ลูกค้าประจำขอลาขาด หมดหวังแล้วจริงๆกับ Air Asia

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกว่าดิฉันสมัครเป็นสมาชิก pantip มานานแล้ว แต่ไม่เคยเข้ามาตั้งประทู้อะไร
ส่วนใหญ่จะเข้ามาอ่านมากกว่า แต่วันนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ อัดอั้นตันใจมากและอยากได้คำอธิบาย
ไม่ได้จะมาวีนเหวี่ยงอะไรเพราะไม่ใช่นิสัย และอีกอย่างก็คือคิดว่าวีนหรือเหวี่ยงไปก็เท่านั้น คงไม่ช่วยอะไรหรอก
แต่สิ่งที่ต้องการวันนี้คืออยากให้ Air Asia ลองทบทวนการบริการของตนเอง ถ้าจะเอาไปแก้ไขอะไรบ้างก็คงเป็นประโยชน์ต่อคนที่ยังใช้บริการคุณอยู่นะคะ

ครอบครัวของดิฉันเป็นครอบครัวที่ต้องเดินทางข้ามจังหวัดบ่อยมาก จึงใช้บริการสายการบินบ่อย
และสายการบินที่ใช้บ่อยที่สุดก็คือ Air Asia ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกแย่กับ Air Asia มาหลายครั้ง
แต่ทุกครั้งก็จะปล่อยๆไป ถือจะซะมีปล่อยๆไปซะเรื่องมันก็จบ ก็เลยไม่เคยบ่นอะไร
พอครั้งต่อไปก็กลับมาใช้บริการเหมือนเดิมก็เลยไม่มีเรื่อง
แต่ครั้งสุดท้ายนี้มันเกินทนจริงๆ โดยเรื่องมีอยู่ว่า :

สมาชิกในครอบครัวของดิฉัน 3 คน คือคุณพ่อ คุณแม่ และพี่สาว ได้จองตั๋วเครื่องบินของ Air Asia ไว้
เป็นตั๋วไป-กลับระหว่าง ตจว. กับ กรุงเทพ ขาบินมาจาก ตจว. ไม่มีปัญหาอะไร
แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อตอนขากลับที่จะบินจากดอนเมืองไปยังตจว.
ตั๋วขากลับที่จองไว้เป็นของวันศุกร์ที่ 2 มกราคม 2015 ช่วงค่ำ
โดยซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้ 30 kg. ในชื่อของคนๆเดียวคือชื่อคุณพ่อเพราะคิดว่าจะเช็คอินพร้อมกันอยู่แล้ว
แต่เผอิญว่าคุณพ่อมีเหตุจำเป็นทำให้ต้องรีบกลับไปก่อนตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันเดียวกันนั้น (คือรอให้ถึงค่ำไม่ได้ ต้องรีบไป)
คุณพ่อจึงต้องทิ้งตั๋วที่จองไว้แล้วจองตั๋วใหม่ของช่วงเช้าบินไปก่อน
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของปัญหา

