่เคยเห็นภูตผีหรือปีศาจเป็นตัวเป็นตนสักที”
“ถึงจะกลัวเต็มที แต่เราก็มักจะชอบฟังเรื่องผีหรือเรื่องพิศวงอยู่นั่นเอง” โทบี้ว่า “ไม่เช่นนั้น ตาบาร์นัมคงไม่เพียรสรรหาคนแปลก ๆ หรือสิ่งแปลก ๆ ที่ค่อนข้างจะน่ากลัวหรือเขย่าขวัญมาแสดงให้คนดูอยู่เนือง ๆ มิหนำซ้ำ คนยังยินดีจะจ่ายเงินเพื่อทำให้ตัวเองผวาอีกด้วย”
“จริงทีเดียว” ข้าพเจ้าเสริม “นิยายลึกลับ เรื่องผีสางถือเป็นนิยายประเภทหนึ่งซึ่งขายดี และมีคนทวงถามมาไม่น้อยเลยทีเดียว”
ว่าแล้ว ข้าพเจ้าก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “สารวัตรพอจะเล่าให้เราฟังได้ไหมครับว่า เรื่องเล่าเกี่ยวกับภูตผีที่โรบินฮู้ดส์เบย์ที่สารวัตรได้ฟังมา
คำขอของข้าพเจ้าดูจะทำให้เขาลังเล แต่เมื่อได้รับการสนับสนุนจากโทบี้ เขาจึงพยักหน้ารับว่าจะเล่า และนิ่งนึกอยู่ครู่หนึ่งเพื่อทบทวนความทรงจำ และเลือกว่าจะเล่าเรื่องใดดี
“เอาเรื่องนี้ก็แล้วกัน เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมขยาดที่จะเดินเล่นแถวสุสานและโบสถ์ใกล้ ๆ กันนั่นไปนานทีเดียว”
(มีต่อนะคะ)
ปีศาจแห่งอ่าวโรบินฮู้ด
ภาพวาด Robin Hood's Bay จาก Jackson's Guide To Yorkshire (1891)
สารวัตรไมเคิล เฟย์แห่งแผนกสืบสวนสอบสวน สก็อตแลนด์ยาร์ดมาเป็นแขกมื้ออาหารค่ำของเราอีกครั้งหนึ่ง และน่าจะเป็นอีกครั้งที่การสนทนาระหว่างมื้ออาหารออกรสพอกันกับรสชาติของอาหารค่ำจากฝีมือของมิสซิสดาร์ลตัน และไวน์ฝรั่งเศสรสเลิศที่เขาซื้อมาเป็นของฝาก
เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้าง โครงร่างแข็งแรงอย่างนักกีฬา ตาของเขาเป็นสีฟ้าอ่อนจางเหมือนน้ำแข็ง หากแววตาของเขากลับฉายแววอบอุ่นและเป็นมิตร ผมสีเข้มของเขาเริ่มมีสีเทาแซมประปรายโดยเฉพาะที่ขมับ แม้จะมีอายุในเรือนสี่สิบ แต่ก็ยังกระฉับกระเฉงและกระตือรือร้น สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าสังเกตได้ คือ เขาไม่เคยพยายามจะปิดบังสำเนียงยอร์กเชียร์และไม่พยายามแสดงตนเป็นคนเมืองหลวงเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอนมานาน และรู้เรื่องเกี่ยวกับมหานครแห่งนี้ดีกว่าคนที่เติบโตที่นี่มาทั้งชีวิตบางคนเสียอีก สำหรับคนที่เคยทำงานในหนังสือพิมพ์ของตำรวจนครบาลมาก่อนอย่างข้าพเจ้า สารวัตรเฟย์ถือเป็นตำรวจที่ดีและมีความสามารถมากคนหนึ่ง และข้าพเจ้าเชื่อว่า เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นนักสืบแถวหน้าอย่างสารวัตรเอ็ดมันด์ รี้ด หรือสารวัตรเฟรเดอริก แอบเบอร์ไลน์ได้ในไม่ช้า
