เรารู้สึกว่าที่ผ่านมาไม่เข้าใจตัวเองเลยค่ะ คิดว่าตัวเองนิสัยแบบนี้ พอมาเจอสถานการณ์บางอย่าง เหตุการณ์บางอย่างในชีวิตแล้วถึงได้รู้ว่าเราไม่ได้ชอบแบบนี้ ไม่ได้นิสัยแบบนี้ อย่างที่เราเข้าใจมาตลอด เราขอยกตัวอย่างนิสัยของตัวเองที่เราสับสน
1. เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนอัธยาศัยดี
ที่คิดแบบนี้เพราะเคยทำงานพาร์ทไทม์บริการที่ต้องใช้ Service Mind เข้าหาลูกค้า ยิ้มแย้ม และเต็มใจให้บริหาร ตอนทำรู้สึกมีความสุข สนุกจนลืมเวลา เราทำได้ดีเสมอ เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ผู้จัดการก็มักชื่นชม รวมถึงเพื่อนๆ ร่วมงานเราก็ไม่ได้มีปัญหา เรานอบน้อม ยิ้มแย้มกับทุกคนเสมอ เรียกว่ามีอะไรก็ยิ้มไว้ก่อน ทั้งที่จริงๆ แล้ว เราแค่เป็นคนที่เต็มที่กับงาน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น(ตามหน้าที่นะ) แต่ถ้าเกิดนอกเหนือจากงานจะไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครก่อนจะไม่หาเรื่องคุย ไม่เล่าเรื่องตัวเองให้คนอื่นฟัง ไม่ค่อยต่อบทสนทนา แต่จะเป็นผู้ฟังที่ดี เรามักรู้สึกเอาเองว่าคนที่อยู่กับเราเค้าจะอึดอัด และนั่นทำให้เราอึดอัดไปด้วย (ซึ่งคิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้) เราจึงชอบไปไหนมาไหนคนเดียว กินข้าว เดินเล่น หรือแม้แต่ไปห้างแล้วนั่งเหม่อคิดอะไร
เพลินๆ คนเดียวเป็นชั่วโมงๆ
2. เคยคิดว่าเป็นคนที่ชอบทำอะไรเป็นระบบ และอยู่ในกฏเกณฑ์
คือตลอดมาเป็นคนเคร่งครัดกับระเบียบค่ะ เช่น ทำงานต้องเต็มที่ ไม่ชอบมาสาย ไม่กลับก่อน ไม่หยุดงานโดยไม่จำเป็น ไม่ทำผิดกฏหมาย ไม่อยากทำผิดศีลธรรม เป็นมาตั้งแต่ตอนเรียน แต่ถึงอย่างงั้นเราก็กลับชอบอะไรมันสบายๆ เช่น เราชอบทำงานด้านศิลปะเช่น พากษ์เสียง เป็นพิธีกร ออกแบบกราฟฟิกต่างๆ ชอบสถานที่ทำงานลักษณะโฮมออฟฟิศ บรรยากาศไม่ตึงเครียด พอมาทำที่ใหม่ที่เป็นตึกสูงๆ ใหญ่ๆ แล้วอึดอัดค่ะ อึดอัดกับระเบียบด้วย อะไรที่เป็นระบบเกินไป ทำงานเอกสารด้วย นั่งเป็นคอก ต้องแขวนบัตรพนักงาน ต้องแต่งตัวสุภาพ ที่ทำงานเก่าเราแต่งสบายๆ ค่ะ ไม่ต้องห้อยบัตร แต่ลาออกเพราะไกลบ้านมาก และมีปัญหากล่องเสียงอักเสบ ทุกวันนี้ยังเสียดายเพราะเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุขคืองานใช้เสียง
3. เคยคิดว่าตัวเองเหมาะกับการเรียนสื่อสารมวลชน นิเทศศาสตร์
ก็เลยแอดมิดชั่นเข้าคณะประมาณนี้ เพียงเพราะพูดเก่งเวลาอยู่หน้าห้อง เวลานำเสนองาน จบมาตอนแรกทำงานด้านใช้เสียงก็มีความสุขนะคะ แต่ดันมามีปัญหาเรื่องสุขภาพ พอมาทำที่ที่สองเราก็ทำตำแหน่งแนว PR สื่อสารองค์กรอะไรทำนองนี้ กลายเป็นเบื่อๆ ไม่อยากประสานงานกับคนอื่น อยากอยู่เฉยๆ ทำงานของตัวเอง ไม่ต้องยุ่งกับใครมากนัก