ดิฉันพร้อมคุณแม่และพี่สาวเดินทางไปถึงสนามบินดอนเมืองเพื่อเช็คอินก่อนเวลาถึง 2 ชม. เพราะคุณแม่เป็นคนชอบเผื่อเวลาอยู่แล้ว
และตามเคย ปัญหาซ้ำซากที่ต้องเจอแทบทุกรอบก็คือตอนที่ยืนต่อแถวกันรอเช็คอินที่เคาท์เตอร์ของ Air Asia จะต้องโดน
กลุ่มคนจีนจำนวนมากรุมกันเข้ามาแซงคิว อันนี้เป็นอันแรกที่ไม่เข้าใจ
Air Asia มีพนง.ที่ยืนคุมอยู่ตรงแถวที่ต่อกันอยู่นั้น 4-5 คน 2-3 คนจะยืนทำอะไรก็ไม่รู้ อันนี้ดิฉันไม่ทราบจริงๆว่าเขาทำหน้าที่อะไร
ส่วนอีก 2 คนจะยืนอยู่ตรงหัวแถวหน้าสุดเพื่อคอยบอกให้คิวถัดไปไปยังเคาท์เตอร์ที่ว่างแล้วเพื่อทำการเช็คอิน
เวลากลุ่มคนจีน 'บุก' เข้ามาแซงคิวคนที่ยืนต่อแถวกันอยู่เนี่ย นึกภาพออกใช่มั้ยคะ เขาไม่ได้บุกเข้ามาคนเดียว
แต่มากันเป็นกองทัพแล้วก็เรียกคนที่อยู่นอกแถวให้ 'ปีน' 'ป่าย' 'ก่าย" ตามๆกันมา คนที่อยู่ในแถวบ้างก็ยอมๆไปเพราะไม่อยากมีเรื่อง
บ้างก็พยายามไล่ให้คนเหล่านั้นไปเข้าแถว แต่ก็รู้ๆอยู่ว่าไม่เป็นผล ทำอะไรไม่ได้หรอก คนกลุ่มนี้พลังเหลือเฟือจริงๆ
ส่วนพนง. Air Asia ที่ยืนๆกันอยู่ 4-5 คนก็ได้แต่มองๆ ทำเป็นไม่เห็นบ้าง ไม่มีใครสนใจจะทำอะไร ได้แต่ปล่อยให้คนในแถวจัดการกันไปเอง
เอาล่ะ ไม่เป็นไร เราก็พยายามเข้าใจว่าพนง.เองก็ไม่อยากมีปัญหาเหมือนกัน... นี่พยายามเข้าใจแบบเข้าข้างเลยนะ

ไม่เป็นไร ยังไงพวกเราก็เผื่อเวลาโดนแซงมาตั้ง 2 ชม.แล้ว โดนไปซัก 15 คิวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

แล้วเรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อถึงคิวเราเข้าไปเช็คอิน
กระเป๋าที่จะโหลดเข้าไปใต้ท้องเครื่องมี 2 ใบ ชั่งน้ำหนักรวมกันแล้วได้ 20 kg. (จากที่ซื้อไว้ตั้ง 30 แหนะ)
และแม่กับพี่สาวก็จะถือขึ้นเครื่องไปอีกคนละ 1 ใบค่ะ
เมื่อคุณแม่กับพี่สาว(โดยมีดิฉันยืนอยู่ด้วยกันเฉยๆ)ยื่นบัตรประชาชนส่งให้พนง.เคาท์เตอร์แล้วก็มีบทสนทนาสั้นๆดังนี้ค่ะ :
พนง.       :   "แล้วคุณ...(ชื่อคุณพ่อ)...ล่ะคะ?"
คุณแม่    :   "อ๋อ คนนั้นเขาเดินทางล่วงหน้าไปก่อนตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ไม่ได้มาด้วยกัน เลยต้องทิ้งตั๋วเลย"
พนง.       :   "ถ้าอย่างนั้นกระเป๋า 2 ใบนี้ก็โหลดไม่ได้ค่ะ" (อยู่ๆก็ปั้นเสียงแข็งขึ้นมาซะอย่างนั้น)
คุณแม่    :   "หา??? แต่นี่คือซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้ตั้ง 30 กิโลฯแล้วนี่คะ นี่เอามาแค่ 20 กิโลฯเอง"
พนง.       :   "ซื้อไว้ในชื่อคุณ...(ชื่อคุณพ่อ)... ถ้าผู้โดยสารไม่มาเช็คอินก็โหลดไปไม่ได้ค่ะ"
คุณแม่    :   ...อึ้งค่ะ พูดไม่ออก...
ดิฉัน       :   "ถ้าอย่างนั้นต้องทำยังไงคะถึงจะโหลดได้"
พนง.      :   "กระเป๋า 2 ใบ ต้องเสียค่ากระเป๋าส่วนเกินใบละ 900 บาท ก็เสียแค่ใบเดียวแล้วอีกใบเอาขึ้นเครื่องไปด้วยก็ได้ค่ะ"
คุณแม่    :   "แต่ที่จะเอาขึ้นเครื่องก็มีคนละใบอยู่แล้ว แล้วใบนี้ก็ใหญ่ด้วย(เพราะเตรียมมาโหลดลงเครื่อง)"
พนง.      :   "ถ้าอย่างนั้นก็เสีย 2 ใบ ใบละ 900 บาท เป็น 1,800 บาทค่ะ"
คุณแม่    :   ...อึ้งกว่าเดิมค่ะ ตั๋วเครื่องบินคุณพ่อที่จองไว้ก็เสียไปฟรีๆ แถมนี่ยังต้องเสียค่ากระเป๋าที่ซื้อน้ำหนักไว้แล้วอีก 1,800 บาท
                    อะไรจะเสียหลายต่อกันปานนั้น... อึ้งอย่างเดียว...
ดิฉัน      :   "งั้นถ้าจ่ายเพิ่มใบเดียว 900 บาท แล้วอีกใบเอาขึ้นได้ใช่มั้ยคะ ขึ้นเครื่อง 2 คนเอาขึ้น 3 ใบได้นะคะ"
พนง.    :   "ได้ค่ะ ขนาดไม่เกินเอาขึ้นได้ รบกวนเอาใบนี้ไปชำระค่ากระเป๋าที่เคาท์เตอร์ Air Asia ด้านใน แล้วไปที่ Gate XX ได้เลยค่ะ"