เขาเป็นคนเปิดเผย น่าคบหาก็จริงอยู่ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยคาดคิดว่า สหายเก่าแก่ของข้าพเจ้าจะคบหาเป็นเพื่อนกับใครง่ายดายและรวดเร็วเท่านี้มาก่อน
เท่าที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนกินนอน โทบี้ หรือ มิสเตอร์โทเบียส ฟอล์กเนอร์ สมาชิกราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ และศัลยแพทย์ตำรวจประจำเขตไวท์ชาเพลในปัจจุบัน มีมิตรสหายที่สนิทสนมกันแทบนับคนได้ และข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนเหล่านั้นที่คบหากับเขามาจนถึงปัจจุบัน แต่กว่าจะคบหากันอย่างสนิทใจได้ ก็ใช้เวลานานพอดู
การที่โทบี้ให้ความสนิทสนมกับสารวัตรเฟย์เป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่รู้จักกันได้เพียงวันหรือสองวัน จึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับข้าพเจ้า แต่ในขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ข้าพเจ้าได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอันเกิดจากการได้คบหาสมาคมกับนายตำรวจผู้นี้
เหตุผลที่เพื่อนผู้เก็บเนื้อเก็บตัวของข้าพเจ้าจึงถูกชะตากับเขานักประการหนึ่ง เห็นจะเป็นเพราะเขามีความจำที่ดี มีความสนใจในเรื่องท้องถิ่นของตน และถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้อย่างน่าสนใจและสนุก แต่ดูเหมือนว่า สารวัตรเฟย์จะมิได้ตระหนักถึงคุณสมบัติข้อนี้ของตนเองนัก
ทุกครั้งที่รับประทานอาหารค่ำร่วมกันที่บ้าน เรามักจะมานั่งสนทนากันเรื่องสัพเพเหระในห้องหนังสือ ดื่มเหล้าหรือน้ำชากาแฟ และสูบบุหรี่ เป็นการย่อยอาหารและผ่อนคลายจากการงานที่ได้ทำมาทั้งวัน ก่อนที่เขาจะลากลับไปยังที่พักของตนที่ฟลีทสตรีทในช่วงเวลาประมาณสี่ทุ่ม
เรื่องที่เราได้สนทนากันในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าจดบันทึกเอาไว้เป็นพิเศษ โดยได้รับอนุญาตจากเขาแล้ว เนื่องจากเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าเห็นว่า น่าสนใจ เพราะทั้งสยองขวัญดีมิใช่น้อย เหมาะแก่การนำมาเล่าสู่กันฟังหรือนำมานั่งเล่าหน้าเตาผิงกลางฤดูหนาว
จุดเริ่มต้นของการสนทนาในวันนี้ แท้จริงแล้ว มาจากเรื่องอาหารทะเลแท้ ๆ ทีเดียว ด้วยข้าพเจ้าพูดถึงอาหารทะเลในร้านอาหารแห่งหนึ่งในโซโหว่า ทำได้อร่อยสู้ที่เคยรับประทานที่เมืองชายทะเลอย่างวิทบี้ ทางเหนือของยอร์กเชียร์ซึ่งเคยไปเที่ยวเมื่อเกือบสิบปีก่อนไม่ได้
“สารวัตรเคยทำงานในวิทบี้และสกาเบอระมาก่อน หากจำไม่ผิด” โทบี้พูดขึ้นเป็นครั้งแรก หลังฟังสารวัตรเฟย์และข้าพเจ้าพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ “แต่ออกจะเลือน ๆ เสียแล้วว่า บ้านเกิดของสารวัตรอยู่ที่ใด”
