วันนี้ตอนเย็น ไปวิ่งสามสวน สวนจตุจักร, สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์, สวนรถไฟ เหมือนปกติ
อาจเป็นเพราะวันอาทิตย์หรือเพราะหลังวันหยุดแล้วผู้คนแห่กันกลับมา ทำให้ถนนเส้นคั่นระหว่างสวนจตุจักรกับอีกสองสวน (กำแพงเพชร 3) ขาเข้ารถติดทั้งสองเลน
ตอนข้ามถนนฝั่งที่รถติด ก็มองขวาเพื่อระวังรถมอเตอร์ไซค์แซงมา จากนั้นพอพ้นสองเลน ก็มองซ้ายเพื่อดูรถสวนก่อนจะวิ่งข้าม ซึ่งมองไปเห็นรถเก๋งคันหนึ่งกำลังกลับรถอยู่ ทำให้ปิดถนนฝั่งสวนมาเอาไว้ ได้จังหวะจึงวิ่งข้าม ปรากฏว่าเสียงแตรดังแปร๊นมาทางขวา หันควับกลับไป รถสามล้อเครื่องคันหนึ่งเปิดเลนพิเศษวิ่งพุ่งมาอย่างเร็ว เสียงเบรคดังแอ๊ดๆ สองโก่ง ส่วนตัวผมออกมาถึงกลางเลนแล้ว
เพราะยังมีสติ จึงรีบพุ่งตัวต่อไม่หยุด พ้นเลนไปอย่างเฉียดฉิว แบบสามล้อเครื่องคันนั้นแทบจะเฉียดส้นเท้าเลยทีเดียว
ข้ามมาถึง รปภ.ฝั่งตรงข้ามยังมองตาค้าง ขณะวิ่งผ่านเขาผมก็ยิ้มแก้เขินพร้อมกับส่ายหัว พูดแก้เก้อว่า "เปิดเลนวิ่งมาอย่างนี้ได้ยังไงกัน" ส่วนเขาก็พูดออกมาว่า เรารอดมาได้ยังไงกัน
มาคิดดูแล้ว ผมเองก็มีส่วนผิด เพราะตรงนั้นไม่มีทางม้าลาย (ประตูทางออกที่จอดรถสวนจตุจักรที่เยื้องกับทางเข้าสวนสมเด็จฯ) แต่ก็เชื่อว่า ต่อให้มีทางม้าลายก็ไม่ช่วยอะไร
แม้คิดว่าระวังตัวและรอบคอบพอแล้ว แต่อุบัติเหตุก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอ สติคือสิ่งสำคัญ สามารถผ่อนหนักเป็นเบา
หลังจากนั้นก็วิ่งต่อตามแผน ไม่ไปคิดมาก วิ่งได้สิบสองกิโลเป็นครั้งแรกด้วย แต่ตั้งใจว่ากลับมาคงจะเขียนเล่าไว้เตือนเพื่อนๆ ที่วิ่งสามสวนแบบเดียวกัน เวลาข้ามถนนนอกจากต้องระวังทั้งสองเลนแล้ว ยังต้องระวังเลนพิเศษด้วย
ขณะเดียวกัน นึกถึงสารพัดประกันชีวิตที่ทำเอาไว้ ดีที่บอกแฟนไว้หมด ว่ามีของอะไรบ้าง และชิ้นงานที่ทำค้างไว้ เก็บอยู่ที่ไหนบ้าง
ปลงชีวิตกันเลยทีเดียว
ยังไงก็ระวังๆ กันนะครับ
ข้ามถนนเฉียดตาย จากสวนจตุจักรไปสวนรถไฟ
อาจเป็นเพราะวันอาทิตย์หรือเพราะหลังวันหยุดแล้วผู้คนแห่กันกลับมา ทำให้ถนนเส้นคั่นระหว่างสวนจตุจักรกับอีกสองสวน (กำแพงเพชร 3) ขาเข้ารถติดทั้งสองเลน
ตอนข้ามถนนฝั่งที่รถติด ก็มองขวาเพื่อระวังรถมอเตอร์ไซค์แซงมา จากนั้นพอพ้นสองเลน ก็มองซ้ายเพื่อดูรถสวนก่อนจะวิ่งข้าม ซึ่งมองไปเห็นรถเก๋งคันหนึ่งกำลังกลับรถอยู่ ทำให้ปิดถนนฝั่งสวนมาเอาไว้ ได้จังหวะจึงวิ่งข้าม ปรากฏว่าเสียงแตรดังแปร๊นมาทางขวา หันควับกลับไป รถสามล้อเครื่องคันหนึ่งเปิดเลนพิเศษวิ่งพุ่งมาอย่างเร็ว เสียงเบรคดังแอ๊ดๆ สองโก่ง ส่วนตัวผมออกมาถึงกลางเลนแล้ว
เพราะยังมีสติ จึงรีบพุ่งตัวต่อไม่หยุด พ้นเลนไปอย่างเฉียดฉิว แบบสามล้อเครื่องคันนั้นแทบจะเฉียดส้นเท้าเลยทีเดียว
ข้ามมาถึง รปภ.ฝั่งตรงข้ามยังมองตาค้าง ขณะวิ่งผ่านเขาผมก็ยิ้มแก้เขินพร้อมกับส่ายหัว พูดแก้เก้อว่า "เปิดเลนวิ่งมาอย่างนี้ได้ยังไงกัน" ส่วนเขาก็พูดออกมาว่า เรารอดมาได้ยังไงกัน
มาคิดดูแล้ว ผมเองก็มีส่วนผิด เพราะตรงนั้นไม่มีทางม้าลาย (ประตูทางออกที่จอดรถสวนจตุจักรที่เยื้องกับทางเข้าสวนสมเด็จฯ) แต่ก็เชื่อว่า ต่อให้มีทางม้าลายก็ไม่ช่วยอะไร
แม้คิดว่าระวังตัวและรอบคอบพอแล้ว แต่อุบัติเหตุก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอ สติคือสิ่งสำคัญ สามารถผ่อนหนักเป็นเบา
หลังจากนั้นก็วิ่งต่อตามแผน ไม่ไปคิดมาก วิ่งได้สิบสองกิโลเป็นครั้งแรกด้วย แต่ตั้งใจว่ากลับมาคงจะเขียนเล่าไว้เตือนเพื่อนๆ ที่วิ่งสามสวนแบบเดียวกัน เวลาข้ามถนนนอกจากต้องระวังทั้งสองเลนแล้ว ยังต้องระวังเลนพิเศษด้วย
ขณะเดียวกัน นึกถึงสารพัดประกันชีวิตที่ทำเอาไว้ ดีที่บอกแฟนไว้หมด ว่ามีของอะไรบ้าง และชิ้นงานที่ทำค้างไว้ เก็บอยู่ที่ไหนบ้าง
ปลงชีวิตกันเลยทีเดียว
ยังไงก็ระวังๆ กันนะครับ