ตัดบทจบอย่างนั้นแล้วก็พาคุณแม่ไปจ่ายค่ากระเป๋าเพิ่ม
แต่เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากนั้นคุณแม่ยังแอบบ่นว่าเหมือนโดนแกล้ง
พอขึ้นเครื่องไป ที่นั่งว่างยังมีอีกตั้งเยอะแยะ แต่แม่กับพี่สาวถูกให้จับนั่งคนละที่กัน ไกลกันไปเลย
อ้อ! แล้วอีกอย่างที่เจอบ่อยมากๆบนเครื่อง Air Asia ก็คือเมื่อขึ้นเครื่องไปแล้วจะต้องเจอเด็กเล็กๆโวยวายเสียงดัง
เจอคนที่ทำพฤติกรรมแปลกๆเช่นเดินไปเดินมาที่ทางเดิน(แคบๆ)ไม่ยอมหยุด แล้วอื่นๆอีกหลายอย่าง
ไม่เคยเห็นพนง.บนเครื่องของ Air Asia คิดจะทำอะไรเลยสักที ผู้โดยสารทนได้ก็ทนไป ดูแลตัวเองกันตั้งแต่เช็คอินยันลงจากเครื่องเลย

เรื่องของน้ำหนักกระเป๋านั้น ที่ดิฉันตัดบทไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรในตอนนั้นก็เพราะพยายามจะเข้าใจระบบของคุณนะ
ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกรึเปล่าว่า เมื่อผู้โดยสารคนที่ซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้ไม่ได้เช็คอิน กระเป๋าที่จะเอาขึ้นเครื่องไปทั้ง 2 ใบนั้นจึงไม่มีชื่อใครรองรับ
เพราะในระบบคุณคงจะโชว์ว่าชื่อคุณแม่กับพี่สาวของดิฉันไม่ได้ซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้ ถ้าจะเอาไปก็คือต้องซื้อใหม่ในนามตัวเองเท่านั้น
ในกรณีนี้ดิฉันปลอบใจคุณแม่ด้วยการใช้คำว่า "ระบบมันโง่"... วงเล็บไว้กับตัวเองว่าเป็นความโง่ที่รับได้ยากเหลือเกิน
เหตุผลก็คือ ตอนเช็คอินคุณก็รู้ใช่ไหมว่ากรุ๊ปนี้จองไว้ 3 คนด้วยกันตั้งแต่แรก ไม่งั้นคุณคงไม่ถามขึ้นมาหรอกว่าคุณพ่อของดิฉันไม่เช็คอินหรือ
แล้วในเมื่อคุณรู้อยู่แล้ว มันโชว์ขึ้นมาอยู่แล้วว่ามาด้วยกัน แต่อีกคนเช็คอินไม่ได้ ระบบของคุณก็ดันทำอะไรไม่ได้เลย
วิธีเดียวคือต้องให้ลูกค้าซื้อน้ำหนักกระเป๋าใหม่เท่านั้น มันใช่เรื่องหรอ
คือถ้าระบบมันไม่โชว์ คุณไม่รู้ว่า 3 คนนี้มาด้วยกัน คุณจะให้ไปซื้อน้ำหนักกระเป๋าใหม่ก็คงว่าไม่ได้ แต่ประเด็นคือมันก็โชว์หนิ
คือดิฉันไม่ได้กำลังจะบอกว่านี่เป็นความผิดของสายการบินเพียงอย่างเดียว พยายามเข้าใจว่าระบบของคุณมันคงมีข้อจำกัดของมันอยู่
แต่สิ่งที่กังขามากก็คือคุณไม่มีวิธีการจัดการที่ดีกว่าให้ลูกค้าต้องไปซื้อใหม่ เสียค่าปรับ เสียตังเพิ่ม อะไรพวกนี้เลยหรอ
ทุกอย่างกลายเป็นภาระของลูกค้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสายการบินก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรสักอย่าง
เอาจริงๆในกรณีนี้ดิฉันคิดว่าคุณแม่หรือพี่สาวของดิฉันสมควรที่จะเสียค่าปรับเป็นเงินจำนวนหนึ่ง
ซึ่งควรเป็นค่าดำเนินการย้ายชื่อกระเป๋าหรืออะไรก็ว่ากันไป แต่ไม่ควรถึงกับต้องซื้อใหม่ 100% แบบนี้ มันเกินไปนะ
ทำแบบนี้มันดูจ้องจะเอาเปรียบกันเกินไป แม้แต่ครอบครัวของดิฉันที่เป็นลูกค้ามาอย่างยาวนานก็รับไม่ได้ล่ะค่ะ