“ผมเกิดที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อ โรบินฮู้ดส์เบย์ ทางตอนเหนือของยอร์กเชียร์” นายตำรวจจากสก็อตแลนด์ยาร์ดตอบอย่างอารมณ์ดี
โทบี้พยักหน้ารับ และเหลือบมองมาทางข้าพเจ้า “โรบินฮู้ดส์เบย์ หมู่บ้านชาวประมงชายฝั่งทะเลเหนือใช่ไหมครับ เมื่อคราวไปวิทบี้กับอัลเฟรด เรามีโอกาสได้ไปที่นั่นด้วย”
“ใช่แล้วครับ” ข้าพเจ้าเสริม “หลังจบการศึกษา ผมได้ชวนเขาไปเที่ยวทางเหนือ เพราะได้ยินมาว่าทางยอร์กและวิทบี้มีธรรมชาติและสถาปัตยกรรมยุคกลางที่งามมาก ด้วยความที่ไปกันสองคน อยากไปไหนก็ไป พวกผมจึงแวะตามเมืองเล็กเมืองน้อยที่คนส่วนใหญ่ไม่ไปกัน ซึ่งเราเที่ยวกันตั้งแต่ลีดส์ ยอร์ก เฮล์มสลีย์ เธิร์สก์ พิคเคอริง สการ์เบอระ วิทบี้ โรบินฮู้ดส์เบย์ เรเวนสการ์ และสเตธส์กันไปทีเดียว ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย”
โรบินฮู้ดส์เบย์เป็นเมืองประมงเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเหนือ และเป็นส่วนหนึ่งของวิทบี้ ความเป็นมาของชื่อเมืองแห่งนี้ว่ากันว่า มาจากครั้งที่โรบิน ฮู้ด จอมโจรชื่อดังในอดีตซึ่งปล้นเงินจากคนรวยมาช่วยเหลือคนจนที่ถูกรีดไถกดขี่ได้ต่อสู้กับเรือของโจรสลัดฝรั่งเศสในอ่าวแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของอังกฤษจนกระทั่งพวกโจรสลัดแพ้หนีไปและมาขึ้นฝั่งที่เมืองนี่ ที่แต่เดิมมีชื่อเรียกว่า เบย์ทาวน์ ในเวลาต่อมา คนจึงเรียกชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า โรบินฮู้ดส์เบย์ หรือ อ่าวโรบิน ฮู้ด นั่นเอง
ด้วยความที่บ้านเรือนและอาคารต่าง ๆ ตั้งขึ้นริมหน้าผาและสร้างลดหลั่นกันไปตามเนินเขา มีทางเดินสูงชันปูด้วยก้อนหินใหญ่เป็นทางเชื่อมหากัน โรบินฮู้ดส์เบย์จึงเป็นเมืองที่มีความงามแปลกตา ไม่เพียงเท่านั้น ทางเดินแคบ ๆ และอุโมงค์ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อคราวที่กิจกรรมการค้าของเถื่อนและการดักปล้นสินค้าจากเรืออับปางเฟื่องฟู ก็ทำให้เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหายิ่งขึ้นไปอีก
“ดีจริง” สารวัตรเฟย์ยิ้มกว้าง “ความจริงแล้ว ที่โรบินฮู้ดส์เบย์ก็ไม่มีอะไรให้ชมมากนักหรอก นอกจากชายหาด หน้าผา และชื่อเสียงในอดีตว่า เป็นแหล่งกบดานของบรรดานักค้าของเถื่อนทั้งหลาย”
“และร้านเหล้าของที่นั่นก็เป็นแหล่งรวมเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเชื่อของคนเรือและเรื่องภูตผีที่น่าสนใจมากทีเดียว” โทบี้เสริม