4. เคยคิดว่าอยากทำงานออฟฟิศ แต่งตัว แต่งหน้าสวยๆ
พอเอาเข้าจริงๆ ชอบแต่งตัวสบายๆ ค่ะ เบื่อมากที่จะต้องหาเสื้อผ้าใส่ หารองเท้าใส่ ตื่นมาแต่งหน้าทำผม ทุกวันนี้ก็แอบโดนหัวหน้าเตือนเหมือนกันว่าทำตำแหน่งอย่างเรามันก็ต้องดูแลตัวเองหน่อย เรานี่ เล่นใส่รองเท้าแบนๆ ไม่มีส้น หัวก็ฟูๆ ตื่นมาก็หวีๆ หน้าก็แต่งอ่อนๆ ไม่ลงรองพื้นทาแต่แป้งผสมรองพื้น ไม่เป๊ะ ไม่สมกับตำแหน่งตัวเอง (แต่วันมาสัมภาษณ์นี่สวยเชียว โดนแซวว่าทำไมเดี๋ยวนี้ไม่เห็นสวยเหมือนวันแรกเลย 555+)
ตอนเรียนจบใหม่ๆ เคยอยากเป็นกราวน์ที่สนามบินค่ะ อย่างที่บอกไปว่าชอบงานบริการ แต่พอทำงานที่ทำอยู่มาได้ซักพักรู้สึกอยากหางานอะไรที่ไม่ต้องแต่งหน้า หรือสวยเป๊ะแล้ว เพลีย รวมถึงไม่อยากยุ่งกับใครมาก (ซะงั้น) และตอนนี้เรารู้สึกดีที่ไม่รีบเรียนต่อเหมือนเพื่อนๆ บางคนค่ะ ถ้าเราเรียนโทเลยคงเลือกเรียนด้านเดิม แต่พอได้มาทำงาน ทำให้คิดได้ว่าเราต้องรู้จัก และทำความเข้าใจตัวเองให้มากกว่านี้ หลายครั้งแอบคิดว่าตัวเองควรไปพบจินแพทย์มั้ย เผื่อจะได้คำปรึกษาที่มีประโยชน์
มีใครเป็นเหมือนเราหรือเปล่าคะ เป็นพวกไม่เข้าใจตัวเอง สับสน ทำให้เลือกเส้นทางชีวิต เลือกงานได้ไม่เหมาะ ไม่มีความสุข อยากฟังความคิดท่านอื่นๆ บ้างค่ะ
มีใครสับสน ไม่เข้าใจตัวเองแบบเราบ้างไหมคะ?
1. เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนอัธยาศัยดี
ที่คิดแบบนี้เพราะเคยทำงานพาร์ทไทม์บริการที่ต้องใช้ Service Mind เข้าหาลูกค้า ยิ้มแย้ม และเต็มใจให้บริหาร ตอนทำรู้สึกมีความสุข สนุกจนลืมเวลา เราทำได้ดีเสมอ เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ผู้จัดการก็มักชื่นชม รวมถึงเพื่อนๆ ร่วมงานเราก็ไม่ได้มีปัญหา เรานอบน้อม ยิ้มแย้มกับทุกคนเสมอ เรียกว่ามีอะไรก็ยิ้มไว้ก่อน ทั้งที่จริงๆ แล้ว เราแค่เป็นคนที่เต็มที่กับงาน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น(ตามหน้าที่นะ) แต่ถ้าเกิดนอกเหนือจากงานจะไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครก่อนจะไม่หาเรื่องคุย ไม่เล่าเรื่องตัวเองให้คนอื่นฟัง ไม่ค่อยต่อบทสนทนา แต่จะเป็นผู้ฟังที่ดี เรามักรู้สึกเอาเองว่าคนที่อยู่กับเราเค้าจะอึดอัด และนั่นทำให้เราอึดอัดไปด้วย (ซึ่งคิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้) เราจึงชอบไปไหนมาไหนคนเดียว กินข้าว เดินเล่น หรือแม้แต่ไปห้างแล้วนั่งเหม่อคิดอะไร
เพลินๆ คนเดียวเป็นชั่วโมงๆ