ล่าสุดวันนี้ต้องจองตั๋วเครื่องบินให้คุณพ่อ คุณแม่ พี่สาวอีก ทั้ง 3 คนโทร.มาบอกวันเวลากับดิฉันที่ทำหน้าที่จองให้ทุกครั้งเรียบร้อย
พร้อมระบุต่อท้ายว่า "อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ Air Asia" ถือเป็นการลาจากที่น่าประทับใจ สั้น ง่าย ได้ใจความค่ะ
ก็เลยจองให้แล้ว เป็นสายการบินอื่นจริงๆ แล้วจากนี้ไปก็คงไม่ใช้บริการ Air Asia อีกแล้วด้วย
เห็นมาเยอะแล้วกับความประทับใจแย่ๆของเพื่อนฝูง คนรอบข้างในเฟสบุ๊คบ้าง ในวงสนทนาบ้าง คนอื่นๆเขาลาขาดกันมานานแล้ว
นึกไม่ถึงว่าจะมาถึงคิวเราเอาซะฤกษ์ดีปีใหม่เลย ปีใหม่นี้และจากนี้เป็นต้นไปก็คงลาขาดตามคนอื่นๆเขาแล้วล่ะค่ะ

ไหนๆก็จะลากันแล้ว ยังไงก็ขอฝากเรื่องคนจีนแซงคิว กับเรื่องความวุ่นวายบนเครื่องของคุณหน่อยก็แล้วกันนะคะ
สงสารคนอื่นที่ยังเลือกใช้บริการคุณอยู่ อยากฝากว่าลูกค้าของคุณเขาไม่ได้ไม่มีทางเลือกก็เลยต้องมานั่งเครื่องคุณตลอดหรอกนะ
ที่เขายังเลือกใช้บริการอยู่ก็เพราะยังมีความรู้สึกดีๆให้ ยังไงก็ดูแลกันบ้างเถอะค่ะ

ไม่ได้หวังว่าจะได้คำตอบที่น่าพอใจหรืออะไร แค่อยากฝากเอาไว้เผื่อจะเอาไปปรับปรุงบริการให้คนอื่นที่เขายังใช้บริการอยู่ค่ะ

ด้วยความเคารพ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ปกติเคยบินต่างประเทศบ้างรึเปล่าคะ หรือเคยบินแต่ในประเทศ

ปกติ กระเป๋าใคร กระเป๋ามันอยู่แล้ว เวลาโหลดห้ามฝากกัน ป้องกันอีกหลายกรณี
กรณีนี้ คุณให้พ่อคุณซื้อโหลดคนเดียวเลย 30 โล กะรวมกระเป๋าของทั้งบ้านให้พ่อโหลด ซึ่งถ้าคิดในกรณีของสายการบิน
เขาไม่สนหรอกว่าคุณเป็นครอบครัวเดียวกัน จริงๆแล้ว ควรจะแยกกันโหลดของ ของใครของมัน และอย่ารับฝากของคนอื่น