“แกไปฟังเรื่องเหล่านั้นมาตั้งแต่เมื่อใด” ข้าพเจ้าทำตาโต หันขวับไปหาเขาด้วยอารามประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องดังกล่าวมาก่อน และไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่า เขาออกไปร้านเหล้ามาตั้งแต่เมื่อใด
“ก็ตอนที่แกนอนอยู่นะซี” เพื่อนของข้าพเจ้าหัวเราะ “เห็นว่า แกนอนตั้งแต่สองทุ่ม ฉันยังไม่ง่วง และไม่มีอะไรทำ หนังสือที่ซื้อจากวิทบี้มาก็อ่านเสียเกลี้ยงแล้ว จึงออกไปร้านเหล้าหาอะไรดื่มสักแก้วสองแก้วที่ใกล้ ๆ กับโรงแรมเดอะคอตเตจ แต่กลับอยู่ยาวกับเขาไปถึงห้าทุ่มโน่น”
“ฮือ ปกติแกไม่ชอบที่อึกทึกเสียงดังหรือร่วมวงเฮฮากับใครต่อใครอย่างนั้นมิใช่รึ”
“ไม่ชอบดอก” โทบี้ว่า มีรอยยิ้มระบายอยู่บนริมฝีปาก “ทีแรกก็คาดว่าจะดื่มเงียบ ๆ แล้วก็กลับ แต่เผอิญมีชาวประมงคนหนึ่งมายืนคุยอยู่กับเจ้าของร้าน แล้วฉันก็หูหาเรื่องไปได้ยินเรื่องที่เขาเล่า เลยเสียมารยาทบอกเขาไปตรง ๆ ว่า ขอฟังด้วย เขาเห็นว่าเป็นคนแปลกถิ่น ก็ซักใหญ่ว่า ฉันเป็นใคร มาจากไหน คนอื่นได้ยินเข้าก็พลอยอยากรู้เรื่องตามไปด้วย ไป ๆ มา ๆ ลุงชาวประมงนั่นก็เลยมีคนฟังเป็นกลุ่มใหญ่ พอเห็นคนสนใจแกมากเข้า แกก็ยิ่งเล่าเพลิน เพราะได้ไปทั้งเอล ทั้งไซเดอร์ ไหนจะมีคนยุอีก ฉันเลยได้ฟังเรื่องจากแกเปรมไป ไม่ได้พูดอะไรดอก เพราะดื่มไปเสียเพียบตามแก นั่งหน้าตึง ยิ้มอยู่อย่างเดียว ดีที่สมองยังพอจะจำเรื่องได้ แต่พาตัวเองกลับโรงแรมมาได้อย่างไร ไม่อยู่ในความจำเลยสักนิด”
จินตนาการถึงภาพนายแพทย์ผู้เย็นชาที่กลับนั่งยิ้มเพราะเมาเต็มแก่อยู่ท่ามกลางหมู่ชาวประมงและชาวบ้านในร้านเหล้าที่ต่างจดจ่อรอฟังเรื่องเล่าลึกลับและเรื่องชวนหัวเฮฮากันไปทั้งวงแล้ว ทั้งสารวัตรเฟย์และข้าพเจ้าก็อดหัวเราะไม่ได้
“เป็นเรื่องธรรมดาที่นั่นแท้ ๆ ทีเดียว และผมออกจะเดาได้ด้วยซ้ำว่า ร้านเหล้าแห่งนั้นน่าจะเป็นร้านบลูดอลฟินแถวคิงสตรีท และคนเล่าเรื่องนั้นให้คุณหมอฟัง คือ ตาเฒ่าเจคอบ ริกบี้ เพราะแกเป็นขาประจำของร้านนั้น และเป็นนักเล่าเรื่องชั้นยอดทีเดียว บางทีแกก็ปั้นเรื่องได้สนุกและน่าเชื่อยิ่งกว่าตาบารอนมึนเคาเซนของเยอรมันเสียอีก” สารวัตรสืบสวนสวนว่าทั้งที่ยังไม่หยุดขัน
“ถูกต้องราวกับตาเห็นทีเดียว ผมไปที่นั่นมาจริง ๆ และคนที่เล่าก็เหมือนจะมีชื่ออย่างเดียวกันนั้นด้วย” โทบี้ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ราวกับหมอวัตสันยามเห็นโฮล์มส์วิเคราะห์คดี
