Step 1 : Ethanol

- ระบายจากการระเหยออกทางผิวหนังและลมหายใจ ในรูป Ethanol เลย
(กลิ่นคนที่เพิ่งกินเหล้าไม่ถึง10นาที จะฉุนเหมือนกลิ่นเหล้าเองเลย)

Step 2 : Ethanol > Ethanal(Acetaldehyde)

- ที่เหลือ(ปริมาณมาก)ไหลไปตามกระแสเลือด ผ่านตับ เจอเอนไซม์ ADH (อัลกอฮอล์ดีไฮโดรจีเนส)
และเอนไซม์CYP2E1(ไซโตโคมออกซิเดส-2E1) จับเผา(ทำปฏิกิริยาออกซิเดชัน)เพราะเป็นสารแปลกปลอม
เปลี่ยนจาก อัลกอฮอล์สองคาร์บอน(Ethanol) เป็นอัลดีไฮด์สองคาร์บอน(Acetaldehyde) แทน
- Acetaldehyde ไม่เมาแต่จะแฮงก์ เพราะเป็นสารมีพิษ ขยายหลอดเลือดทำให้ผิวแดงเด่นชัดขึ้น
ทำให้ ปวดหัวตุ้บๆ กินเหล้าใหม่ๆยังไม่เกิดสารนี้มากนักเลยยังเมาชิลอยู่ พอกินไป อัลกอฮอล์ก็โดนเผาไปเรื่อยๆ
ได้สารนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเป็นมากขึ้นโดยลำดับ
- สารที่ได้ กลับมีพิษหนักข้อขึ้นกว่าตัวอัลกอฮอล์เอง โดยอัลดีไฮด์จะทำให้เกิดoxidative stressทำลายเซลล์ต่างๆได้
- Acetaldehyde ก็ระเหยได้เช่นกัน ส่วนหนึ่งก็จะออกมากับลมหายใจและทางผิวหนัง
(สารนี้กลิ่นเหมือนละมุด ดังนั้นคนที่กินเหล้าได้สักพักแล้วตัวจะเปลี่ยนจากกลิ่นเหล้าเป็นกลิ่นละมุด)

Step 3 Ethanol > Ethanal (Acetaldehyde)> Ethanoic Acid(Acetic Acid)

- อัลดีไฮด์สองคาร์บอนจากขั้นที่ 2 ก็จะโดนตับเผา(อีก)เพราะเป็นสารพิษ รอบนี้โดยเอนไซม์ ALDH2 (อัลดีไฮด์ดีไฮโดรจีเนส2)
เปลี่ยนจาก อัลดีไฮด์สองคาร์บอน(Acetaldehyde) เป็นกรดอินทรีย์สองคาร์บอน (Acetic Acid)
- คือ กรดน้ำส้มนั่นเอง... (สังเกตกลิ่นเอาเอง... -...-")
- ส่วนหนึ่ง ขับออกทางไต ไปกับปัสสาวะ

Step 4 Ethanol > Ethanal (Acetaldehyde) > Ethanoic Acid(Acetic acid) > AcetylCoA

- กรดน้ำส้มที่เหลืออีก จะถูกร่ายกายเอาไปเผาอีกครั้งเพื่อผลิตพลังงานเอาไว้เก็บเอาไว้ใช้โดยผ่านเอนไซม์ AcetylCoA Synthase
- ซึ่งก็จะกลายเป็น "เชื้อเพลิง" สร้างพลังงานให้ร่างกาย เหมือนพวกสารอาหารที่ให้พลังงานอื่นๆ

Step 5 Ethanol > Ethanal (Acetaldehyde) > Ethanoic Acid(Acetic acid) > AcetylCoA >>> CO2 / H2O

- เช่นเดียวกับสารอาหารอื่นๆที่วิ่งเข้าสู่ระบบ"เผาเพื่อผลิตพลังงาน" (Kreb's Cycle) แล้วก็ได้ผลลัพท์ไม่ต่างกับ
ปฏิกิริยาเผาใหม้อื่นๆ คือได้ ความร้อน ได้คาร์บอนไดออกไซด์ และได้น้ำ
- CO2 ขับออกทางลมหายใจ
- น้ำ ขับออกทางลมหายใจ ทางผิวหนัง ทางปัสสาวะ ทางอุจจาระ