สายการบินไม่ผิดสักนิดที่ไม่ให้แม่คุณโหลด
และยังใจดีให้เอาขึ้นเครื่องได้เอง หนึ่งใบ ประหยัดคุณไป 900 บาท
คุณโง่เอง ที่ดันซื้อไว้ในชื่อของพ่อคนเดียว ไม่ใช่ระบบโง่

พ่อคุณทิ้งตั๋ว ซื้อใหม่ นั่นก็เรื่องของพวกคุณ ไม่เกี่ยวกับสายการบิน

ที่นั่ง เจ้าหน้าที่ไม่ได้จัดให้นั่งด้วยกัน แสดงว่าคนเยอะ ถึงแม้จะมีที่โหว่ๆอยู่บ้าง แต่ไม่มีที่นั่งติดกัน 3 ตัว เขาถึงต้องแยกที่นั่ง
ถ้าอยากนั่งติดกัน ทีหลังจ่ายเงินเลือกที่นั่งตอนจองซะ จะได้ไม่ผิดหวัง

คนเดินบนเครื่อง เป็นเรื่องปกติ

เด็กจะร้อง ไม่ใช่ความผิดแอร์



สงสัยจริงๆ ว่าเคยขึ้นเครื่องบ่อยจริงรึเปล่า
ความคิดเห็นที่ 21
จขกท. โง่หนะครับ สั้นไม่มีอะไรมากมายกว่านี้ละครับ
ความคิดเห็นที่ 10
อืม ผมว่าบางทีผู้โดยสารแบบนี้ลาๆไปบ้างซะก็ดีครับ

อ่านแล้วก็ไม่เห็นว่าสายการบินจะผิดตรงไหนในเรื่องการโหลดกระเป๋า เห็นจะมีผิดตรงที่ไม่จัดการคิวที่มีคนจีนมาแซง และความวุ่นวายบนเครื่องที่พนักงานไม่ดูแลให้เรียบร้อย

ส่วนเรื่องโหลดกระเป๋า บุคกิ้งเดียวกันแชร์น้ำหนักกันได้ แต่โหลดกระเป๋าแทนกันไม่ได้ คือคนที่ซื้อน้ำหนักสัมภาระต้องมาเชคอิน อันนี้เข้าใจง่าย

มากๆ ผมว่าคุณก็เข้าใจ แล้วระบบมันก็ไม่ได้โง่ มันเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยของการบิน คือพ่อคุณไม่อยู่ แต่จะให้ใครก็ไม่รู้มาโหลดกระเป๋าไป

ได้ยังไง ต่อให้เป็นบุคกิ้งเดียวกัน ถ้ากระเป๋ามีปัญหาจะไปตามกับใคร ในเมื่อชื่อเจ้าของสัมภาระไม่ได้ขึ้นเครื่องไปด้วยเลย สายการบินทำถูกแล้วที่ให้

คุณซื้อน้ำหนักกระเป๋าใหม่ในชื่อของคุณ แล้วที่คุณบอกว่าน่าจะเปลี่ยนเป็นค่าดำเนินการย้ายชื่อสัมภาระ เสียค่าปรับเพิ่มอะไรนั่น มันไม่มีหรอกครับ ผม

อ่านๆแล้วที่คุณบอกว่า "ระบบมันโง่" ผมว่าไม่ใช่ระบบหรอกครับที่โง่  กรณีของคุณสายการบินไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยแม้แต่

สตางค์แดงเดียว เพราะคุณมาเชคอินไม่ครบ เป็นปัญหาของคุณ ไม่ใช่ของสายการบิน
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าผู้โดยสารไม่มา check-in ก็ไม่มีใครสามารถโหลดกระเป๋าแทนได้มันเป็นกฏอยู่แล้วค่ะ และถ้าเราเป็นผู้โดยสารร่วมไฟลท์นั้นถ้ารู้ว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยละเลยก็คงใจไม่ดี มาตการนี้น่าจะป้องกันการเหตุร้ายหลายอย่างจากการโหลดกระเป๋าโดยใช้ชื่อผู้อื่นแฝงมาก่อเหตุร้าย

ส่วนเรื่องอื่นๆขอไม่ตอบจ้า.
ความคิดเห็นที่ 27
เลิกขึ้นก็ดีครับ สงสารพนักงานเชคอิน แอร์ ที่ต้องรับมือกับมนุษย์ป้า และว่าที่มนุษย์ป้าแบบนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่