“คุณหมอทำราวกับผมเป็นนักสืบในนิยายของโคนัน ดอยล์” สารวัตรเฟย์หัวเราะ “แต่คงเป็นคำตอบแก่คำถามที่คุณหมอเคยถามผมได้กระมังว่า เหตุใดผมจึงไม่รู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไร้สาระไปทีเดียว เพราะบ้านเกิดผมเคยได้ชื่อว่าเป็นรังของนักค้าของเถื่อนและจุดเรืออับปาง ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านทั่วไป ชาวประมงและคนเรือ หรือแม้กระทั่งพวกราชนาวี ล้วนแต่ถือเรื่องโชคลางกันเป็นที่สุด เพราะฉะนั้น เรื่องภูตผีปีศาจ และโชคลางจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตวัยเด็กของผมไปแล้ว”
โทบี้พยักหน้ารับอย่างเห็นพ้องด้วย แต่ยังไม่วายกระเซ้าอีกฝ่าย “แต่สารวัตรก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่ดีมิใช่หรือครับ”
“ผมไม่อยากปักใจเชื่อในสิ่งที่หาคำอธิบายไม่ได้ และการทำคดีส่งฟ้องศาล จำเป็นต้องมีหลักฐานที่เชื่อถือและพิสูจน์ได้” สารวัตรเฟย์ตอบยิ้ม ๆ “พ่อของผมจะเป็นเสมียนของสำนักงานโคโรเนอร์หรือผู้สืบสวนการตายประจำเมือง เมื่อยังเล็ก ผมไปเที่ยวเล่นตามถนนแถวนั้นอยู่บ่อย ๆ และค่อนข้างคุ้นเคยกับภาพของพวกกู้ภัยทางทะเลหามเปลที่มีศพมาไว้ที่โรงทึมซึ่งอยู่ติดกับสำนักงานเพื่อรอชันสูตรและออกเอกสาร แต่สำหรับเรื่องภูตผีปีศาจกลับเป็นเรื่องตรงข้าม เพราะเมื่อได้ฟังพวกผู้ใหญ่เล่าเรื่องผีหรือเรื่องแปลกประหลาดกันทีไร ผมก็กลับบ้านไปนอนคลุมโปง ฝันร้ายไปหลายคืน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่เคยเห็นภูตผีหรือปีศาจเป็นตัวเป็นตนสักที”
“ถึงจะกลัวเต็มที แต่เราก็มักจะชอบฟังเรื่องผีหรือเรื่องพิศวงอยู่นั่นเอง” โทบี้ว่า “ไม่เช่นนั้น ตาบาร์นัมคงไม่เพียรสรรหาคนแปลก ๆ หรือสิ่งแปลก ๆ ที่ค่อนข้างจะน่ากลัวหรือเขย่าขวัญมาแสดงให้คนดูอยู่เนือง ๆ มิหนำซ้ำ คนยังยินดีจะจ่ายเงินเพื่อทำให้ตัวเองผวาอีกด้วย”
“จริงทีเดียว” ข้าพเจ้าเสริม “นิยายลึกลับ เรื่องผีสางถือเป็นนิยายประเภทหนึ่งซึ่งขายดี และมีคนทวงถามมาไม่น้อยเลยทีเดียว”
ว่าแล้ว ข้าพเจ้าก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “สารวัตรพอจะเล่าให้เราฟังได้ไหมครับว่า เรื่องเล่าเกี่ยวกับภูตผีที่โรบินฮู้ดส์เบย์ที่สารวัตรได้ฟังมา
คำขอของข้าพเจ้าดูจะทำให้เขาลังเล แต่เมื่อได้รับการสนับสนุนจากโทบี้ เขาจึงพยักหน้ารับว่าจะเล่า และนิ่งนึกอยู่ครู่หนึ่งเพื่อทบทวนความทรงจำ และเลือกว่าจะเล่าเรื่องใดดี
“เอาเรื่องนี้ก็แล้วกัน เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมขยาดที่จะเดินเล่นแถวสุสานและโบสถ์ใกล้ ๆ กันนั่นไปนานทีเดียว”
(มีต่อนะคะ)