2. เคยคิดว่าเป็นคนที่ชอบทำอะไรเป็นระบบ และอยู่ในกฏเกณฑ์
คือตลอดมาเป็นคนเคร่งครัดกับระเบียบค่ะ เช่น ทำงานต้องเต็มที่ ไม่ชอบมาสาย ไม่กลับก่อน ไม่หยุดงานโดยไม่จำเป็น ไม่ทำผิดกฏหมาย ไม่อยากทำผิดศีลธรรม เป็นมาตั้งแต่ตอนเรียน แต่ถึงอย่างงั้นเราก็กลับชอบอะไรมันสบายๆ เช่น เราชอบทำงานด้านศิลปะเช่น พากษ์เสียง เป็นพิธีกร ออกแบบกราฟฟิกต่างๆ ชอบสถานที่ทำงานลักษณะโฮมออฟฟิศ บรรยากาศไม่ตึงเครียด พอมาทำที่ใหม่ที่เป็นตึกสูงๆ ใหญ่ๆ แล้วอึดอัดค่ะ อึดอัดกับระเบียบด้วย อะไรที่เป็นระบบเกินไป ทำงานเอกสารด้วย นั่งเป็นคอก ต้องแขวนบัตรพนักงาน ต้องแต่งตัวสุภาพ ที่ทำงานเก่าเราแต่งสบายๆ ค่ะ ไม่ต้องห้อยบัตร แต่ลาออกเพราะไกลบ้านมาก และมีปัญหากล่องเสียงอักเสบ ทุกวันนี้ยังเสียดายเพราะเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุขคืองานใช้เสียง
3. เคยคิดว่าตัวเองเหมาะกับการเรียนสื่อสารมวลชน นิเทศศาสตร์
ก็เลยแอดมิดชั่นเข้าคณะประมาณนี้ เพียงเพราะพูดเก่งเวลาอยู่หน้าห้อง เวลานำเสนองาน จบมาตอนแรกทำงานด้านใช้เสียงก็มีความสุขนะคะ แต่ดันมามีปัญหาเรื่องสุขภาพ พอมาทำที่ที่สองเราก็ทำตำแหน่งแนว PR สื่อสารองค์กรอะไรทำนองนี้ กลายเป็นเบื่อๆ ไม่อยากประสานงานกับคนอื่น อยากอยู่เฉยๆ ทำงานของตัวเอง ไม่ต้องยุ่งกับใครมากนัก
4. เคยคิดว่าอยากทำงานออฟฟิศ แต่งตัว แต่งหน้าสวยๆ
พอเอาเข้าจริงๆ ชอบแต่งตัวสบายๆ ค่ะ เบื่อมากที่จะต้องหาเสื้อผ้าใส่ หารองเท้าใส่ ตื่นมาแต่งหน้าทำผม ทุกวันนี้ก็แอบโดนหัวหน้าเตือนเหมือนกันว่าทำตำแหน่งอย่างเรามันก็ต้องดูแลตัวเองหน่อย เรานี่ เล่นใส่รองเท้าแบนๆ ไม่มีส้น หัวก็ฟูๆ ตื่นมาก็หวีๆ หน้าก็แต่งอ่อนๆ ไม่ลงรองพื้นทาแต่แป้งผสมรองพื้น ไม่เป๊ะ ไม่สมกับตำแหน่งตัวเอง (แต่วันมาสัมภาษณ์นี่สวยเชียว โดนแซวว่าทำไมเดี๋ยวนี้ไม่เห็นสวยเหมือนวันแรกเลย 555+)
ตอนเรียนจบใหม่ๆ เคยอยากเป็นกราวน์ที่สนามบินค่ะ อย่างที่บอกไปว่าชอบงานบริการ แต่พอทำงานที่ทำอยู่มาได้ซักพักรู้สึกอยากหางานอะไรที่ไม่ต้องแต่งหน้า หรือสวยเป๊ะแล้ว เพลีย รวมถึงไม่อยากยุ่งกับใครมาก (ซะงั้น) และตอนนี้เรารู้สึกดีที่ไม่รีบเรียนต่อเหมือนเพื่อนๆ บางคนค่ะ ถ้าเราเรียนโทเลยคงเลือกเรียนด้านเดิม แต่พอได้มาทำงาน ทำให้คิดได้ว่าเราต้องรู้จัก และทำความเข้าใจตัวเองให้มากกว่านี้ หลายครั้งแอบคิดว่าตัวเองควรไปพบจินแพทย์มั้ย เผื่อจะได้คำปรึกษาที่มีประโยชน์
มีใครเป็นเหมือนเราหรือเปล่าคะ เป็นพวกไม่เข้าใจตัวเอง สับสน ทำให้เลือกเส้นทางชีวิต เลือกงานได้ไม่เหมาะ ไม่มีความสุข อยากฟังความคิดท่านอื่นๆ บ้างค่ะ